ฟังรายงานข่าวภาษาไทยโดยคลิก ▶ ด้านล่าง
ผู้ผลิตไวน์ออสเตรเลียหวังเพิ่มปริมาณการส่งออกช่วงปีใหม่จีนนี้
SBS Thai
16/02/202404:55
ปีใหม่จีนนี้เป็นโอกาสแห่งความหวังของผู้ผลิตไวน์ออสเตรเลีย หลังเผชิญกับสภาวะทางเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง โดยมีปัจจัยกระตุ้นจากความตึงเครียดด้านสัมพันธไมตรีระหว่างออสเตรเลียปละจีน และมาตรการการจัดเก็บภาษีนำเข้าของประเทศจีนที่สูงถึง 218% นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563
"ประเทศจีนจะทำให้เศรษฐกิจได้ฟื้นตัว เงินะสะพัด และนั่นจะทำให้ทุกคนได้โชคดีไปพร้อม ๆ กัน"
นายอเล็กซ์ ชู (Alex Xu) คือหนึ่งในผู้ประกอบการนับร้อยในออสเตรเลียที่คาดหวังว่าสถานการณ์การส่งออกไวน์ไปยังประเทศจีนในช่วงปีใหม่นี้จะดีขึ้น
นับตั้งแต่สถานการณ์ความตึงเครียดทางสัมพันธไมตรีทางการฑูตกับทางประเทศจีน ซึ่งนั่นทำให้ธุรกิจส่งออกไวน์นั้นแทบหยุดชะงักนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ส่งผลให้ยอดขายไวน์ในประเทศจีนนั้น ลดลงกว่า 26% ในช่วงปี พ.ศ. 2563-2565 อีกทั้งยอดขายของไวน์ออสเตรเลียนั้นลดลงไปถึง 78% ในช่วงเวลาเดียวกัน
ผู้ผลิตไวน์ท้องถิ่นทั่วออสเตรเลียได้รับผลกระทบหนักจากสภาวรเศรษฐกิจและปัญหาด้านการส่งออกไวน์สู่ประเทศจีนนับตั้งแต่ปี 2563 Credit: Getty Image Source: Getty / Getty Images
อีกทั้งประเทศจีนนั้นได้กำหนดภาษีการนำเข้าเครื่องดื่มขวดจากออสเตรเลียให้เพิ่มขึ้นถึง 218% ส่งผลให้ตลาดการส่งออกที่มีมูลค่าถึง 1.2 พันล้านดอลลาร์ลดลงมาเพียงแค่ 8 ล้านดอลลาร์เท่านั้น จึงทำให้ผู้ผลิตไวน์ท้องถื่นในออสเตรเลียล้วนได้รับผลประทบจากราคาองุ่นที่ลดลงจากช่วงเวลาดังกล่าวด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม จีนนั้นมีมาตรการที่จะนำข้อกำหนดทางการค้าระหว่างประเทศกลับมาพิจารณาใหม่ในอนาคต ซึ่งเหล่าผู้ผลิตไวน์ในออสเตรเลียเองต่างก็เฝ้ารอการเปลี่ยนแปลงในอนาคตในทางที่ดีขึ้น
ทางด้านหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ฝ่ายแผ่นดินใหญ่จีนของธนาคาร ANZ นายเรย์มอนด์ ยัง (Raymond Yeung) เชื่อว่าปัญหาด้านเศรษฐกิจในจีนนั้นจะยังคงอยู่และมีแนวโน้มว่าจะสร้างความท้าทายใหม่ ๆ ในอนาคต
"ทั้งไวน์แดงและไวน์ขาวที่ถูกนำเข้าจากออสเตรและจากประเทศอื่นทั้งโลกนั้นเป็นไวน์ที่เข้าถึงได้ง่าย การชะลอตัวทางเศรษฐกิจก็คงไม่ได้ส่งผลกระทบมากขนาดนั้น"
อย่างไรก็ตาม นายริชาร์ด โดแลน (Richard Dolan) ยังคงมองโลกในแง่ดีในตลาดการค้าขายไวน์
คงเป็นเรื่องที่โง่เขลามากที่คิดว่าโอกาสเช่นนี้นั้นจะทำให้เราสามารถกลับมาขายดีได้เท่ากับก่อนช่วงมีโรคระบาดโควิด แต่ผมเองเชื่อว่าสุดท้ายแล้วมันจะต้องมีโอกาสทางการตลาดสำหรับแบรนด์ที่ใช่ที่มาพร้อมกับราคาในตลาดที่เหมาะสมและมีคุณภาพที่ดีสมราคา
ส่วนทางจีนนั้น มีแผนจะพิจารณาข้อกำหนดทางภาษีใหม่อีกครั้งในช่วงสิ้นเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้