ประเด็นสำคัญ
- ปัจจัยเสี่ยงเกิดไฟไหม้มักเกิดจากฮีตเตอร์และการสูบบุหรี่ อัคคีภัยอาจเกิดจากแหล่งความร้อนใดก็ได้
- สิ่งสำคัญในการป้องกันอัคคีภัยคือความระมัดระวังเรื่องวัตถุไวไฟ
- ควรสอนเด็กๆ เรื่องความปลอดภัยจากอัคคีภัยและการรับมือเหตุเพลิงไหม้
กด ▶ ด้านบนฟังพอดคาสต์
เหตุไฟไหม้บ้านส่วนมากมักสามารถป้องกันได้ ขณะที่ประกายไฟเกิดขึ้นได้เพียงชั่วขณะ
ผลจากประกายไฟเล็กๆ อาจไม่สามารถย้อนกลับได้ และเปลวไฟที่เล็กที่สุดอาจทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงหรือโศกนาฏกรรมอันน่าเศร้าได้
ร่วมกับหน่วยดับเพลิงแห่งรัฐวิกตอเรีย (Fire Rescue Victoria) ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้ที่อยู่อาศัยในแต่ละปีมากกว่าจากภัยธรรมชาติ เช่น อุทกภัย พายุและไฟป่ารวมกัน
คุณแอนดรูว์ กิสซิง (Andrew Gissing) หนึ่งในผู้เขียนรายงานการศึกษาฉบับนี้และประธานฝ่ายบริหารขององค์กรวิจัยภัยธรรมชาติแห่งออสเตรเลียกล่าวถึงผลการวิจัยเรื่องความเกี่ยวข้องกันระหว่างการเสียชีวิตที่ป้องกันได้และการป้องกันอัคคีภัย
“ช่างน่าเศร้าที่การเสียชีวิตจากอัคคีภัยในที่พักอาศัยนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้บ่อยในออสเตรเลีย การวิจัยของเราแสดงให้เห็นว่ามีผู้เสียชีวิต 900 รายจากเหตุอัคคีภัยในที่พักอาศัยที่สามารถป้องกันได้ ระหว่างปี 2003 – 2017 ผู้เสียชีวิตแต่ละรายเป็นโศกนาฏกรรมอย่างแท้จริง ตัวเลขผู้เสียชีวิตโดยเฉลี่ยในช่วงเวลานั้นคือ 64 รายต่อปี”
อัคคีภัยในที่พักอาศัยสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา มีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดไฟไหม้ แต่ทุกคนสามารถป้องกันเหตุเพลิงไหม้ได้ Credit: Robert Niedring/Getty Images/Cavan Images RF/Getty Images
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเรียกร้องให้ประชาชนใช้อุปกรณ์ทำความร้อนตามคำแนะนำของผู้ผลิต
นั่นคือหลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ทำความร้อนแบบใช้กลางแจ้ง (outdoor heating) ในบริเวณตัวอาคาร รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ “เม็ดความร้อน (heat beads)” หรือที่ใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (Liquefied Petroleum Gas – LPG) เป็นเชื้อเพลิง
คุณกิสซิงกล่าวว่าอุปกรณ์ทำความร้อนที่ออกแบบมาเพื่อใช้กลางแจ้งนั้นไม่เหมาะสำหรับใช้ในบริเวณตัวอาคาร เนื่องจากอาจทำให้มีการสะสมของก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (carbon monoxide) ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
“การเสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้ในที่พักอาศัยที่สามารถป้องกันได้มักเกิดขึ้นบ่อยในช่วงฤดูหนาว หลายกรณีเกิดจากฮีตเตอร์ (heaters) หรือเตาผิง ฯลฯ ช่วงฤดูหนาวประชาชนควรระมัดระวังเป็นพิเศษกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นเมื่อพวกเขาใช้ฮีตเตอร์หรือเตาผิง”
ฟังพอดคาสต์ที่เกี่ยวข้อง
เตรียมตัวให้พร้อม: วิธีง่ายๆ ในการเตรียมตัวให้ปลอดภัยในฤดูกาลไฟป่า
SBS Thai
05/01/202109:08
การศึกษาพบว่ากลุ่มประชากรที่เสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากเหตุอัคคีภัยในที่อยู่อาศัย ได้แก่ ผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีหรือผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 5 ปี
เด็กๆ ยังเสี่ยงต่อการบาดเจ็บจากไฟลวกอีกด้วย แม้ว่าจะโดนประกายไฟที่ดับง่ายก็ตาม
คุณไซมอน ซัลลิแวน (Simon Sullivan) ผู้จัดการแผนกส่งเสริมสุขภาพเด็กจากเครือข่ายโรงพยาบาลเด็กในซิดนีย์ (Kids Health Promotion Unit at the Sydney Children’s Hospital Network) กล่าวว่า
โดยทั่วไปแล้วเด็กเล็กเป็นกลุ่มเสี่ยงมากที่สุด ตามธรรมชาติแล้วพวกเขาค่อนข้างอยากรู้อยากเห็น
"และอุบัติเหตุเหล่านี้มักเกิดขึ้นภายในไม่กี่วินาที เด็กๆ มักมีผิวที่บอบบางมากกว่าผู้ใหญ่ ซึ่งหมายความว่าเมื่อเด็กๆ ถูกไฟไหม้ ผิวจะถูกเผาไหม้ได้ลึกและเร็วกว่า แม้จะเป็นความร้อนที่อุณภูมิต่ำ”
ทุกรัฐและมณฑลในออสเตรเลียมีข้อกำหนดเรื่องเครื่องตรวจจับควัน ซึ่งทุกคนควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ทุกปี Credit: sturti/Getty Images
แต่คุณกิสซิงเน้นว่ามักมีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดเหตุร่วมด้วย
“เหตุเพลิงไหม้ในที่อยู่อาศัยที่ป้องกันได้ส่วนใหญ่มักเกิดจากบุหรี่ ไฟฟ้าขัดข้อง ฮีตเตอร์และเตาผิง แต่ผมคิดว่าประเด็นสำคัญคือเมื่อเราดูที่ปัจจัยเสี่ยง ผลการวิจัยแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่ได้มีปัจจัยเสี่ยงเพียงอย่างเดียว เมื่อเราดูที่เหยื่อจากเหตุโศกนาฏกรรมจากอัคคีภัยในที่อยู่อาศัย มักมีปัจจัยต่างๆ ที่เกิดร่วมกันเกี่ยวเนื่องกับแต่ละบุคคล พฤติกรรมของพวกเขาและสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย”
ไฟปะทุออกมาจากเตาอบ Credit: Henrik Sorensen/Getty Images
คุณมาร์ก ฮาลเวอร์สัน (Mark Halverson) ผู้จัดการฝ่ายบริหารด้านความปลอดภัยจากอัคคีภัยที่หน่วยดับเพลิงและกู้ภัยเหตุฉุกเฉินแห่งรัฐควีนส์แลนด์ (Queensland Fire and Emergency Services - QEFS) กล่าวว่าการป้องกันเริ่มได้จากความรู้ถึงปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับแหล่งทำความร้อนและรับมือตามเหตุการณ์
“การติดไฟนั้นต้องมีความร้อนที่เพียงพอในการจุดวัสดุที่ติดไฟได้ แหล่งความร้อนอาจเป็นอะไรก็ได้ตั้งแต่อุปกรณ์ทำความร้อน อุปกรณ์ทำอาหารและแบตเตอรี่ที่ชาร์จอย่างไม่เหมาะสมหรือไม่ถูกต้อง ปกติแล้วเมื่อคนทั่วไปจะเข้านอนตอนกลางคืนหรือกำลังออกจากบ้าน"
พวกเขาควรแน่ใจว่าปิดแหล่งทำความร้อนดังกล่าวและจะไม่มีความเสี่ยงเกิดไฟขึ้นเมื่อพวกเขาไม่สามารถรับรู้ได้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นที่บ้านในช่วงเวลานั้น
ฟังพอดคาสต์ที่เกี่ยวข้อง
เรียกรถพยาบาลอย่างไรในออสเตรเลีย
SBS Thai
26/12/202211:39
ไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีเหตุอัคคีภัยสูงขึ้นในที่พักอาศัยซึ่งเกิดจากอุปกรณ์ที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (lithium-ion battery)
คุณฮาลเวอร์สันกล่าวว่าเหตุอัคคีภัยเหล่านี้สามารถป้องกันได้ หากผู้คนตระหนักถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องเมื่อไม่ใช้อุปกรณ์ชาร์จที่ดี
“ปัญหาส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นระหว่างการชาร์จแบตเตอรี่ เช่น หากเราใช้สกูตเตอร์ไฟฟ้า (e-scooter) เป็นต้น เนื่องจากสกูตเตอร์ไฟฟ้าบรรจุพลังงานค่อนข้างมาก ดังนั้นหากมีประกายไฟเกิดขึ้นจะเกิดเป็นพลังงานมากกว่าและมีโอกาสที่จะลุกลามได้เร็วกว่า ดังนั้นผมคิดว่าปัญหาอันดับหนึ่งคือหลายคนใช้อุปกรณ์ชาร์จที่ไม่ถูกต้องกับอุปกรณ์บางอย่าง"
การทื่ที่ชาร์จเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้ ไม่ได้หมายความว่าเป็นที่ชาร์จที่ถูกต้องเสมอไป
โทรศัพท์มือถือ แปรงสีฟัน เครื่องดูดฝุ่น แลปทอป อุปกรณ์ชาร์จไฟในครัวเรือนจำนวนมากใช้แบตเตอรี่ลิเธียม ไอออน Credit: Chonticha Vatpongpee / EyeEm/Getty Images
สิ่งเหล่านี้ได้แก่ กิ่งไม้แห้ง ขอนไม้ที่เก็บไว้ เสื้อผ้าเก่า อุปกรณ์ที่ติดไฟได้ง่ายต่างๆ รวมถึงผลิตภัณฑ์และสารเคมีที่มักเก็บไว้ในโรงเก็บของ
คุณฮาลเวอร์สันสรุปแนวปฏิบัติในการเก็บผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิง
“หากต้องเก็บอุปกรณ์ เช่น เชื้อเพลิงตัดหญ้าหรือเชื้อเพลิงสำหรับยานพาหนะ ควรเก็บในภาชนะที่เหมาะสมสำหรับเก็บเชื้อเพลิงและเก็บให้ห่างจากอุปกรณ์อื่นๆ และแน่นอนให้ห่างจากความร้อนสูง ผมคิดว่าสิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งคือเชื้อเพลิงและปุ๋ยไม่ควรอยู่ด้วยกัน นั่นเป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงที่คล้ายกัน ดังนั้นปัจจัยของความปลอดภัยในบ้านคือความมั่นใจว่าแยกเก็บวัสดุต่างๆ เหล่านี้และบรรจุในภาชนะที่เหมาะสม”
ควรมั่นใจว่าทุกคนในบ้านทราบว่าต้องทำอย่างไร ในกรณีเกิดอัคคีภัย Source: AAP / Getty Images/Imgorthand
อย่างไรก็ตามคุณฮาลเวอร์สันเตือนว่าอย่าพยายามดับไฟ หากไม่ได้เตรียมพร้อม
“การมีเครื่องตรวจจับควันไฟที่ทำงานได้ดีเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการรับประกันความปลอดภัยของเราและครอบครัวของเราที่บ้าน หากผู้ใดมั่นใจและมีอุปกรณ์เหมาะสมในการดับไฟ นั่นก็เป็นเรื่องดี แต่ผมขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ที่ไม่มั่นใจและไม่มีอุปกรณ์ที่เหมาะสมในการดับไฟ สิ่งสำคัญที่สุดที่พวกเขาสามารถทำได้คือพาตัวเอง ครอบครัวและคนอื่นๆ ที่อยู่ในบ้านออกไปข้างนอกให้เร็วที่สุดและโทรเบอร์ฉุกเฉิน 000 เพื่อขอหน่วยกู้ภัยดับเพลิงในพื้นที่”
ควรระมัดระวังในการจัดเก็บวัตถุไวไฟในบ้าน Credit: NoDerog/Getty Images
ตัวอย่างเช่น สอนเด็กๆ เรื่องความปลอดภัยจากอัคคีภัย นอกจากการโทรเบอร์ฉุกเฉิน 000
คุณซัลลิแวนแนะนำอีกว่าควรฝึกซ้อมดับเพลิงด้วย
“สิ่งแรกคือเตรียมแผนการหนีไฟในบ้านและฝึกกับครอบครัว สอนพวกเขาให้ ‘ก้มต่ำและหนีไป’ เพราะอากาศจะเย็นกว่า สะอาดกว่าเมื่ออยู่ใกล้พื้นดิน และสอนเด็กๆ ว่าหากเสื้อผ้าพวกเขาติดไฟ ให้ ‘หยุด ล้มตัวลง คลุมและกลิ้งตัว’ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกเขาเอามือบังหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บบนใบหน้าและให้พวกเขากลิ้งตัวไปกับพื้น มันจะช่วยดับไฟได้เช่นกัน”
ไม่ควรพยายามดับไฟด้วยตนเอง ยกเว้นไฟที่ยังไม่ลุกลามมากเกินไป และคุณมีอุปกรณ์ที่เหมาะสม Credit: Michael Blann/Getty Images
คุณซัลลิแวนบอกเคล็ดลับในการขจัดความกลัวและการสอนโดยใช้บทสนทนา
“ทำให้เป็นเรื่องง่าย ทำให้มันสนุก ทำให้น่ามีส่วนร่วม พยายามใช้กิจกรรมที่เกิดขึ้นจริง ผมคิดว่าจุดเริ่มต้นที่ดีคืออธิบายให้เด็กๆ ฟังถึงจุดประสงค์ของเครื่องตรวจจับควัน มันทำงานอย่างไร มันอยู่ที่ไหน มันหน้าตาเป็นอย่างไร มันจะมีเสียงอย่างไร เสียงเตือนแจ้งไฟไหม้และเสียงเตือนว่าแบตเตอรี่ต่ำ ดังนั้นหากเกิดเหตุไฟไหม้"
พวกเขาจะไม่ตื่นตระหนกเพราะพวกเขาคุ้นชินกับเสียงเตือนและสิ่งที่พวกเขาต้องทำ
อุบัติเหตุเกี่ยวกับความร้อนเกิดขึ้นได้ในไม่กี่วินาที หากปล่อยให้เด็กอยู่ในครัวโดยไม่มีใครดูแล Credit: tolgart/Getty Images
เคล็ดลับความปลอดภัยจากอัคคีภัยสำหรับผู้ปกครองและผู้ดูแลเด็ก
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
สิ่งที่ต้องรู้เพื่อป้องกันไฟไหม้