พูดถึงหน้าหนาว เชื่อว่าชาวเมืองร้อนแบบคนไทยหลายคนต่างโหยหาสิ่งนี้ อยากย้ายมาอยู่เมืองหนาวๆ ให้ฉ่ำใจ ให้สาสมกับที่ทนแดดร้อนที่ไทย ทว่าพอได้มาอยู่จริงๆ อยู่นานวันขึ้น หน้าหนาวเริ่มไม่สนุกอย่างที่คิดไว้ โดยเฉพาะกับสภาพอากาศที่อึมครึม แสงแดดน้อยๆ ฟ้าสีเทา เผลอๆ บางวันอาจมีฝนมาเติม ไหนจะมืดเร็ว จนพาลใจหอเหี่ยว ( หากมีคนข้างกายก็คงดีไม่น้อย – หลายคนคงกำลังคิดแบบนั้น) และมันอาจร้ายแรงทำให้เราแซด (SAD) ได้
เอ๊ะ!! แซด (SAD) คืออะไร ใช่คำที่แปลว่า เศร้า หรือเปล่านะ หรือจริงๆ รุนแรงกว่านั้น ขอชวนแซดบอย แซดเกิร์ล หรือจะแซดในเฉดไหน มาสำรวจสิ่งนี้ไปพร้อมๆ กัน
SAD ที่เป็นมากกว่าแค่ความเศร้า ความแซด
SAD ย่อมาจากอาการภาวะของโรคที่มีชื่อเรียกว่าคือภาวะซึมเศร้าประเภทหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล ภาวะนี้เรียกอีกอย่างว่าภาวะซึมเศร้าในฤดูหนาว แม้ว่างานวิจัยบางชิ้นจะแนะนำว่าผู้คนสามารถเป็นโรคนี้ได้ในช่วงเดือนที่อากาศอบอุ่นก็ตาม
แม้ว่าบางครั้งคุณอาจรู้สึกใจห่อเกี่ยวไม่มีเรี่ยวแรงตลอดช่วงเดือนที่อากาศหนาวๆ แต่ SAD ถือเป็นโรคชนิดหนึ่ง ผู้ที่เป็นโรค SAD อาจมีอาการคล้ายกับภาวะซึมเศร้าอย่างรุนแรง รวมถึงการนอนหลับที่หยุดชะงัก ความนับถือตนเองต่ำ ระดับการออกกำลังกายต่ำ และมีความอยากรับประทานคาร์โบไฮเดรตที่สูงขึ้น
ผู้ที่มีอาการ SAD มักจะประสบกับอาการนี้ในเวลาเดียวกันทุกปี
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ถกปัญหาสุขภาพจิตของ “คนไทยไกลบ้าน”
Nick Titov ผู้อำนวยการคลินิกสุขภาพจิตออนไลน์ MindSpot และศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัย Macquarie กล่าวว่า "SADเป็นรูปแบบหนึ่งของภาวะซึมเศร้า" “มันร้ายแรงกว่าความเศร้าในชีวิตประจำวันมาก”
กล่าวกันว่า SAD นั้นพบได้ยากมากในออสเตรเลีย โดนส่วนใหญ่พบได้ทั่วไปในสภาพอากาศที่เย็นกว่าของประเทศในซีกโลกเหนือ ซึ่งบางแห่งได้รับแสงแดดเพียงไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสาเหตุของ SAD ในช่วงฤดูหนาว
เมืองเมลเบิร์นในวันหมอกหนา Source: AAP
ความ SAD ในใจเราเกิดขึ้นจากอะไร?
แม้ว่าการวิจัยเกี่ยวกับ SAD จะมีจำกัด แต่ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ก็เชื่อมโยงเรื่องนี้เข้ากับการขาดแสงแดดที่ร่างกายดูดซึมในช่วงเดือนที่อากาศหนาวเย็น และการรบกวนของนาฬิกาชีวิตหรือจังหวะการเต้นของหัวใจ
การขาดแสงแดดยังส่งผลต่อฮอร์โมนบางชนิดที่ปล่อยออกมาในร่างกาย เช่น เมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่บอกร่างกายว่าถึงเวลานอน และเซโรโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ส่งผลต่ออารมณ์ ความอยากอาหาร และการนอนหลับ
การวิจัยล่าสุดชี้ให้เห็นว่าต้นเหตุของ SAD อาจเป็นวงจรสมองที่เชื่อมต่อเซลล์รับแสงพิเศษในเรตินากับบริเวณสมองที่ส่งผลต่อไม่ว่าคุณจะมีความสุขหรือเศร้า
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ผู้ชายไม่ควรมองข้ามเรื่องสุขภาพจิต
เมื่อเซลล์ตรวจพบการเปลี่ยนแปลงในระยะเวลาของวัน เซลล์จะใช้เส้นทางนี้เพื่อส่งข้อความแห่งความเศร้าและแม้กระทั่งภาวะซึมเศร้าไปยังสมอง
“แพทเทิร์นของคนที่มีภาวะ SAD มักจะนอนเยอะ น้ำหนักเพิ่มขึ้น รู้สึกเหนื่อยล้า และรู้สึกเฉยชา” ดร.แกรนท์ บลาชกี(Grant Blashki) หัวหน้าที่ปรึกษาทางคลินิกของ Beyond Blue
“เราทุกคนมีช่วงเช้าที่เรายอมจะมอบเงินหนึ่งล้านดอลลาร์เพื่อขออยู่บนเตียงต่อไปอีก 10 นาที แต่เมื่อเป็นเช่นนั้นทุกวัน เมื่อมันส่งผลกระทบต่อชีวิตของคุณ ก็ถึงเวลาขอความช่วยเหลือ” ดร. บลาชกีบอกกับ The Feed
คนไข้ของฉันบางคนบอกว่าพวกเขารู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังเข้าไปในอุโมงค์เมื่อฤดูหนาวใกล้เข้ามาดร.บลาชกี กล่าว
รู้สึก SAD ทำอย่างไรดี?
เนื่องจาก SAD เป็นรูปแบบหนึ่งของภาวะซึมเศร้า ดร. บลาชกีจึงแนะนำให้ใครก็ตามที่รู้สึกว่าอาการทรุดลงให้ติดต่อแพทย์ GP หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพอื่นๆ ที่เชื่อถือได้เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษา
“ในฐานะแพทย์ สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่ามันคือภาวะ SAD เป็นภาวะซึมเศร้าที่รู้จักมากขึ้น เพราะการรักษานั้นแตกต่างออกไป” เขากล่าว
ดร. บลาชกีกล่าวว่าหนึ่งในวิธีการรักษาที่ชัดเจนและมีประโยชน์มากที่สุดคือการได้รับแสงแดดโดยตรงมากขึ้น
“ฉันจะบอกกับผู้คนว่าถึงแม้คุณจะพักทานอาหารกลางวันในที่ทำงานก็พยายามออกไปข้างนอก แม้ว่าจะไม่มีแดดก็ตาม” ดร.บลาชกีกล่าว
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
พบครอบครัวภูมิหลังต่างภาษารับบริการสุขภาพจิตน้อย
สำหรับผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงแสงแดดได้ การบำบัดด้วยกล่องไฟก็ให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจเช่นกัน
การบำบัดนี้เกี่ยวข้องกับการนั่งอยู่หน้า "โคมไฟ SAD" ที่สว่างจ้าเป็นเวลา 30 นาทีทุกเช้าเพื่อเริ่มนาฬิกาชีวิตภายในของคุณ
อากาศที่แปรปรวน ท้องฟ้าที่ไร้แสงแดด มีส่วนที่ทำให้หลายคนเผชิญภาวะ SAD Source: AAP
สิ่งเหล่านี้รวมถึงการแสวงหาแสงแดดธรรมชาติให้มากที่สุด เพิ่มปฏิสัมพันธ์ทางสังคม หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการออกกำลังกายเพื่อการผ่อนคลาย เช่น การฝึกสมาธิหรือโยคะ
“...หนาวนี้เธอกอดใคร หนาวไหมมากอดกัน...” เนื้อเพลงฮิตที่คงผ่านลอยไปลอยมาในเพลยลิสต์ในวันที่อากาศหนาว แต่ถึงคุณไม่มีใคร อย่าลืมกอดตัวเองให้ดีๆ อย่าปล่อยให้ความ SAD กัดกินใจเรา ผู้อ่านที่ต้องการความช่วยเหลือด้านสุขภาพจิตสามารถติดต่อ
• SANE Australia Helpline 1800 18 SANE (7263) www.sane.org
• beyondblue support service line 1300 22 46 36
• Lifeline 13 11 14 www.lifeline.org.au
บทความนี้มีข้อมูลทั่วไปเท่านั้น หากต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับสถานการณ์ส่วนบุคคลของคุณ โปรดพบแพทย์ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ
5 พื้นที่ภูมิภาคนอกสายตาที่ราคาบ้านพุ่งแซงหน้าเขตอื่นในปีนี้