ประเด็นสำคัญ
- รัฐบาลสหพันธรัฐจัดส่งวัคซีนโควิดเพิ่มเติมจำนวน 3 แสนโดสไปยังรัฐนิวเซาท์เวลส์ เพื่อสนับสนุนการรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่นครซิดนีย์
- นายกฯ ผ่อนข้อกำหนดรับเงินเยียวยาจากสถานการณ์โควิด-19 งดเว้นเกณฑ์กำหนดสินทรัพย์หรือหุ่นส่วนไม่เกิน 10,000 ดอลลาร์
- ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ล็อกดาวน์ในนครซิดนีย์ ได้รับการงดเว้นข้อผูกพันร่วมกัน (Mutual Obligation) หากรับเงินสวัสดิการจากรัฐ
รัฐบาลสหพันธรัฐจะเลื่อนการจัดส่งวัคซีนโควิดจำนวน 300,000 โดส มายังรัฐนิวเซาท์เวลส์ให้เร็วขึ้น เพื่อสนับสนุนการการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในนครซิดนีย์ ขณะที่ นายสกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ได้ประกาศการเปลี่ยนแปลง ในส่วนของการจ่ายเงินช่วยเหลือชั่วคราวในเหตุภัยพิบัติจากโรคระบาดใหญ่ (Pandemic Temporary Disaster Payment)
โดยวัคซีนจำนวน 300,000 โดส ที่ได้รับการเลื่อนการจัดส่งเข้ามาให้เร็วขึ้นนั้น จะมุ่งไปยังกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงสุดในชุมชน โดยเฉพาะในพื้นที่ตะวันตกเฮียงใต้ของนครซิดนีย์ ซึ่งได้รับการระบุว่าเป็นพื้นที่น่าเป็นห่วง
นายมอร์ริสัน นายกรัฐมนตรี ได้ขอให้ประชาชนในนครซิดนีย์ปฏิบัติตามมาตรการล็อกดาวน์ โดยได้เน้นถึงความจำเป็นของมาตรการนี้ ในการควบคุมสถานการณ์โควิดที่มีความรุนแรง
“ไวรัสไม่สามารถแพร่กระจายได้ด้วยตัวมันเอง แต่มันแพร่กระจายจากคนสู่คน ผู้คนนำพามันไปสู่ผู้อื่น ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปมากกว่าการปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้มีการประกาศใช้โดยรัฐบาลรัฐนิวเซาท์เวลส์” นายมอร์ริสัน กล่าว
เมื่อเดือนที่ผ่านมา คณะรัฐบาลแห่งชาติ ได้มีมติในการจ่ายเงินช่วยเหลือในเหตุภัยพิบัติจากโรคระบาดโควิด-19 สำหรับประชาชนในพื้นที่ซึ่งมีการล็อกดาวน์มากกว่า 1 สัปดาห์
นายมอร์ริสัน กล่าวว่า เกณฑ์ประเมินสินทรัพย์สภาพคล่อง (Liquid asset test) จะได้รับการงดเว้น สำหรับโครงการเงินเยียวยาจากเหตุโควิด-19 ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 3 ของการล็อกดาวน์ในนครซิดนีย์
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าว จะจ่ายเงินสนับสนุนให้กับผู้ที่ทำงานไม่เกิน 20 ชั่วโมง สัปดาห์ละ $325 และผู้ที่ทำงานมากกว่า 20 ชั่วโมง สัปดาห์ละ $500 ดอลลาร์
“มันเป็นเงินช่วยเหลือในเหตุภัยพิบัติ มันถูกขับเคลื่อนด้วยความต้องการ เราจะจ่ายเงินก้อนนี้ไม่ว่าความต้องการจะเป็นอย่างไร” นายมอร์ริสัน กล่าว
นอกจากนี้ ข้อผูกพันร่วมกันระหว่างผู้รับสวัสดิการ (mutual obligation) ยังได้รับการงดเว้นสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในนครซิดนีย์อีกด้วย
วัคซีนที่จัดส่ง เพื่อสมทบกับความพยายามในการฉีดวัคซีนให้ประชาชนของรัฐนิวเซาท์เวลส์นั้น ประกอบไปด้วยวัคซีนของแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) และไฟเซอร์ (Pfizer) ในอัตราส่วนเท่า ๆ กัน
นายมอร์ริสัน กล่าวว่า ร้อยละ 48 – 51 ของผู้ที่มีอายุมากกว่า 70 ปีขึ้นไป ได้รับวัคซีนโดสแรกของแอสตราเซเนกาแล้ว
“เราจะกระตุ้นให้การฉีดวัคซีนโดสที่ 2 ที่มีกำหนดฉีดในอีก 8 – 12 สัปดาห์ถัดจากโดสแรก ให้แล้วเสร็จภายในช่วงแรกของระยะเวลานั้น” นายมอร์ริสัน กล่าว
นายกรัฐมนตรี ได้ปฏิเสธข้อเสนอแนะที่ว่า จังหวะของกรอบเวลาในโครงการเปิดตัววัคซีนนั้น เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นครซิดนีย์ต้องมีการประกาศล็อกดาวน์
“ข้อเสนอแนะที่ระบุว่า มีอัตราการฉีดวัคซีนที่อาจทำให้เราอยู่ในจุดที่แตกต่างไปจากนี้ หากเทียบกับสิ่งที่วางแผนไว้เมื่อปีที่แล้วนั้นไม่เป็นความจริง” นายมอร์ริสัน กล่าว
ก่อนหน้านี้ นางกลาดีส์ เบเรจิกเลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ ได้เน้นย้ำความจำเป็นในการปฏิบัติตามมาตรการล็อกดาวน์ของชาวซิดนีย์ โดยชี้ว่า ความเสี่ยงนั้น เกิดขึ้นจากการติดเชื้อภายในครัวเรือน และกิจกรรมในชุมชน
“สองจุดใหญ่ ๆ ที่ผู้คนแพร่กระจายเชื้อ นั่นคือการแพร่เชื้อผ่านการสัมผัสใกล้ชิดในครัวเรือน และผู้คนที่ออกไปทำกิจกรรมในชุมชนขณะที่มีอาการ” มุขมนตรีนิวเซาท์เวลส์ กล่าว
นายมอร์ริสัน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลจะพิจารณานโยบายสนับเศรษฐกิจอื่น ๆ สำหรับรัฐนิวเซาท์เวลส์ต่อไป เท่าที่มีความจำเป็น
“เราจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับพวกเขา เพื่อให้แน่ใจว่ามีมาตรการสนับสนุนทางการเศรษฐกิจที่เพียงพอ หากสถานการณ์ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ทำให้จำเป็นต้องประกาศมาตรการจำกัดห้ามเพิ่มเติม” นายมอร์ริสัน กล่าว
“สถานการณ์โควิดที่กำลังเกิดขึ้น มีความผันแปรและมีความท้าท้ายในการรับมือ”
นายมอร์ริสันตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลเครือจักรภพนั้นมีความสำเร็จบางส่วนในการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมในสต็อก ซึ่งหมายความว่า การจัดสรรวัคซีนเพิ่มเติมให้กับรัฐนิวเซาท์เวลส์ จะไม่กระทบกับภาพรวมของโครงการเปิดตัววัคซีนในระดับชาติ
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจจาก เอสบีเอส ไทย
คนส่งอาหารถูกมองข้าม สหภาพขนส่งชงรัฐเปิดทางให้ฉีดวัคซีน