วันนี้ (26 ส.ค.) รัฐวิกตอเรียพบผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนา 24 ราย และมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันนี้ 149 ราย ซึ่งเป็นอีกวันที่รัฐวิกตอเรียพบกับจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมในรัฐวิกตอเรียเพิ่มเป็น 462 ราย ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตสะสมทั่วประเทศ 549 ราย
จากยอดผู้เสียชีวิตในวันนี้ ทำให้รัฐวิกตอเรียเข้าสู่วันที่สถานการณ์เลวร้ายที่สุดเป็นครั้งที่ 2 นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาเริ่มต้น แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวกำลังอยู่ในระดับทรงตัว โดยยอดผู้เสียชีวิตวันที่เลวร้ายที่สุดของรัฐวิกตอเรียคือ 25 ราย ซึ่งบันทึกไว้เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา
โดยยอดผู้ติดเชื้อในวันนี้ 149 รายนั้น เป็นวันที่ 3 ของรัฐวิกตอเรีย ที่มียอดผู้ติดเชื้อรายวันไม่เกิน 200 ราย
นายแดเนียล แอนดรูส์ มุขมนตรีรัฐวิกตอเรีย กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตที่พบในวันนี้โดยส่วนมาก มาจากสถานดูแลผู้สูงอายุ โดยแบ่งเป็น
- หญิงวัย 60 ปีเศษ 1 ราย
- ชายวัย 70 ปีเศษ 3 ราย
- หญิง 3 ราย และชาย 7 รายในวัย 80 ปีเศษ
- หญิง 6 ราย และชาย 4 รายในวัย 90 ปีเศษ
“ผู้เสียชีวิต 21 จาก 24 รายในวันนี้ มีความเชื่อมโยงกับสถานดูแลผู้สูงอายุ และเราขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวของผู้เสียชีวิตทุกคน” นายแอนดรูส์ มุขมนตรีรัฐวิกตอเรียกล่าว
การเปิดเผยตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาในวันนี้ (26 ส.ค.) เกิดขึ้นหลังจากที่มุขมนตรีรัฐวิกตอเรีย จำเป็นต้องทำข้อตกลงร่วมกับวุฒิสมาชิกฝ่ายค้าน เพื่อยืดเวลาการประกาศภาวะฉุกเฉินของรัฐวิกตอเรีย ซึ่งประกาศใช้มาตั้งแต่การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาเริ่มต้น เมื่อ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา และมีกำหนดสิ้นสุดเดิมในวันที่ 13 ก.ย. หลังได้รับการประกาศขยายเวลาก่อนหน้านี้เป็นระยะเวลา 6 เดือน
อย่างไรก็ตาม นายแอนดรูส์ มุขมนตรีรัฐวิกตอเรีย มีความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงระยะเวลาของประกาศภาวะฉุกเฉินดังกล่าวออกไปเป็นระยะเวลาอีก 12 เดือนต่อจากนี้
นายไมเคิล โอไบรอัน (Michael O’Brien) ผู้นำพรรคฝ่ายค้านของรัฐบาลรัฐวิกตอเรีย ได้ต่อต้านร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งเกือบทั้งหมดของวุฒิสมาชิกฝ่านค้านในสภาสูงได้แสดงความไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายดังกล่าวในฉบับปัจจุบัน
ขณะที่มุขมนตรีรัฐวิกตอเรีย กล่าวว่า การขยายระยะเวลาประกาศภาวะฉุกเฉินนั้น จะเปิดทางให้ นายเบรตต์ ซัตทัน ประธานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขรัฐวิกตอเรีย ได้ประกาศแนวทาง ‘ที่มีเหตุผล’ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ซึ่งรวมถึงกฎเกี่ยวกับการสวมใส่หน้ากากอนามัย การรวมกลุ่มในที่สาธารณะ และการจำกัดความหนาแน่นของผู้คนในธุรกิจต่าง ๆ และสถานประกอบการ
นายแอนดรูส์เน้นย้ำว่า ร่างกฎหมายที่ได้มีการเสนอไปนั้น ไม่ได้หมายถึงการขยายเวลามาตรการจำกัดระดับ 4 ที่มีกำหนดสิ้นสุดลงในวันที่ 13 ก.ย.นี้
อย่างไรก็ตาม มุขมนตรีรัฐวิกตอเรียกล่าวว่า เขากำลังเตรียมที่จะเจรจาประณีประนอมกับฝ่ายค้าน ก่อนที่จะมีการประชุมสภาอีกครั้งในวันอังคารหน้า (1 ก.ย.) โดยนายแอนดรูส์ต้องการอีก 4 เสียงสนับสนุน เพื่อให้ร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับการประกาศใช้
นางฟิโอนา แพทเทน (Fiona Patten) วุฒิสมาชิกฝ่ายค้านคนสำคัญ ได้ระบุก่อนหน้านี้ว่า เธออาจสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าว ‘หากมีการเจรจาประณีประนอมในบางส่วน’ ขณะที่ นายเดอร์ริน ฮินช์ (Derryn Hinch) อดีตสมาชิกวุฒิสภาในรัฐบาลสหพันธรัฐ กล่าวว่า วุฒิสมาชิกฝ่ายค้านอีก 2 คน จากพรรคจัสติซของเขา อาจให้การสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าวเมื่อได้รับการปรับปรุง
ขณะที่นายเจมส์ เมอร์ลิโน รัฐมนตรีการศึกษาในรัฐบาลรัฐวิกตอเรีย ได้แสดงความมั่นใจว่า บรรดานักเรียนนักศึกษาจะสามารถกลับไปเรียนในสถานศึกษาได้ตามปกติในภาคเรียนที่ 4 ซึ่งขึ้นอยู่กับการอนุมัติของประธานเจ้าหน้าที่สาธารณสุข นายเบรตต์ ซัตทัน
Source: AAP-SBS
ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เขตมหานครของเมลเบิร์น (Metropolitan Melbourne) อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ระดับ 4 และจะต้องปฏิบัติตามการห้ามออกจากเคหสถานระหว่างเวลา 20.00 น.-5.00 น.
ในระหว่างช่วงเวลาที่ห้ามออกจากเคหสถาน ประชาชนในเมลเบิร์นจะสามารถออกจากบ้านได้ เพื่อไปทำงาน หรือไปรับบริการด้านสุขภาพหรือไปรับการดูแลที่จำเป็น หรือเพราะเหตุผลด้านความปลอดภัยเท่านั้น
ระหว่างเวลา 5.00 น. เป็นต้นไปจนถึงเวลา 20.00 น. ประชาชนในเมลเบิร์นจะสามารถออกจากบ้านได้ เพื่อออกกำลังกาย เพื่อไปซื้อของจำเป็นและไปรับบริการที่จำเป็น ไปทำงาน ไปรับบริการด้านสุขภาพ หรือไปให้การดูแลญาติที่ป่วยหรือผู้สูงอายุเท่านั้น
รายละเอียดข้อจำกัดทั้งหมดสามารถดูได้ ชาวรัฐวิกตอเรียทุกคนจะต้องสวมหน้ากากหรือผ้าปกคลุมจมูกและปากเมื่อออกจากเคหสถาน ไม่ว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ในพื้นที่ใด
ประชาชนในออสเตรเลียต้องอยู่ห่างกับผู้อื่นอย่างน้อย 1.5 เมตร คุณสามารถตรวจดูว่ามีข้อจำกัดใดบ้างที่บังคับใช้อยู่ในรัฐและมณฑลของคุณ
การตรวจเชื้อไวรัสโคโรนาขณะนี้สามารถทำได้ทั่วออสเตรเลีย หากคุณมีอาการของไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ให้ติดต่อขอรับการตรวจเชื้อได้ด้วยการโทรศัพท์ไปยังแพทย์ประจำตัวของคุณ หรือโทรศัพท์ติดต่อสายด่วนให้ข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (Coronavirus Health Information Hotline) ที่หมายเลข 1800 020 080
รัฐบาลสหพันธรัฐออสเตรเลียยังได้มีแอปพลิเคชัน COVIDSafe เพื่อติดตามและแจ้งเตือนผู้ที่พบปะใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งคุณสามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้จากแอปสโตร์ (app store) สำหรับโทรศัพท์มือถือของคุณ อ่านเกี่ยวกับแอปพลิเคชันนี้
ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่
เรื่องราวที่น่าสนใจจาก เอสบีเอส ไทย
ขบวนการโจรกรรมข้อมูลส่วนตัวชุกชุมช่วงโควิด