นี่จะเป็นสัปดาห์แห่งความสุขสำหรับชาวรัฐวิกตอเรียที่จะออกจากการล็อกดาวน์ครั้งที่ 6 ในวันศุกร์ (22 ต.ค.) โดยในสัปดาห์นี้คาดว่ารัฐวิกตอเรียจะบรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีนครบสองโดสให้แก่ประชากรร้อยละ 70 ซึ่งเร็วกว่ากำหนดเดิมเกือบหนึ่งสัปดาห์
ได้มีการปรับเปลี่ยนแผนแม่บทการปลดล็อกดาวน์ของรัฐวิกตอเรีย เพื่อยกเลิกการจำกัดการเดินทางและยกเลิกเคอร์ฟิวหรือการห้ามออกจากเคหสถานในยามวิกาลสำหรับชาวเมลเบิร์น และอนุญาตให้ชาวเมลเบิร์นพบปะกับผู้อื่นที่บ้าน ที่ร้านอาหาร ผับ ร้านกาแฟ (hospitality venues) ได้ และสามารถรวมกลุ่มกันได้เป็นจำนวนมากขึ้นกลางแจ้ง แต่มีข้อแม้ว่าผู้เข้าร่วมกิจกรรมเหล่านี้ทุกคนที่อายุ 12 ปีขึ้นไปจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว
ชาวรัฐวิกตอเรียในภูมิภาคที่ได้รับการฉีดวัคซีนสองโดสแล้ว จะสามารถทำกิจกรรมทางสังคมและกิจกรรมนันทนาการได้มากขึ้นตั้งแต่วันศุกร์
มุขมนตรี แดเนียล แอนดรูส์ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า เป็น "วันที่ยอดเยี่ยม" สำหรับวิกตอเรีย และกล่าวว่าเขารู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่งกับชาววิกตอเรีย 5 ล้านคนที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 แล้วอย่างน้อยหนึ่งโดส
“ชาวรัฐวิกตอเรียได้เสียสละอย่างมากเพื่อปกป้องครอบครัว เพื่อนฝูง และชุมชนทั้งหมดของเรา ให้ปลอดภัยจากเชื้อไวรัสโคโรนา และได้ช่วยรักษาชีวิตผู้คนนับไม่ถ้วนด้วยเหตุนี้
“หลักชัยที่เรากำลังจะบรรลุเป็นเส้นทางใหม่ที่เต็มไปด้วยความหวังสำหรับทั้งรัฐ ซึ่งเราจะสามารถอนุญาตให้ธุรกิจต่างๆ กลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้ง และชาวรัฐวิกตอเรียได้กลับไปทำในสิ่งที่พวกเขารักได้” นายแอนดรูส์ บอกกับผู้สื่อข่าว
เหตุใดแผนแม่บทจึงเปลี่ยนแปลงไป ชาวเมืองเมลเบิร์นและชาววิกตอเรียในภูมิภาคจะทำอะไรได้บ้างตั้งแต่วันศุกร์ (22 ต.ค.) และจะเป็นอย่างไรต่อไปหลังจากนั้น
เหตุใดแผนแม่บทจึงเปลี่ยนไป
แผนแม่บทของรัฐวิกตอเรียเพื่อบรรลุแผนแห่งชาติ ยึดตามตามแบบจำลองสถานการณ์ของสถาบันเบอร์เน็ต ซึ่งแผนแม่บทนี้ได้รับการปรับเปลี่ยนโดยคำนึงถึงอัตราการฉีดวัคซีนที่พุ่งสูงขึ้นและระยะเวลาพักรักษาตัวในโรงพยาบาลที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ของผู้ติดเชื้อโควิด-19
นายแอนดรูส์ กล่าวว่ารัฐวิกตอเรียมีอัตราการฉีดวัคซีนเป็นที่น่าพอใจและเป็นไปตามแผน โดยประชากรอายุ 16 ปีขึ้นไปในรัฐวิกตอเรียถึงร้อยละ 88.05 ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อยหนึ่งโดส และร้อยละ 65.02 ได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้ว
อัตราการฉีดวัคซีนของประชากรเหล่านี้ช่วยให้รัฐวิกตอเรีย สามารถผ่อนคลายข้อจำกัดได้เพิ่มขึ้น เมื่อประชากรร้อยละ 70 ได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้ว ซึ่งการผ่อนคลายข้อจำกัดบางอย่างไม่ได้ระบุไว้ในแผนแม่บทก่อนหน้านี้ ซึ่งรวมถึงการมีผู้มาเยี่ยมบ้านได้ และอนุญาตให้มีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมากขึ้นสำหรับธุรกิจบางประเภท
อะไรที่จะเปลี่ยนแปลงไปสำหรับชาวเมลเบิร์นในวันศุกร์นี้
ตั้งแต่เวลา 23.59 น. ของคืนวันพฤหัสบดี ชาวนครเมลเบิร์นสามารถมีผู้มาเยี่ยมบ้านได้ไม่เกิน 10 คนต่อวัน (รวมเด็ก)
เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถทำได้อย่างปลอดภัย หน่วยงานด้านสุขภาพได้แนะนำให้ชาวรัฐวิกตอเรียอนุญาตเฉพาะผู้มีอายุ 12 ปีขึ้นไปที่ได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้วเท่านั้น ที่จะไปเยี่ยมตนที่บ้านได้
ผู้คนที่ได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้วไม่เกินกลุ่มละ 15 คนจะสามารถรวมกลุ่มกลางแจ้งได้ ซึ่งนี่จะช่วยให้กิจกรรมกีฬาชุมชนสามารถกลับมาทำได้ โดยต้องจำกัดจำนวนผู้เล่นให้น้อยที่สุด
ในเขตมหานครของเมลเบิร์น เคอร์ฟิวหรือการห้ามออกจากเคหสถานในยามวิกาลและรัศมีการเดินทาง 15 กม. จะถูกยกเลิกไป แต่การเดินทางระหว่างส่วนภูมิภาคของรัฐวิกตอเรียและเขตมหานครเมลเบิร์นจะสามารถทำได้เฉพาะสำหรับเหตุผลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
ธุรกิจการด้านการบริการ (hospitality venues) ที่ตั้งอยู่ภายในอาคาร เช่น ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และผับ จะสามารถกลับมาเปิดได้อีกครั้งโดยมีลูกค้าที่ได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้วไม่เกิน 20 คนภายในอาคาร และไม่เกิน 50 คนกลางแจ้ง โดยขึ้นอยู่กับข้อกำหนดด้านจำนวนคนต่อพื้นที่ในร้านสถานที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง เช่น สระว่ายน้ำ จะเปิดให้บริการได้สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้วไม่เกิน 50 คนต่อสถานที่ โดยขึ้นอยู่กับข้อกำหนดด้านจำนวนคนต่อพื้นที่
Melburnians will emerge from their sixth lockdown this Friday. Source: AAP
นอกจากนี้ การจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมสำหรับสถานที่ในอาคารและกลางแจ้ง จะมีผลบังคับใช้กับการชุมนุมทางศาสนา งานแต่งงาน และงานศพด้วย ซึ่งผู้เข้าร่วมทุกคนต้องได้รับการฉีดวัคซีนอย่างครบถ้วน หากไม่ทราบสถานะการฉีดวัคซีนของผู้เข้าร่วม จะอนุญาตให้มีผู้เข้าร่วมสำหรับสถานที่ภายในอาคารไม่เกิน 10 คน เพื่อร่วมงานศพ งานแต่งงาน และการชุมนุมทางศาสนา
ร้านตัดผม ร้านทำผม และบริการดูแลร่างกาย (personal care services) ต่างๆ จะเปิดให้บริการได้แก่ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบสองโดสแล้วไม่เกิน 5 คน
ผู้คนในพื้นที่เขตมหานครเมลเบิร์นจะต้องทำงานจากที่บ้านต่อไปหากทำได้ ในขณะที่ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานจากที่ทำงาน จะต้องได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อยหนึ่งโดส
ไซต์งานก่อสร้างขนาดใหญ่จะกลับมามีคนทำงานในไซต์งานได้เต็มความจุ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่จะอนุญาตเฉพาะกรณีที่คนงานทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนครบสองโดสแล้ว
สถานดูแลเด็กเล็ก (Childcare) จะเปิดให้บริการสำหรับเด็กที่ได้รับการดูแลอยู่แล้วที่นั่น รวมทั้งเด็กที่พ่อแม่หรือผู้ปกครองได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว
แผนให้นักเรียนกลับไปเรียนที่โรงเรียนถูกเลื่อนให้เร็วขึ้น โดยจะให้นักเรียนกลับสู่โรงเรียนแบบสับหลีกไม่ให้ตรงกันสำหรับนักเรียนชั้นปีที่ 3 ถึงชั้นปีที่ 11 ในเขตมหานครเมลเบิร์นเริ่มในวันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม
ชาวรัฐวิกตอเรียทุกคนจะยังคงต้องสวมหน้ากากอนามัยทั้งในอาคารและกลางแจ้งต่อไป
ชาวรัฐวิกตอเรียในส่วนภูมิภาคจะได้รับอนุญาตให้ทำอะไรได้บ้าง
ในส่วนภูมิภาคของรัฐวิกตอเรีย ประชาชนจะสามารถมีผู้มาเยี่ยมที่บ้านได้ไม่เกิน 10 คนต่อวัน รวมเด็ก ๆ ตั้งแต่วันศุกร์นี้ แต่มีเงื่อนไขว่าทุกคนที่อายุ 12 ปีขึ้นไปจะต้องได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้ว
ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบสองโดสแล้ว 20 คนจะสามารถรวมกลุ่มกันกลางแจ้งได้ ในขณะที่กีฬาชุมชนจะสามารถกลับมาทำได้ภายในอาคาร โดยจำกัดจำนวนผู้เล่นให้น้อยที่สุด
สถานที่ในอาคาร เช่น ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และฟิตเนสหรือยิม สามารถเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการที่ฉีดวัคซีนครบสองโดสแล้วจาก 10 คนเป็น 30 คน ต่อสถานที่
สถานที่กลางแจ้งจะสามารถเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการจากเดิมไม่เกิน 20 คน เป็นไม่เกิน 100 คนต่อสถานที่ แต่ทุกคนต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบสองโดสแล้วเท่านั้น หากไม่ทราบสถานะการฉีดวัคซีนของผู้เข้าร่วม สถานที่จัดงานจะสามารถมีผู้เข้าร่วมงานได้ทั้งหมดไม่เกิน 20 คน
งานศพและงานแต่งงานได้รับอนุญาตให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบสองโดสแล้วเข้าร่วมได้ไม่เกิน 30 คนภายในอาคาร และไม่เกิน 100 คนกลางแจ้ง
นักเรียนทุกคนสามารถกลับไปเรียนที่โรงเรียนได้เต็มเวลาตั้งแต่วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม
จะเป็นอย่างไรเมื่อวิกตอเรียบรรลุเป้าหมายประชากรร้อยละ 80 ได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้ว
มุขมนตรีแดเนียล แอนดรูส์ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า วิกตอเรียมีแนวโน้มจะบรรลุเป้าหมายประชากรร้อยละ 80 ได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้วในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนพฤศจิกายน
“เราคาดการณ์ว่าเราจะมีประชากรร้อยละ 80 ได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้วในวันแข่งม้าเมลเบิร์นคัพหรือราวช่วงนั้น หรือมันอาจเร็วกว่านั้น 2-3 วัน” นายแอนดรูส์ กล่าว
เมื่อถึงเวลานั้น เมลเบิร์นและส่วนภูมิภาคของวิกตอเรียจะอยู่ภายใต้กฎเดียวกันตามแผนแม่บทดั้งเดิม
การมีผู้มาเยี่ยมที่บ้าน จะได้รับอนุญาตให้มีผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วมาหาที่บ้านจะไม่เกิน 10 คนตามเดิม ในขณะที่จำนวนผู้ได้รับวัคซีนที่ได้รับอนุญาตให้รวมกลุ่มกันนอกบ้านจะเพิ่มขึ้นเป็นไม่เกินกลุ่มละ 30 คน
กีฬาชุมชนในร่มจะสามารถทำได้โดยจำกัดจำนวนผู้เล่นให้น้อยที่สุด ในขณะที่การสวมหน้ากากอนามัยจะบังคับสำหรับภายในอาคารเท่านั้น
ผับ ร้านอาหาร และร้านกาแฟ จะสามารถเปิดให้บริการแบบนั่งที่โต๊ะเท่านั้น โดยสามารถมีผู้ที่ได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้วไม่เกิน 150 คนภายในอาคาร และไม่เกิน 500 คนกลางแจ้ง
งานแต่งงาน งานศพ และกิจกรรมทางศาสนาสามารถมีผู้ที่ได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้วเข้าร่วมได้ไม่เกิน 150 คนภายในอาคารและไม่เกิน 500 คนกลางแจ้ง
ทางการยังคงแนะนำให้ประชาชนทำงานจากที่บ้านต่อไปหากทำได้ โดยอนุญาตให้ไปทำงานที่ทำงานได้หากได้รับการฉีดวัคซีนครบสองโดสแล้ว
เมื่อถึงจุดนั้น ร้านค้าปลีกก็จะเปิดให้บริการได้ ขณะที่บริการทำผม เสริมความงาม บริการดูแลร่างกาย (personal care services) จะเปิดให้บริการแก่ผู้ได้รับวัคซีนครบถ้วนแล้วได้
นักเรียนทุกคนจะสามารถกลับไปเรียนที่โรงเรียนได้ โดยโรงเรียนจะมีมาตรการด้านความปลอดภัยเพิ่มเติม ในขณะที่การศึกษาสำหรับผู้ใหญ่ที่โรงเรียนหรือที่สถานบัน ก็สามารถกลับไปทำได้อีกครั้งสำหรับชาวรัฐวิกตอเรียที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนแล้วเช่นกัน
จากนั้นจะเป็นอย่างไรต่อไป
เมื่อชาวรัฐวิกตอเรียอายุ 12 ปีขึ้นไปร้อยละ 80 ได้รับการฉีดวัคซีนครบสองโดสแล้ว ข้อจำกัดต่างๆ จะสอดคล้องกับระยะดี (Phase D) ของแผนแห่งชาติ ซึ่งยึดตามข้อมูลของแบบจำลองสถานการณ์ของสถาบันโดเฮอร์ตี (Doherty Institute)
ตามแผนแห่งชาติระยะดี (Phase D) จะมีการเปิดพรมแดนระหว่างประเทศ การสิ้นสุดลงของข้อจำกัดต่างๆ และการล็อกดาวน์ มีการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น (booster shots) ตามความจำเป็น และให้มีผู้เดินทางเข้าประเทศโดยไม่จำกัดจำนวนสูงสุด สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนแล้วโดยไม่มีการกักตัว
ในวันอาทิตย์ มุขมนตรีแอนดรูส์ กล่าวว่า ชาวออสเตรเลียสามารถตั้งตารอช่วงก่อนวันคริสต์มาส ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นชาวรัฐวิกตอเรียจะสามารถต้อนรับผู้มาเยือนที่บ้านได้ 30 คน
เขายังกล่าวอีกว่า ชาวรัฐวิกตอเรียจะสามารถ "ตั้งตารอปี 2022 ด้วยความหวังและการคาดหมายถึงสถานการณ์ที่ดีกว่าในอนาคต"
แต่เขากล่าวอย่างชัดแจ้งว่าหนทางยังอีกยาวไกล และชาวรัฐวิกตอเรียควรตระหนักว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นขณะที่ข้อจำกัดต่างๆ ลดลง
“ในอีกไม่กี่สัปดาห์และหลายเดือนข้างหน้า เราจะเห็นจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มถึงระดับสูงสุด เราจะเห็นจำนวนผู้ป่วยในโรงพยาบาลถึงระดับสูงสุด และเราจะเห็นผู้คนเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้” นายแอนดรูส์ กล่าว
“นั่นจะเป็นโศกนาฏกรรมที่เลวร้าย นั่นจะสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างไม่น่าเชื่อ สำหรับครอบครัว สำหรับคนที่เรารัก และสำหรับเจ้าหน้าที่ในระบบสุขภาพของเรา”
"นั่นคือเหตุผลว่าทำไมการไปรับการฉีดวัคซีนจึงมีความสำคัญมากๆ "
หากคุณมีอาการของไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ให้ติดต่อขอรับการตรวจเชื้อได้ด้วยการโทรศัพท์ไปยังแพทย์ประจำตัวของคุณ หรือโทรศัพท์ติดต่อสายด่วนให้ข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (Coronavirus Health Information Hotline) ที่หมายเลข 1800 020 080
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่