รัฐยกเครื่องปฏิรูปมหาวิทยาลัยออสฯ หวังนักเรียนจบปริญญามากขึ้น

University graduates

รัฐบาลกลางประกาศปฎิรูปมหาวิทยาลัยในออสเตรเลียเพื่อให้นักเรียนเข้าถึงการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยได้มากขึ้น Source: SBS

การรายงานขององค์กรประเมินคุณภาพการศึกษาระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ (Australian Universities Accord Interim Report) ระบุว่างานในอนาคตจำนวนมากต้องการคนที่ได้รับการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย รัฐบาลกลางได้ประกาศจะช่วยให้นักเรียนชาวพื้นเมือง นักเรียนจากส่วนภูมิภาค ให้สามารถเข้าถึงการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยได้มากขึ้น


ในอนาคตอันใกล้ นักเรียนชาวพื้นเมือง นักเรียนจากส่วนภูมิภาค และนักเรียนที่อาศัยนอกเมือง นักเรียนกลุ่มเหล่านี้ จะได้รับการสนับสนุนมากขึ้นในการเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยและสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญา

การเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้สืบเนื่องมารายงานความก้าวหน้าการประเมินคุณภาพการศึกษาในระดับอุดมศึกษาครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 15 ปีของออสเตรเลีย

 รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการแห่งรัฐบาลสหพันธรัฐ เจสัน แคลร์ ได้แถลงรายงานความก้าวหน้าผลการประเมินคุณภาพการศึกษาระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ (Australian Universities Accord Interim Report) ที่จัดขึ้นที่ National Press Club

รัฐมนตรี แคลร์ กล่าวว่ามีมาตรการ 5 ประการที่ได้รับคำแนะนำจากคณะกรรมาธิการประเมินคุณภาพการศึกษา ที่รัฐบาลจะดำเนินการทันที เขากล่าวว่า

"ในอนาคตงานเกือบทุกที่ ต้องการให้คนรุ่นใหม่เรียนจบ มัธยมปลาย แล้วไปเรียนต่อที่ TAFE หรือมหาวิทยาลัย ในปัจจุบันในตลาดแรงงานมีประชากรร้อยละ 36 ที่มีวุฒิปริญญาตรี จากรายงานเล่มนี้คาดการณ์ว่าภายในกลางศตวรรษนี้คนรุ่นใหม่จะจบการศึกษาระดับอุดมศึกษาอาจเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 55”

Elevated view of university students walking up and down stairs
มีคาดการณ์ว่าภายในกลางศตวรรษนี้คนรุ่นใหม่จะจบการศึกษาระดับอุดมศึกษาอาจเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 55 จากร้อยละ 36 ในปัจจุบัน Source: Getty / Getty Images

 รายงานความก้าวหน้าผลการประเมินคุณภาพการศึกษาระดับอุดมศึกษายังระบุว่าสิ่งสำคัญมากประการหนึ่งคือ เราต้องเพิ่มโอกาสให้ นักศึกษามหาวิทยาลัยที่อาศัยย่านชานเมือง ส่วนภูมิภาค นักเรียนที่มีภูมิหลังยากจน นักเรียนที่มีความทุพพลภาพ และนักเรียนชนพื้นเมือง ได้รับการศึกษาในระดับอุดมศึกษาเพื่อรองรับงานที่อาศัยทักษะหลายแขนงในอนาคต

มาตรการช่วยเหลือให้นักเรียนเข้าถึงการศึกษาระดับอุดมศึกษา

รัฐมนตรีแคลร์ชี้ว่าช่องว่างการศึกษาระหว่างเด็กเหล่านี้กับเด็กที่ไม่ใช่ชนพื้นเมืองที่อาศัยรอบเขตปริมณฑล มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

 เพื่อแก้ปัญหานี้ เขาได้ประกาศว่ารัฐบาลจะจัดตั้งศูนย์การศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในส่วนภูมิภาคเพิ่มอีก 20 แห่ง และศูนย์การศึกษามหาวิทยาลัยในเขตชานเมืองอีก 14 แห่ง

 นอกจากนี้ รัฐบาลจะขยายการประกันความต่อเนื่องการศึกษาในระดับอุดมศึกษาออกไปอีก 2 ปี เพื่อให้ทุนสนับสนุนแก่มหาวิทยาลัยต่างๆ โดยมีเงื่อนไขบางประการ

 รัฐมนตรีแคลร์ ยังได้ประกาศการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ 2 ประการเพื่อช่วยให้นักเรียนที่เป็นชาวพื้นเมืองออสเตรเลียสามารถเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยและสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาได้มากขึ้น

 ประการแรกคือการขยายการให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนชนพื้นเมืองทุกคนที่มีคุณสมบัติเข้าข่ายกับหลักสูตรที่พวกเขาสมัคร ซึ่งปัจจุบันเงื่อนไขนี้ใช้กับนักเรียนในส่วนภูมิภาคและห่างไกลในออสเตรเลียเท่านั้น

 นอกจากนี้ รัฐบาลจะยกเลิกกฎการผ่านเกณฑ์ร้อยละ 50 ซึ่งนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการบัณฑิตพร้อมทำงานของรัฐบาลชุดที่แล้ว รัฐมนตรีกระทรวงศึกษา เจสัน แคลร์ เปิดเผยว่า

 "รัฐบาลที่แล้วออกกฎว่าถ้าคุณเรียนอย่างน้อยแปดหน่วยกิตแต่ถ้าไม่ผ่านเกณฑ์มากกว่า 4 หน่วยกิตหรือเป็นจำนวนครึ่งหนึ่งของหน่วยกิตที่ลงทะเบียน คุณจะไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินกู้ Commonwealth เพิ่มเติมสำหรับหลักสูตรนั้น และในปีนี้ที่มหาวิทยาลัย Western Sydney ระเบียบข้อบังคับที่ว่าทำให้นักศึกษา 1,350 คนถูกบังคับให้ออก ซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่มาจากภูมิหลังที่ยากจน โดยประมาณ นักศึกษามากกว่า 13,000 คนในมหาวิทยาลัย 27 แห่งได้รับผลกระทบข้อบังคับนี้"

ภาคส่วนการศึกษามองการปฎิรูปนี้อย่างไร

ส่วน แคทรีโอนา แจกสัน ประธานการรมการบริหาร ของ Universities Australia กล่าวว่าคณะกรรมการบริหารในภาคส่วนนี้เห็นด้วยกับผลการประเมิน และมาตรการดำเนินการดังกล่าว แต่ชี้ว่ารัฐบาลจำเป็นต้องขยายการดำเนินการมากขึ้นเพื่อสนับสนุนการวิจัย ประธานกรรมการบริหาร แจกสัน ชี้ว่า

 
"เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งกับการประกาศในวันนี้ สำหรับผลการประเมินความคืบหน้า และมาตรการ 5 ประการ ตอนนี้เห็นได้ชัดว่ารัฐบาลและคณะกรรมการรับฟังสิ่งที่มหาวิทยาลัยต่างๆ นำเสนอว่ามีบางสิ่งที่เรารอไม่ได้ ดังนั้น ความต้องการที่จะผลักดันให้มีนักเรียนชนพื้นเมืองมากขึ้นนั้น มันเป็นการสิ้นสุดของการไม่หือไม่อือในเรื่องนี้ ระเบียบบังคับที่นักศึกษาต้องผ่านหน่วยกิตเกินครึ่ง ซึ่งทำให้นักศึกษาที่ด้อยโอกาสและนักศึกษาทั่วไปในมหาวิทยาลัยของเราต้องออกจากกระบบ และการขยายโครงการประกันความต่อเนื่องทางการศึกษาสามารถต่อลมหายใจให้มหาวิทยาลัยเพิ่มขึ้น"

โฆษกกระทรวงศึกษาธิการของพรรคฝ่ายค้าน ซาราห์ แฮนเดอร์สัน โต้ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการตัวเลขการเข้ามหาวิทยาลัยมากกว่าผลลัพธ์

 "นี่เป็นโอกาสที่สำคัญมากในการขับเคลื่อนการปฏิรูปที่สำคัญในระดับอุดมศึกษา แต่จากรายงานในวันนี้รัฐบาลกำลังมุ่งเน้นไปที่ตัวเลขการเข้ามหาวิทยาลัยมากกว่าที่จะมุ่งเน้นไปที่ผลลัพธ์ทางการศึกษาของนักเรียน รัฐบาลไม่ได้นำประเด็นที่มหาวิทยาลัยมีส่วนในการที่ทำให้อัตราการจบการศึกษาลดลงมาพิจารณา และมันน่าผิดหวังมาก และอีกประการหนึ่งที่น่าผิดหวังคือ การที่รัฐบาลยกเลิกระเบียบการผ่านหน่วยกิตอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง เพราะว่าจริงๆ มันออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือนักเรียนไม่ใช่การลงโทษพวกเขา "

สหภาพนักศึกษาแห่งชาติเห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงนี้ แต่ยังกล่าวว่าขั้นตอนต่าง ๆ จะต้องเน้นนักศึกษาเป็นศูนย์กลาง รวมถึงการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและการยุติการข่มขืนในมหาวิทยาลัย


 โฆษกด้านการศึกษาของพรรคกรีนส์ เมอรีน ฟารูคี กล่าวว่ารัฐบาลพลาดโอกาสในการปฏิรูปมหาวิทยาลัยที่เรื่องเร่งด่วน เช่น การช่วยเหลือการชำระหนี้การศึกษาของนักเรียน

รายงานความคืบหน้านี้ยังระบุแนวคิดเชิงนโยบายอื่นๆ อีก 70 ข้อ ที่คณะผู้พิจารณากำลังพิจารณาและเสนอในรายงานฉบับเต็ม ที่มีกำหนดส่งมอบในเดือนธันวาคม

นโยบายเหล่านี้รวมถึงการเก็บภาษีนักศึกษาต่างชาติ การเปลี่ยนแปลงโปรแกรมเงินกู้เพื่อการศึกษาระดับอุดมศึกษา และการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ในชุดมาตรการบัณฑิตพร้อมทำงาน ซึ่งจะทำให้บางหลักสูตร เช่น ศิลปศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มีค่าเทอมแพงขึ้น

คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ 


บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 




 


Share