กาแฟร้อนราคา $1 เมนูยอดนิยมในร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น จะเพิ่มราคาขึ้นเป็น $2 ดอลลาร์ โดยเป็นการปรับขึ้นราคาครั้งแรกในรอบ 13 ปี และคาดว่าราคาใหม่จะมีผลในวันอังคารที่ 4 ต.ค.นี้
การปรับราคาครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2009 ที่ผ่านมา
ขณะที่ชาวออสเตรเลียจำนวนมากยังคงเพลิดเพลินกับกาแฟดังกล่าวในราคาถูก แต่สำหรับผู้ไร้บ้านจำนวนไม่น้อย การเพิ่มราคาครั้งนี้หมายความว่าพวกเขาจะไม่สามารถซื้อกาแฟได้อีก
ลิโอเนล ฟาร์นแฮม (Lionel Farmham) จำหน่ายหนังสือพิมพ์ เดอะ บิ๊ก อิชชู (The Big Issue) หนังสือพิมพ์ท้องถนนของออสเตรเลียที่ให้โอกาสผู้ไร้บ้านและผู้ด้อยโอกาสในสังคมในการหางานทำ เขาจำหน่ายหนังสือพิมพ์นี้อยู่บนทางเท้าหน้าผับ ยัง แอนด์ แจ็คสัน (Young and Jackson) มาเป็นเวลา 25 ปีแล้ว
คุณฟาร์นแฮมเป็นผู้ไร้บ้านจนกระทั่งได้รับความช่วยเหลือจากองค์กรการกุศลซาลเวชัน อาร์มี (Salvation Army) เมื่อไม่กี่ปีก่อน กล่าวว่า สำหรับผู้ไร้บ้านนั้น การได้รับเครื่องดื่มร้อน ๆ จากผู้คนบนท้องถนนนั้น “เป็นเรื่องน่ายินดี”
“มันเป็นเรื่องดีที่มีเครื่องดื่มร้อน ๆ โดยเฉพาะในฤดูหนาว” คุณฟาร์นแฮมกล่าว
“นั่นเพราะผู้ไร้บ้านต้องอยู่ท่ามกลางอากาศเย็น และการได้กาแฟสักแก้วก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี”
“เครื่องดื่มร้อนราคาแก้วละ $1 ดอลลาร์ก็พอซื้อได้ แต่ถ้า $2 ดอลลาร์มันก็คงเป็นเรื่องยาก”
คุณฟาร์นแฮมกล่าวอีกว่า ผู้ไร้บ้านมักจะ “ไม่ได้รับเงินเลย” เขาอธิบายว่าผู้ไร้บ้านจำนวนมาก “อับอายเกินไป” ที่จะขอรับความช่วยเหลือจากเซ็นเตอร์ลิงก์ (Centrelink) ส่วนผู้ที่ได้รับความช่วยเหลืออยู่แล้วนั้น เงินสวัสดิการที่ได้รับก็ “ไม่เพียงพอเลย”
“พวกเขาต้องการความช่วยเหลือ” คุณฟาร์นแฮมกล่าว
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ค่าครองชีพในออสเตรเลียกำลังพุ่งสูงขึ้น ทำไมทุกอย่างถึงแพงจัง?
เสียงเรียกร้องเพิ่มเงินสวัสดิการผู้ว่างงานให้สูงขึ้น
เจนนี สมิธ (Jenny Smith) ประธานองค์กรผู้ไร้บ้านออสเตรเลีย (Homelessness Australia) กล่าวว่า ชาวออสเตรเลียจำนวนมากต้องเลือกระหว่างมีอาหารกินกับมีเงินจ่ายค่าเช่า ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่มาจากเงินสวัสดิการของรัฐบาลที่ไม่เพียงพอ
คุณสมิธกล่าวว่า ความกดดันจากค่าครองชีพ “กำลังสร้างแรงกดดัน” ต่อชาวออสเตรเลียที่มีเงินได้ในระดับต่ำสุด และกำลังเรียกร้องให้เซ็นเตอร์ลิงก์เพิ่มเงินสวัสดิการจากวันละ $45 ดอลลาร์เป็นวันละ $70 ดอลลาร์
เธอกล่าวว่า การดำรงชีวิตด้วยเงิน $45 ดอลลาร์นั้น “เป็นเรื่องที่นึกไม่ถึง”
“ชีวิตเป็นเรื่องยากลำบากมากสำหรับผู้มีรายได้น้อยในออสเตรเลีย” คุณสมิธกล่าว
“เรื่องการปรับราคาขึ้นที่คุณกำลังพูดถึง (การขึ้นราคากาแฟของเซเว่นอีเลฟเว่น) ถือเป็นเรื่องแย่อีกเรื่องในสถานการณ์ที่ยากลำบาก”
คุณสมิธกล่าวอีกว่า สภาสังคมสงเคราะห์แห่งออสเตรเลีย (ACOSS) ก็กำลังเรียกร้องให้มีการเพิ่มเงินช่วยเหลือค่าเช่าที่พักอาศัย จากปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ประมาณวันละ $10 ดอลลาร์ให้เพิ่มขึ้นเป็นวันละ $15 ดอลลาร์
“มันยังคงเป็นเงินได้ในระดับต่ำ ขณะที่มูลค่าของเงินเหล่านั้นก็มีเพียงแต่จะลดลงไป” คุณสมิธกล่าว
“แต่ในตอนนี้นับว่ามันเป็นเรื่องน่าอัปยศ”
คุณสมิธกล่าวว่า แม้อัตราเติบโตค่าจ้างเป็นเรื่องลำดับแรกในการอภิปรายของรัฐบาลปีนี้ แต่ก็ได้กล่าวอีกว่า “ยังไม่มีการพูดถึงการขึ้นค่าจ้างสำหรับผู้ที่มีรายได้น้อยที่สุด”
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ผลสำรวจบ้านเช่าทั่วประเทศพบแค่ 2% ที่คนรายได้น้อยเช่าได้
โครงการผู้ไร้บ้านสู่ผู้มีบ้าน (From Homeless to a Home)
คุณแอนดรูว์ (Andrew) เป็นผู้ไร้บ้านในช่วงการแพร่ระบาดใหญ่ของโควิด-19 และก่อนหน้านี้อาศัยรถตู้เป็นบ้าน เขาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการผู้ไร้บ้านสู่ผู้มีบ้าน (H2H) ซึ่งต่อมาเขาได้รับความช่วยเหลือให้มีที่พักอาศัยซึ่งต้องออกค่าใช้จ่ายเองครึ่งหนึ่ง และเงินสวัสดิการจากเซ็นเตอร์ลิงก์ของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า
คุณแอนดรูว์ กล่าวว่า เงินสวัสดิการจากเซ็นเตอร์ลิงก์ “น้อยเกินไป” ที่ผู้คนจะประทังชีวิตได้ และเขาก็ซื้อสิ่งของจำเป็นพื้นฐานได้ก็ต่อเมื่อเงินสวัสดิการเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า
“มันยากที่จะประทังชีวิตด้วยเงินสวัสดิการในระดับปกติ เพราะคุณต้องจ่ายค่าที่พักให้โรงแรม” คุณแอนดรูว์ กล่าว
“แต่เมื่อพวกเขาเพิ่มเงินสวัสดิการขึ้นเป็น 2 เท่าในช่วงโควิด มันเหมือนฟ้าประทานจริง ๆ ผมมีเงินซื้ออาหารและจ่ายค่ามือถือให้ใช้ต่อได้”
คุณแอนดรูว์ไม่คิดว่าการเพิ่มเงินเซ็นเตอร์ลิงก์จะเป็นเรื่องของการ “มอบไลฟ์สไตล์ใหม่อันยอดเยี่ยม” แต่เขามองว่าเป็นเรื่องของการให้โอกาสผู้คน “ในการมีชีวิตรอด”
เขาเล่าอีกว่า เมื่อใครสักคนเป็นผู้ไร้บ้าน กาแฟนั้นถือเป็น “ความหรูหรา” อันที่จริงแล้ว แม้กระทั่งอาหารก็ถือว่าเป็นความสำคัญอันดับ 3 ที่อยู่ตามหลังเรื่องสำคัญกว่าอย่างการหาที่พักพิง และการหาห้องน้ำใช้
“สิ่งที่ผู้คนเห็นแย้งกัน (ในเรื่องการขึ้นเงินสวัสดิการ) ก็คือการที่คนจะสุขสบายมากเกินไป และจะไม่พยายามมีส่วนร่วมในสังคมหรือในระบบเศรษฐกิจ และไม่หางานทำ” คุณแอนดรูว์กล่าว
“แต่ผมคิดว่า ความเป็นจริงก็คือจำนวนเงิน (สวัสดิการ) ที่จ่ายนั้นไม่ครอบคลุมค่าครองชีพจริง ๆ ซึ่งรวมถึงค่าที่พักอาศัยหรือค่าอาหารด้วย รวมถึงไม่ครอบคลุมการติดต่อกับใครด้วยโทรศัพท์มือถือ เพราคุณมีนัดมากมายที่คุณต้องเข้าพบ รวมถึงนัดกับหมอและผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต และอะไรทำนองนั้น”
คุณแอนดรูว์บอกว่า เซเว่นอีเลฟเว่นเป็นร้านโปรดของเขาเมื่อเขาเป็นผู้ไร้บ้าน
“เซเว่นอีเลฟเว่นเป็นร้านโปรดของผมในช่วงที่เป็นผู้ไร้บ้านก็ว่าได้ นั่นก็เพราะกาแฟราคา $1 ดอลลาร์ มันถือเป็นความหรูหราที่ผมซื้อได้” คุณแอนดรูว์กล่าว
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
รัฐมีเงินช่วยค่าไฟอะไรบ้าง? และคุณจะยื่นขอได้อย่างไร?
ในปี 2020 ก่อนที่การแพร่ระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด-19 จะเกิดขึ้น มีผู้คนมากกว่า 300 คนต้องหลับนอนอยู่ข้างถนนในเมลเบิร์นทุกคืน
อย่างไรก็ตาม มีผู้คนจำนวนมากที่ไม่มีที่อยู่อาศัย ซึ่งรวมถึงผู้ที่ต้องหลับนอนอยู่ในรถ หรือนอนอยู่บนโซฟาที่บ้านของคนอื่น และอาศัยอยู่ในที่พักพิงชั่วคราวที่แออัดอย่างรุนแรง
จากการสำรวจสำมะโนประชากร (Census) โดยสำนักงานสถิติแห่งออสเตรเลีย (ABS) เมื่อปี 2016 ได้บันทึกจำนวนผู้ไร้บ้านในเขตเมืองเมลเบิร์น 1,725 คน ขณะที่ทัวร์ออสเตรเลียนั้นมีผู้คนที่ได้รับการจัดให้เป็นผู้ไร้บ้านจำนวน 116,427 คน
โดยเฉลี่ยแล้ว ในจำนวนชาวออสเตรเลียทุก ๆ 1,000 คน จะมีจำนวนผู้ไร้บ้านอยู่ประมาณ 5 คน
เซเว่นอีเลฟเว่นระบุว่า การเปลี่ยนแปลงราคากาแฟร้อนดังกล่าวเป็นผลจาก “ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างกว้างขวางทั่วทุกส่วน ซึ่งทำให้ราคาในปัจจุบันไม่มีความยั่งยืน”
“เราเข้าใจถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นแม้จะเป็นการเพิ่มราคาเพียงเล็กน้อย เราให้ความสำคัญกับคุณและการสนับสนุนของคุณอย่างต่อเนื่อง และเราหวังว่าจะได้พบกับคุณอีกครั้งในร้านค้าของเราเร็ว ๆ นี้” เซเว่นอีเลฟเว่นโพสต์ในเฟซบุ๊ก
ทั้งนี้ เซเว่นอีเลฟเว่น ได้รับการติดต่อเพื่อแสดงความคิดเห็นว่า จะมีกลยุทธ์ในการช่วยเหลือผู้ไร้บ้านรวมถึงผู้ด้อยโอกาสในสังคมซึ่งต้องพึ่งพากาแฟราคา $1 ดอลลาร์หรือไม่
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่