จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในช่วงเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนระบาดสูงสุดเมื่อต้นปีนี้ น่าจะเป็นสองเท่าของสถิติผู้ติดเชื้อที่มีการรายงานอย่างเป็นทางการ
การศึกษาวิจัยล่าสุด ซึ่งตรวจสอบระดับแอนติบอดีในกลุ่มผู้บริจาคโลหิต ยังพบว่ากลุ่มคนหนุ่มสาวมีอัตราการติดเชื้อที่ไม่ได้แจ้งสาธารณสุขสูงที่สุด
ขณะโควิด-19 ยังคงระบาดอย่างต่อเนื่องในทุกรัฐและมณฑลของออสเตรเลีย
กด ▶ เพื่อฟังสัมภาษณ์
LISTEN TO
คาดจำนวนผู้ติดโควิดน่าจะสูงกว่าสถิติทางการสองเท่า
SBS Thai
24/06/202206:02
ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนในออสเตรเลีย มีจำนวนสูงสุดเท่าที่เคยพบมา มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 1.5 ล้านคน ขณะที่อีกหลายล้านคนเข้าแถวรอรับการตรวจเชื้อในช่วงนั้น
แต่จากการศึกษาวิจัยโดยเก็บข้อมูลจากผู้บริจาคโลหิตเมื่อเร็วๆ นี้พบว่าอัตราการติดเชื้อที่แท้จริงนั้นสูงกว่าสถิติอย่างเป็นทางการมาก
ศาสตราจารย์จอห์น คาลดอร์ จากสถาบันเคอร์บี กล่าวว่า ตัวเลขของผู้ติดเชื้อที่แท้จริงน่าสูงกว่าสถิติอย่างเป็นทางการสองเท่า
“เราได้ทำการสำรวจผู้บริจาคโลหิตเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ และ ณ จุดนั้น มีผู้ติดเชื้อโควิดที่ถูกบันทึกสถิติไว้มากกว่า 1 ล้านราย ซึ่งหากคิดเป็นจำนวนเปอร์เซ็นต์ของประชากรออสเตรเลียแล้วก็มากพอสมควร แต่การสำรวจครั้งนี้พบว่า น่าจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่าสถิติทางการอย่างน้อยสองเท่า” ศ.คาลดอร์ กล่าว
การสำรวจที่ว่านี้ได้ตรวจสอบตัวอย่างเลือด 5,000 ตัวอย่างจากผู้บริจาคเลือด โดยมองหาแอนติบอดีที่ชี้เฉพาะถึงการติดเชื้อ ซึ่งไม่ได้มาจากการฉีดวัคซีน
ผลการวิจัยพบว่า เมื่อถึงช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ มีประชากรอย่างน้อยร้อยละ 17 ที่ได้ติดเชื้อเมื่อไม่นานก่อนหน้านั้น โดยในกลุ่มหนุ่มสาวนั้นสถิติเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 27
“คนในกลุ่มวัยหนุ่มสาว วัยผู้ใหญ่ตอนต้น เพราะคนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้บริจาคโลหิต ดังนั้น พวกเขาจึงต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป แต่ผู้ที่อยู่ในช่วงอายุ 20 ปีเศษหรือ 30 ปีเศษ มีอัตราการติดเชื้อสูงกว่าผู้ที่มีอายุ 50 ปีเศษ 60 ปีเศษ หรือ 70 ปีเศษ และนั่นก็สอดคล้องกับรูปแบบที่เราเคยเห็นในสถิติผู้ติดเชื้อที่มีการแจ้งเข้ามา” ศ.คาลดอร์ กล่าว
การพบแอนติบอดีจากการติดเชื้อโควิดมีสัดส่วนสูงสุดในรัฐควีนส์แลนด์ รองลงมาคือรัฐวิกตอเรียและนิวเซาท์เวลส์ ขณะที่มีการพบในอัตราต่ำสุดในเวสเทิร์นออสเตรเลีย
ศาสตราจารย์ คริสติน แมกคาร์ตนีย์ จากศูนย์วิจัยและเฝ้าระวังการสร้างภูมิคุ้มกันแห่งชาติ อธิบายว่า
“นั่นเป็นเพราะเหตุผล 2-3 ประการคือ ไม่ใช่ทุกคนที่ไปรับการตรวจเชื้อเมื่อไม่สบาย บางครั้งมีความท้าทายในการไปรับการตรวจเชื้อ และผู้ติดเชื้อบางคนไม่แสดงอาการป่วย ซึ่งมี 30-40 เปอร์เซ็นต์ไม่มีอาการป่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จะมีอาการป่วยน้อยลงหากคุณได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว” ศ.แมกคาร์ตนีย์ กล่าว
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า จำนวนการติดเชื้อที่แท้จริงในชุมชนนั้นอาจไม่สามารถรู้ได้แน่ชัด เนื่องจากยังไม่ชัดเจนว่าแอนติบอดียังคงอยู่ในร่างกายนานแค่ไหน และไม่สามารถตรวจพบได้ทั้งหมด
ในขณะที่ประชาชนเหนื่อยล้าจากสถานการณ์โควิด-19 และคุ้ยเคยกับการติดเชื้อที่พบทั่วไป แต่ผู้เชี่ยวชาญอย่าง นพ.คริส มอย จากแพทยสมาคมแห่งออสเตรเลีย กล่าวว่า ผู้คนควรต้องทำการตรวจเชื้อต่อไป
สิ่งที่เราไม่ต้องการคือมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากเกินไปพร้อมๆ กัน และผู้คนแพร่เชื้อไปสู่คนอื่นโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นในขณะนี้ยังมีเหตุผลที่จะต้องตรวจเชื้ออยู่
“เรายังคงมีปัญหาคือ ยังคงมีผู้ป่วย 3,000 รายในโรงพยาบาลในออสเตรเลีย ณ ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง จึงสร้างแรงกดดันมหาศาลต่อระบบสุขภาพในขณะนี้ ดังนั้นเพื่อจะให้ชะลอจำนวนลง ผู้คนที่ติดเชื้อต้องรู้ว่าตนเองติดเชื้อ และไม่นำเชื้อไปแพร่กระจายสู่ผู้อื่นอย่างรวดเร็วจนเกินไป และผู้ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อสามารถตอบสนองได้อย่างเหมาะสม” นพ.มอย จากแพทยสมาคมแห่งออสเตรเลีย กล่าว
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
'ควอนตัส-เจ็ทสตาร์' เตรียมเลิกบังคับใส่หน้ากากในบางเที่ยวบิน