กด ▶ ฟังพอดคาสต์ด้านบน
คุณบอนนี่ สิรินิธิ เล่าถึงประสบการณ์ทำงานเป็นดีเจกว่า 10 ปีที่ซิดนีย์ ออสเตรเลีย
ในวันที่เขายังเป็นนักเรียน ระหว่างกลับจากทำงานที่ร้านอาหารไทยรถเมล์ขับผ่านไนท์คลับและเขาเห็นดีเจสมัยก่อนที่แบกแผ่นเสียงไวนิลมาทำงาน
“ก็เป็นนักเรียนทั่วไปที่มาเรียนหนังสือ ก็นั่งรถกลับบ้านทุกวัน เห็นไนท์คลับคนเข้าเยอะๆ เห็นพวกดีเจแบกแผ่นไวนิลมา”
ดีเจบอนนี่กับเครื่องมิกซ์เสียงที่บูธดีเจ
อย่างไรก็ตามดีเจบอนนี่กล่าวว่าการเข้าวงการดีเจค่อนข้างยาก
เนื่องจากเราเป็นนักศึกษาต่างชาติ เราเป็น FOB (Fresh of the boat) 15 ปีก่อนฝรั่งเค้าไม่ได้ยอมรับความเป็นเอเชียของเราเยอะ ในประเทศนี้ ในมุมผมนะครับ
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
เจาะใจผู้จัดคนไทย ในยุคนิว นอร์มอล
ดีเจบอนนี่ต้องไปเสนอตัวเอง ขอเล่นฟรี ในขณะที่ก็ต้องเก่งพอที่จะทำงานและต้องมีคอนเน็คชั่นที่ดี ทั้งไปแบกกระเป๋าให้ดีเจรุ่นก่อนด้วย
โดยในวันแรก ๆ ไม่มีงานเลย จึงเริ่มจากการเปิดอะพาร์ตเมนต์แล้วชวนเพื่อนๆ มาปาร์ตี้ จนเริ่มมีกลุ่มคนฟังมากขึ้น
“จัดปาร์ตี้ตัวเองเลย เก็บค่าเข้าด้วย (หัวเราะ) ตอนแรกผมจะเล่นตามงานสมาคมนักเรียนไทย งานกีฬาสมานมิตรที่มีการแข่งระหว่างรัฐ ก็จะไปเปิดให้ เพราะสมัยนั้นดีเจคนไทยก็ยังน้อย”
การทำงานช่วงแรกๆ ต้องเริ่มเล่นเพลงในช่วงที่ยังไม่มีคน ซึ่งต้องจัดเซ็ตเพลงให้เหมาะสม
“ด้วยความที่ไนท์คลับเนี่ย รายได้หลักเค้ามาจากการขายเครื่องดื่มที่บาร์ เรายิ่งไปเร่งเพลงให้มันสนุกมากเกินไป คนก็ไม่ไปซื้อเครื่องดื่ม มัวแต่เต้น มันต้องมีความสมดุล (balance) กัน”
ดีเจบอนนี่ให้สัมภาษณ์ถึงสไตล์เพลงที่ชอบเล่น รากฐานของดนตรี เทรนด์ดนตรีสมัยนี้ที่มีอิทธิพลมาจากติ๊กต่อก
ปัญหาในการทำงานที่ “เจอจนชิน” และ “ความเป็นออสเตรเลียที่ทั้งสนุกและไม่สนุก” โดนถล่มบูธดีเจซึ่งมีค่าเสียหายประมาณหนึ่งหมื่นดอลลาร์ รวมถึงการดูแลสุขภาพ
และได้พูดถึงรายได้ รายจ่าย และการต่อยอดจากการทำงานเป็นดีเจด้วย
ฟังรายละเอียดได้ในบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม
กด ▶ เพื่อฟังบทสัมภาษณ์ของดีเจบอนนี่ฉบับเต็ม
ดีเจบอนนี่กับ 10 กว่าปีที่เป็นดีเจอยู่ออสเตรเลีย
SBS Thai
28/08/202324:03
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
อะไรทำให้อิมปฏิเสธวีซ่าเอนเตอร์เทนเมนต์