ประเด็นสำคัญ
- คนทำงานในซิดนีย์ที่ชั่วโมงงานลดลงจากมาตรการล็อกดาวน์ จะได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลสูงสุด $600 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์
- ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางที่ผลประกอบการลดลงอย่างน้อย 30% ในช่วงล็อกดาวน์ จะได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล 40% ของอัตราจ่ายค่าตอบแทนให้ลูกจ้างทั้งหมดที่ทำงานในรัฐนิวเซาท์เวลส์
- ส่วนกิจการเจ้าของคนเดียว (sole trader) ที่ได้รับผลกระทบ จะได้รับเงินช่วยเหลือในอัตราคงที่ $1,000 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์
- นอกจากนี้ ยังมีการกลับมาประกาศใช้คำสั่งห้ามขับไล่ผู้เช่า (eviction moratorium) และจ่ายเงินชดเชยให้กับผู้ปล่อยเช้าที่ลดภาระของผู้เช่าที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์
14 ก.ค. จะมีเงินสนับสนุนมากขึ้น สำหรับประชาชนที่สูญเสียชั่วโมงงาน และภาคธุรกิจที่ประสบกับความยากลำบากจากมาตรการล็อกดาวน์ในพื้นที่นครซิดนีย์ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ได้รับการขยายเวลาออกไป
เมื่อวานนี้ (13 ก.ค.) นายสกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศมาตรการสนับสนุนเพิ่มเติม หลังได้มีการสรุปรายละเอียดในส่วนของข้อตกลงกับรัฐบาลรัฐนิวเซาท์เวลส์
โดยตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป เงินเยียวยาสถานการณ์โควิด-19 สำหรับคนทำงานที่ชั่วโมงงานลดลงไป 20 ชั่วโมงหรือมากกว่า จะเพิ่มขึ้นจาก $500 ดอลลาร์ เป็น $600 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์
และสำหรับคนทำงานงานที่ชั่วโมงงานลดลงไประหว่าง 8 – 20 ชั่วโมง จะเพิ่มจาก $325 ดอลลาร์ เป็น $375 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์
นายมอร์ริสัน กล่าวว่า มาตรการชั่วคราวนี้ มีจุดประสงค์ในการมอบการสนับสนุนอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เงินสนับสนุนสำหรับคนทำงานที่เพิ่มขึ้น
“คุณไม่จำเป็นต้องเป็นคนตกงาน หรือว่าเป็นคนที่ลาออกจากงาน มันไม่สำคัญว่าใครจะเป็นนายจ้างของคุณ หากชั่วโมงทำงานเหล่านั้นลดลงไป คุณสามารถเข้าถึงความช่วยเหลือนี้ได้ทันที” นายมอร์ริสัน กล่าวกับผู้สื่อข่าว
เงินเยียวยาผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 จะมีการจ่ายอย่างต่อเนื่องผ่านบริการสวัสดิการของรัฐ ระหว่างที่มาตรการล็อกดาวน์ในนครซิดนีย์ยังคงมีผลบังคับใช้
การจ่ายเงินเยียวยาวิกฤตโควิด-19 นั้น จะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค.นี้ ในเขตปกครองส่วนท้องถิ่นนครซิดนีย์ 4 เขตแรกที่เข้าสู่มาตรการล็อกดาวน์ คือ วูลลาห์รา (Woollahra) แรนด์วิก (Randwick) และเทศบาลนครซิดนีย์ (City of Sydney) และจะเริ่มจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่อื่น ๆ ทั้งหมดของเกรเทอร์ ซิดนีย์ (Greater Sydney) ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค.นี้ เป็นต้นไป
นายมอร์ริสัน กล่าวว่า การจ่ายเงินเยียวยาดังกล่าว จะช่วยให้คนทำงานที่ชั่วโมงงานลดลง ยังคงได้รับการจ้างงานอยู่กับนายจ้าง ในลักษณะเดียวกับโครงการเงินชดเชยรายได้จ๊อบคีปเปอร์ (JobKeeper) ของรัฐบาลสหพันธรัฐก่อนหน้านี้
“นี่เป็นความร่วมมืออีกขั้นที่มีความจำเป็น เพื่อให้แน่ใจว่าความเสียสละที่เกิดขึ้นทั่วพื้นที่เกรเทอร์ ซิดนีย์ (Greater Sydney) และทั่วรัฐนิวเซาท์เวลส์ จะทำให้เราบรรลุผลลัพธ์ที่เราเฝ้าคอย” นายมอร์ริสัน กล่าว
รัฐบาลได้อิสระในการออกมาตรการสกัดเชื้อที่จำเป็น
วันนี้ ขณะที่ นางกลาดิส เบเรจิกเลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ ได้ประกาศให้มาตรการล็อกดาวน์ในพื้นที่เกรเทอร์ ซิดนีย์ (Greater Sydney) ได้รับการขยายออกไปอีก 2 สัปดาห์เป็นอย่างน้อย
ก่อนหน้านี้ นางเบเรจิกเลียน กล่าวว่า มาตรการสนับสนุนทางการเงิน จะสนับสนุนความพยายามในการกระตุ้นให้ประชาชนในรัฐนิวเซาท์เวลส์ปฏิบัติตามมาตรการจำกัดห้ามด้านสาธารณสุข
“มันได้มอบอิสระสำหรับเราในการทำในสิ่งที่มีความจำเป็นด้านสาธารณสุข ด้วยการขอความร่วมจากประชาชนทุกคนในการปฏิบัติตามคำแนะนำด้านสุขภาพที่เราได้ประกาศออกมา” นางเบเรจิกเลียน กล่าวกับผู้สื่อข่าว
“บุคคลธรรมดา ครอบครัว และธุรกิจ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในความเครียด และพวกเขารู้ว่าในช่วงเวลาตลอดการล็อกดาวน์นั้น ความช่วยเหลือและสนับสนุนจะอยู่ที่นั่น”แต่ นายจิม ชาลเมอส์ (Jim Chalmers) รัฐมนตรีเงาจากพรรคแรงงาน ได้แสดงความกังวลต่อมาตรการเยียวยาดังกล่าว โดยระบุว่า สิ่งที่แตกต่างไปจากโครงการจ๊อบคีปเปอร์ นั่นก็คือ คนทำงานยังคงมีความเสี่ยงที่จะต้องถูกให้ออกจากงาน
نخستوزیر اسکات موریسن و نخستوزیر ایالت نیوساوتولز گلادیس بریجیکلیان Source: AAP
“สิ่งสำคัญที่สุดที่เราต้องการเห็นในโครงการเยียวยานี้ คือหลักประกันว่าคนทำงานจะไม่ตกงาน” นายชาลเมอร์ส กล่าว
“เราไม่ต้องการเห็นรัฐบาลปัดตกสิ่งสำคัญที่สุดของโครงการจ๊อบคีปเปอร์ เพื่อไม่ให้พวกเขาต้องออกมายอมรับว่า พวกเขาผิดที่ตัดสิ่งที่สำคัญนี้ออกไป”
มีความช่วยเหลือให้ภาคธุรกิจ กิจการเจ้าของคนเดียว และหน่วยงานไม่แสวงผลกำไร
จะมีการสนับสนุนร่วมระหว่างรัฐบาลสหพันธรัฐและรัฐบาลนิวเซาท์เวลส์ สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ธุรกิจขนาดกลาง รวมถึงองค์กรไม่แสวงผลกำไรในพื้นที่ล็อกดาวน์ของซิดนีย์
โดยตั้งแต่สัปดาห์ที่ 4 ของมาตรการล็อกดาวน์ในพื้นที่นครซิดนีย์ หากกิจการหรือองค์กรใดต้องการเข้าถึงความช่วยเหลือดังกล่าว จะต้องอยู่ในเงื่อนไขดังต่อไปนี้
- มีผลประกอบการรายปีตั้งแต่ $75,000 ดอลลาร์ขึ้นไป แต่ไม่เกิน $50 ล้านดอลลาร์
- ผลประกอบการลดลงไปอย่างน้อย 30% ในช่วงมาตรการล็อกดาวน์พื้นที่นครซิดนีย์ครั้งล่าสุด
- มีจำนวนพนักงาน ทั้งพนักงานเต็มเวลา (full-time) พนักงานพาร์ทไทม์ (part-time) และพนักงานชั่วคราวระยะยาว (long term casual worker) อยู่ในระดับสม่ำเสมอ นับตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค.นี้ เป็นต้นไป
กิจการที่ตรงตามเงื่อนไขดังกล่าว จะสามารถเข้าถึงเงินช่วยเหลือรายสัปดาห์จากโครงการนี้ได้ ในอัตราร้อยละ 40 จากการจ่ายค่าตอบแทนให้พนักงานในรัฐนิวเซาท์เวลส์ทั้งหมด โดยอัตราจ่ายเงินสนับสนุนขั้นต่ำอยู่ที่ $1,500 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ และสูงสุดไม่เกิน $10,000 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์
ส่วนกรณีของกิจการเจ้าของคนเดียว (sole trader) อัตราจ่ายเงินสนับสนุนจะอยู่ที่ $1,000 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์
นอกจากนี้ จะมีการขยายความช่วยเหลือทางการเงินดังกล่าวไปยังรัฐและมณฑลอื่น ๆ ในออสเตรเลีย ที่ได้รับการกำหนดโดยรัฐบาลสหพันธรัฐว่าเป็นจุดฮอตสปอตในการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และต้องมีการประกาศขยายเวลาในการล็อกดาวน์ออกไป
กลุ่มนายจ้างขานรับความช่วยเหลือใหม่ หวังได้เข้าถึงเร็วขึ้น
หลังมีการประกาศความช่วยเหลือทางการเงินสำหรับธุรกิจ กลุ่มนายจ้างได้ออกมาต้อนรับการตัดสินใจนี้ โดยพวกเขาหวังว่าจะได้เข้าถึงความช่วยเหลือดังกล่าวได้อย่างรวดเร็ว
นายแดเนียล ฮันเตอร์ (Daniel Huntert) ประธานบริหารของบิซิเนส นิวเซาท์เวลส์ (Business NSW) กล่าวว่า การสนับสนุนทางการเงินดังกล่าวนั้นเปรียบเสมือนเครื่องพยุงชีพ
“มันมีราคาที่ถูกลงมาก ในการที่รัฐบาลสหพันธรัฐและรัฐบาลรัฐนิวเซาท์เวลส์ จะปันงบประมาณในส่วนของโครงการเงินสนับสนุนธุรกิจนี้ เมื่อเทียบกับราคาของโครงการจ๊อบคีปเปอร์” นายฮันเตอร์ กล่าวกับเอสบีเอส นิวส์
“แต่มันสามารถรักษาความสัมพันธ์ระหว่างลูกจ้างกับนายจ้างไว้ และเราหวังว่ามันจะไม่ทำให้ผู้คนตกงาน และทำให้ธุรกิจยังคงเปิดทำการได้”
รัฐบาลนิวเซาท์เวลส์ยังได้กลับมาประกาศใช้คำสั่งห้ามขับไล่ผู้เช่า (eviction moratorium) สำหรับผู้เช่าที่สูญเสียรายได้จากการทำงาน หรือต้องลดจำนวนชั่วโมงงานของพนักงานลง และกลับมาจ่ายเงินชดเชยให้กับผู้ปล่อยเช่า ที่ช่วยลดค่าเช่าให้กับผู้เช่าที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์
นอกจากนี้ รัฐบาลสหพันธรัฐและรัฐบาลนิวเซาท์เวลส์ ยังมีมติในการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนด้านสุขภาพจิตจำนวน $17.35 ล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงบริการช่วยเหลือผู้คนในชุมชนที่มีภูมิหลังหลากภาษาและวัฒนธรรม (CALD)
นายอินเนส วิลล็อกซ์ (Innes Willox) ประธานบริหารของกลุ่มอุตสาหกรรมออสเตรเลีย กล่าวว่า มาตรการสนับสนุนทางการเงินดังกล่าว จะสามารถช่วยฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจได้อีกด้วย
“การสร้างฉนวนป้องกันผู้ที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดในการล็อกดาวน์ที่ยาวนานขึ้น ไม่เพียงแต่จะจำกัดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับบุคคลธรรมดา และบรรดาธุรกิจต่าง ๆ เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันยังช่วยรักษาสุขภาพโดยรวมของระบบเศรษฐกิจไปด้วย” นายวิลล็อกซ์ กล่าว
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจจาก เอสบีเอส ไทย
NSW เปลี่ยนแปลงโครงการฉีดวัคซีนโควิด นี่คือสิ่งที่คุณต้องรู้