กดปุ่ม 🔊ที่ภาพด้านบนเพื่อฟังรายงานเรื่องนี้
จากสถิติจากกระทรวงสาธารณสุขพบว่าคนหนุ่มสาวในช่วงอายุระหว่าง 20 - 29 ปีเป็นกลุ่มที่ติดเชื้อไวรัส โควิด-19 มากที่สุดและเป็นกลุ่มที่มีอัตราการติดเชื้อสูงสุดในออสเตรเลีย คิดเป็น 4,389 ราย จากจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมด 19,444 ราย (5 ส.ค.)
ทำไมกลุ่มคนอายุน้อยจึงมีอัตราการติดเชื้อไวรัสสูงกว่ากลุ่มอื่น
ศาสตราจารย์ ปีเตอร์ คอลลิงยอน (Peter Collignon) ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดวิทยาจากมหาวิทยาลัย Australian National University (ANU) ชี้ว่ากลุ่มคนอายุน้อยเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มที่จะพบปะสังสรรค์กันในพื้นที่ปิด เช่น บาร์ ร้านอาหาร และ สถานบันเทิงยามค่ำคืน ในขณะที่กลุ่มนี้มีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อไวรัส แต่พวกเขามีอัตราการป่วยหนักจากไวรัสค่อนข้างต่ำ ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกนิ่งนอนใจในเรื่องนี้
“คนกลุ่มนี้มีอัตราการเสียชีวิตและโอกาสที่จะต้องไปโรงพยาบาลค่อนข้างต่ำซึ่ง อาจส่งผลกับความคิดของพวกเขาว่าไวรัสนี้มันไม่ส่งผลอะไรกับพวกเขา”
อีกประการหนึ่งคือ การที่คนหนุ่มสาวส่วนใหญ่จะถูกจ้างงานประเภทงานที่ไม่มีความมั่นคง หรืองานประเภทลูกจ้างชั่วคราว (casual work) และทำงานในอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสสูง เช่น อุตสาหกรรมการบริการ หรือ อาศัยในบ้านที่มีการแบ่งเช่าที่มีคนเข้าออกเป็นประจำ
ไวรัสโควิด-19 ส่งผลระยะยาวกับสุขภาพของคนอายุน้อยอย่างไร
ดร. คริส มอย (Christ Moy) รองประธานขององค์กร Australian Medical Association เตือนว่าคนหนุ่มสาวมีความเสี่ยงที่จะป่วยหนักและเข้าโรงพยาบาลมากขึ้นกลังจากการติดเชื้อ เช่นในกรณีวันพุธ ที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา มีชายชาวรัฐวิคตอเรียวัย 30 เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา ซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่มีอายุน้อยที่สุดที่เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนา
ดร. มอย อธิบายว่าไวรัสชนิดนี้เป็นไวรัสที่ทำลายหลายระบบในร่างกาย ซึ่งหมายความว่ามันจะกระทบร่างกายทุกส่วนในร่างกายของคุณและอาจได้รับผลกระทบระยะยาวที่ยังไม่มีใครรู้แน่ชัด
“มันอาจมีอะไรอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบกับร่างกาย แต่ขณะนี้เรายังไม่ทราบแน่ชัด ซึ่งสำหรับผมมันเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด เพราะว่ามันไม่ชัดแจ้งว่าเมื่อคุณติดเชื้อเมื่อคุณยังอายุไม่มาก คุณแค่ป่วยนิดหน่อย แต่อาจจะมีปัญหาทีหลังซึ่งมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็เป็นได้”
ผลกระทบของโควิด-19 ต่อสุขภาพจิตของกลุ่มคนอายุน้อย
จากการสำรวจขององค์กร YouthInsight พบว่าครึ่งหนึ่งของผู้ที่ถูกสำรวจมีประสบการณ์เกี่ยวกับปัญหาสุขภาพจิตที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ไม่ว่าจะเป็น ความกดดัน โรคซึมเศร้า ความกลัว และ ภาวะตื่นตระหนก เป็นต้น
คุณ แคลร์ ซูเทอร์ตัน (Clair Sutherton) นักวิจัยจากสถาบันวิจัยสังคมเพื่อสุขภาพ จากมหาวิทยาลัย New South Wales กล่าวว่าการประนามคนหนุ่มสาวนั้นไม่ใช่ทางออกสำหรับเรื่องนี้ เช่นในกรณีที่มีผู้หญิง 3 คนที่หลบหนีผ่านเขตแดนไปยังรัฐควีนสแลนด์อย่างผิดกฎหมายหลังจากมาเที่ยวที่รัฐวิคตอเรียเมื่อเดือนที่แล้ว และมีเสียงวิพากวิจารณ์จากสาธารณะต่อกรณีนี้อย่างมาก
ผู้หญิงทั้ง 3คน ถูกประนามทางโซเชียลมีเดียและสื่อต่างๆ หลังจากรูปและข้อมูลส่วนตัวของพวกเขาถูกเปิดเผย คุณ แคลร์ ซูเทอร์ตัน ให้ความเห็นว่าการกระทำเช่นนี้ยิ่งทำให้คนหนุ่มสาวรู้สึกไม่ไว้วางใจทางการมากขี้น
“มันจะผลักไสพวกเขาไม่ไปตรวจหาเชื้อและทำตามคำแนะนำของสาธารณสุขมากยิ่งขึ้น เพราะว่าพวกเขากังวลว่าพวกเขาจะถูกเปิดเผยว่าเป็น super-spreader และถูกถ่ายรูปลงหนังสือพิมพ์”
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ เมลิสสา แกง (Mellisa Kang) ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพวัยรุ่นจากมหาวิทยาลัย University of Technology ในนครซิดนีย์ ชี้ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสอาจส่งผลกระทบต่ออนาคตของคนหนุ่มสาวในออสเตรเลียอย่างคาดไม่ถึง
“พวกเขาอาจมีความรู้สึกหวาดกลัวว่าไม่สามารถก้าวหน้าในการเรียนหรือการงานได้ ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้มันเป็นผลกระทบระยะยาวต่อความมั่นคงทางการเงินของพวกเขาด้วย”
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเรียกร้องให้ทางการมีการสื่อสารที่ดีขึ้นกับคนหนุ่มสาว เพื่อให้พวกเขาทำตามกฎข้อบังคับเพื่อที่จะหยุดยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา คุณ ซูเทอร์ตัน เรียกร้องให้สาธารณสุขส่งคำเตือนไปยังช่องทางโซเชียลมีเดียที่คนหนุ่มสาวนิยมใช้ เช่น แอปพลิเคชัน ติ้กตอก เป็นต้น ส่วนผู้ช่วยศาสตราจารย์ เมลิสสา แกง ชี้ว่าทางการต้องสื่อสารอย่างต่อเนื่องและให้คำปรึกษาเพื่อหาทางออกกับคนหนุ่มสาวด้วย
“คุณต้องให้พวกเขามีสิทธิมีเสียงที่จะให้คำแนะนำกับรัฐบาลและผู้สร้างนโยบาย รวมถึงองค์กรการให้บริการต่างๆ เกี่ยวกับการนำข้อบังคับของกระทรวงสาธารณสุขไปปฏิบัติ โดยที่พวกเขาไม่รู้สึกแปลกปลอม คุณจะต้องสื่อสารกับพวกเขาอย่างสม่ำเสมอและ พวกเขาเผยแพร่คำแนะนำเหล่านั้นออกไป”
แต่คุณ แคลร์ ซูเทอร์ตัน ให้ข้อสังเกตว่าตราบใดที่ยังแก้ปัญหาเรื่องความไม่เท่าเทียมด้านเศรษฐกิจที่คนหนุ่มสาวต้องเผชิญไม่ได้ คำเตือนจากสาธารณสุขก็จะยังไม่มีผลกับพวกเขาต่อไปเรื่อยๆ
“ถ้าเราไม่ชูประเด็นประเด็นที่ว่าคนหนุ่มสาวเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก และถ้าเราไม่เห็นภาพรวมและเห็นว่าปัญหานี้กระทบกับคนกลุ่มนี้อย่างไรแล้วล่ะก็ เราก็จะไม่สามารถจัดการกับปัญหาการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19”
ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เขตมหานครของเมลเบิร์น (Metropolitan Melbourne) อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ระดับ 4 และจะต้องปฏิบัติตามการห้ามออกจากเคหสถานระหว่างเวลา 20.00 น.-5.00 น.
ในระหว่างช่วงเวลาที่ห้ามออกจากเคหสถาน ประชาชนในเมลเบิร์นจะสามารถออกจากบ้านได้ เพื่อไปทำงาน หรือไปรับบริการด้านสุขภาพหรือไปรับการดูแลที่จำเป็น หรือเพราะเหตุผลด้านความปลอดภัยเท่านั้น
ระหว่างเวลา 5.00 น. เป็นต้นไปจนถึงเวลา 20.00 น. ประชาชนในเมลเบิร์นจะสามารถออกจากบ้านได้ เพื่อออกกำลังกาย เพื่อไปซื้อของจำเป็นและไปรับบริการที่จำเป็น ไปทำงาน ไปรับบริการด้านสุขภาพ หรือไปให้การดูแลญาติที่ป่วยหรือผู้สูงอายุเท่านั้น
รายละเอียดข้อจำกัดทั้งหมดสามารถดูได้ ชาวรัฐวิกตอเรียทุกคนจะต้องสวมหน้ากากหรือผ้าปกคลุมจมูกและปากเมื่อออกจากเคหสถาน ไม่ว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ในพื้นที่ใด
ประชาชนในออสเตรเลียต้องอยู่ห่างกับผู้อื่นอย่างน้อย 1.5 เมตร คุณสามารถตรวจดูว่ามีข้อจำกัดใดบ้างที่บังคับใช้อยู่ในรัฐและมณฑลของคุณ
การตรวจเชื้อไวรัสโคโรนาขณะนี้สามารถทำได้ทั่วออสเตรเลีย หากคุณมีอาการของไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ให้ติดต่อขอรับการตรวจเชื้อได้ด้วยการโทรศัพท์ไปยังแพทย์ประจำตัวของคุณ หรือโทรศัพท์ติดต่อสายด่วนให้ข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (Coronavirus Health Information Hotline) ที่หมายเลข 1800 020 080
รัฐบาลสหพันธรัฐออสเตรเลียยังได้มีแอปพลิเคชัน COVIDSafe เพื่อติดตามและแจ้งเตือนผู้ที่พบปะใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งคุณสามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้จากแอปสโตร์ (app store) สำหรับโทรศัพท์มือถือของคุณ อ่านเกี่ยวกับแอปพลิเคชันนี้
ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่
เรื่องราวที่น่าสนใจจากเอสบีเอส ไทย
ออสฯ มีผู้เสียชีวิตจากโควิดสูงสุดวันนี้