จุติมาฆ์ ชินศรี จากผู้พิการสู่นางแบบ Australian Fashion week

Adaptive Clothing Collective - Runway - Afterpay Australian Fashion Week 2022

คุณ จุติมาฆ์ ชินศรี ครูสอนภาษาอังกฤษในนครซิดนีย์ หนึ่งในนางแบบของ Australia fashion week 2022 Credit: Stefan Gosatti/Getty Images

คุยกับคุณ จุติมาฆ์ ชินศรี ครูสอนภาษาอังกฤษในนครซิดนีย์ เล่าประสบการณ์เปลี่ยนชีวิตเมื่อเธอต้องกลายเป็นผู้พิการกระทันหันจากการป่วยเป็นโรคไข้กาฬหลังแอ่น มาวันนี้เธอเป็นหนึ่งในนางแบบของ Australia fashion week และเป็นนางแบบโฆษณาแบรนด์ดังหลายแบรนด์


กด ▶️ ด้านบนเพื่อฟังพอดคาสต์

คุณ จุติมาฆ์ ชินศรี (แจ๋ม) ย้ายมาออสเตรเลียเมื่ออายุ 15 ปีกับครอบครัวที่นครซิดนีย์ เธอจบมหาวิทยาลัยและได้ทำงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษกับคนที่พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองอย่างที่ตั้งใจไว้

ชีวิตกำลังดำเนินไปด้วยดี และไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ชีวิตของคุณแจ๋มต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล เมื่อเธอป่วยเป็นโรคที่เกือบสูญพันธุ์อย่างโรคไข้กาฬหลังแอ่น

“ย้อนกลับไปในปี 2018 แจ๋มไม่สบายคือป่วยเป็นโรคไข้กาฬหลังแอ่น หรือ meningococcal desease ติดเชื้อในกระแสเลือด หมอไม่สามารถรักษาขาเอาไว้ได้ เลยต้องตัดขาทั้งสองข้าง รวมทั้งนิ้วมือด้วย“

Jam 4 sick.jpg
คุณ จุติมาฆ์ ชินศรี ป่วยเป็นโรคไข้กาฬหลังแอ่น หรือ meningococcal desease จนต้องสูญเสียขาและนิ้วมือ Credit: Supplied/ Juttima Chinnasri
คุณแจ๋มเล่าว่าส่วนใหญ่คนไทยจะคิดว่าโรคนี้มันหายไปนานมากแล้ว เพราะฉนั้นคนที่เกิดในเมืองไทยเลยไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคนี้ และถ้าบังเอิญได้รับเชื้อมาจากผู้ที่เป็นพาหะแต่ไม่แสดงอาการ ก็อาจทำให้ป่วยรุนแรงได้

”วัคซีนไข้กาฬหลังแอ่นมันไม่ได้อยู่ใน national program เพราะฉนั้นคนที่โตเมืองไทยก็จะไม่ได้ฉีดวัคซีนนี้“

แม้แต่ในออสเตรเลีย วัคซีนไข้กาฬหลังแอ่นก็เพิ่งได้รับการบรรจุในโครงการฉีดวัคซีนฟรีของรัฐบาลเมื่อไม่นานมานี้ คุณแจ๋มแนะนำว่า

”วัคซีนหนึ่งตัว ไม่ได้ครอบคลุมทุกสายพันธุ์ ต้องฉีด 3 เข็ม โดยเฉพาะสายพันธุ์ B ที่แจ๋มเป็น มันไม่ฟรี คนก็ไม่รู้ว่าต้องฉีดตัวนี้ด้วย“
จากการป่วยแล้วต้องสูญเสียอวัยวะสำคัญไปอย่างไม่คาดคิด คุณแจ๋มเล่าให้เอสบีเอสไทยฟังว่า ความเสียใจเป็นเรื่องปกติแค่สุดท้ายเราต้องยอมรับความจริง เพื่อเดินหน้าต่อไป
ตอนนั้นเราเห็นขาของเรา ว่ามันไม่สามารถเก็บไว้ได้ ก็เสียใจแต่สุดท้ายเราต้องยอมรับความจริง
คุณ จุติมาฆ์ ชินศรี (แจ๋ม)
การดูแลจิตใจก็เป็นสิ่งสำคัญ คุณแจ๋มบอกว่าครอบครัวและคนรอบตัวเป็นกำลังใจสำคัญที่ทำให้เธอลุกขึ้นสู้ได้

”ครอบครัว เพื่อน คนที่เจอในโซเชียล ทุกคนมีส่วนทำให้เราสามารถมีชีวิตและเดินหน้าต่อไปได้“

จากโชคร้ายที่เกิดขึ้น แต่ในทางกลับกันมันก็เป็นประตูเปิดโอกาสใหม่ให้คุณแจ๋ม ได้ลองทำในสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน เช่นการเป็นนางแบบบนรันเวย์ที่สำคัญที่สุดในออสเตรเลีย อย่างเช่น Australian Fashion Week Bangkok fashion week และงานโฆษณาให้กับแบรนด์ต่างๆ

 ”งานด้านวงการแฟชัน ถ่ายแบบ งานโฆษณา ถ้าเรื่องนี้ไม่เกิดกับเรา เราคงไม่มีโอกาสดีๆให้เราได้ experience”
ที่เราเดินในรันเวย์ของ adaptive fashion ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ Australia Fashion Week
คุณ จุติมาฆ์ ชินศรี (แจ๋ม)

“นอกจากนั้นก็มีเดินใน Bangkok Fashion week ให้กับเกรย์ฮาว ซึ่งอาจจะเป็นครั้งแรกที่ inclusive นางแบบผู้พิการ หรือ หลากหลายไซส์”

นอกเหนือจากงานเดินแบบ คุณแจ๋มยังมีโอกาสเป็นนักแสดงสบทบในภาพยนตร์เรื่อง Madmax ประกบพระเอกดังอย่าง Chris Hamworth และถ่ายโฆษณาอีกหลายตัว

Jam 2 model.JPG
คุณ จุติมาฆ์ ชินศรี (แจ๋ม) เป็นนางแบบโฆษณาให้กับแบรนด์ต่างๆ Credit: Supplied/Juttima Chinnasri
การอำนวยความสะดวกให้กับคนพิการ หรือระบบสาธารณูปโภคในออสเตรเลียที่จัดให้คนพิการ ถือว่าดีในระดับหนึ่ง แต่คุณแจ๋มแนะนำว่า ควรจะพัฒนามากขึ้น

 “Accessibility มันดีระดับหนึ่ง แต่ควรที่จะไปไกลได้มากกว่านี้ เช่นห้องน้ำ ที่จอดรถ ที่ไม่ได้มีทุกที่ มันต้องแก้ในภาพรวม”
อีกเรื่องที่อยากแก้คือ attitude คนจะชอบคิดถึงด้านลบก่อน ว่าน่าสงสาร ชีวิตเค้าคงแย่ มันเหมือนเป็น negative stigma ที่เรามีกับคนพิการ
คุณ จุติมาฆ์ ชินศรี (แจ๋ม)
คุณแจ๋มทิ้งท้ายว่า อยากให้สังคมให้พื้นที่คนพิการได้อยู่ร่วมในสังคมแบบมีตัวตน อย่าทิ้งเค้าไว้เบื้องหลัง เพราะคนพิการก็คือ ส่วนหนึ่งในสังคมเหมือนคนทุกกลุ่ม

“อยากให้เพิ่ม representative พยายาม include คนพิการในทุกที่ที่ทำได้ ออสเตรเลียมีคนพิการถึง 20% ของประชากร ถ้าไม่คิดถึงคนกลุ่มนี้ เหมือนทิ้งเค้าไว้แบบไม่มีใครได้ยิน ไม่มีใครเห็นพวกเขาเลย”

คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ 


บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 




Share