ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว และที่มีความประสงค์จะเดินทางกลับจากต่างประเทศ จะไม่ต้องกักตัว เมื่อเดินทางมาถึงรัฐนิวเซาท์เวลส์
มุขมนตรีโดมินิก เพอร์โรต์เทต์ (Dominic Perrottet) แถลงว่า คนออสเตรเลียและนักท่องเที่ยวที่มีวัคซีนครบและมีผลตรวจเป็นลบ ไม่จำเป็นต้องกักตัว เมื่อเดินทางมาถึงรัฐนิวเซาท์เวลส์
“รัฐเราจะนำประเทศออกจากวิกฤตการระบาดครั้งนี้ การกักตัวในโรงแรมและที่บ้านจะเป็นเรื่องในอดีต เราจะเปิดซิดนีย์และรัฐนิวเซาท์เวลส์สู่โลก”
อย่างไรก็ตาม การกักตัวในโรงแรมจะยังมีบังคับใช้กับผู้ที่ได้รับวัคซีนไม่ครบโดส และจำกัดจำนวนผู้เดินทางเข้า 210 คน ต่อสัปดาห์
“หากคุณได้รับวัคซีนครบโดส และจะเดินทางเข้าออสเตรเลีย ไม่ว่าจะในฐานะคนออสเตรเลียหรือนักท่องเที่ยว มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่คุณต้องกักตัวในโรงแรม กระแสการเดินทางกลับบ้านจะกลับมาอีกครั้ง ธุรกิจการท่องเที่ยวจะกระเตื้องขึ้น โดยเราจะนำประเทศออกจากวิกฤตของการระบาดนี้”
แต่แผนกระตุ้นการท่องเที่ยวของมุขมนตรีเพอร์โรต์เทต์ยังคงต้องรอ
นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน (Scott Morrison) ผู้ควบคุมพรมแดนระหว่างประเทศ โดยท่านนายกเพิ่งออกจากการกักตัวเป็นเวลาสองอาทิตย์หมาดๆ แถลงโต้ว่า คนออสเตรเลียและครอบครัวคนออสเตรเลียที่อยู่ต่างประเทศเท่านั้นที่จะเป็นกลุ่มแรกที่มีสิทธิ์เดินทางเข้า
รัฐบาลกลางจะเปิดรับแค่คนออสเตรเลีย ผู้พำนักถาวร และครอบครัวใกล้ชิดเท่านั้น นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนในรัฐนิวเซาท์เวลส์และทั่วประเทศออสเตรเลีย
นายกฯ กล่าวว่าแรงงานต่างชาติและนักศึกษาจะเป็นกลุ่มต่อไป
“หลังจากนั้นเราจะเปิดประเทศให้กลุ่มถัดมา คือกลุ่มผู้อพยพที่มีทักษะแรงงานและนักศึกษา ให้เดินทางเข้าออสเตรเลีย จากนั้นเราจะเปิดให้กลุ่มนักท่องเที่ยวเข้าออสเตรเลีย ในตอนนี้ทุกอย่างเป็นไปตามกำหนดที่วางไว้ดีแล้ว เราจะไม่เร่งเปิดประเทศ เราจะใช้ความระมัดระวังในการเปิดไปตามลำดับ”
การเดินทางจากต่างประเทสจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง Source: Anna Shvets/Pexels
ด้านกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ไม่ค่อยสบายใจเท่าที่ควรกับการเปิดประเทศนี้
นายแพทย์ไมเคิล บอนนิ่ง (Michael Bonning) จากสมาคมแพทย์แห่งออสเตรเลียกังวลเรื่องความเสี่ยงจากผู้ที่ได้รับวัคซีนยังไม่ครบโดส
“สัดส่วนของผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนหรือยังได้รับวัคซีนไม่ครบโดส รวมถึงเด็กเล็กๆ ซึ่งเรายังไม่มีแผนที่แน่ชัดในการจัดการเรื่องนี้จากรัฐบาล ว่าเราควรจะทำอย่างไร”
ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้สร้างความประหลาดใจให้รัฐอื่นๆ
โดยเฉพาะรัฐวิกตอเรีย โดยนายมาร์ติน โฟเล่ย์ (Martin Foley) รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขรัฐวิกตอเรีย ที่เพิ่งประกาศเปิดพรมแดนกับรัฐนิวเซาท์เวลส์
ตั้งแต่เวลา 23.59 น. วันอังคารที่ 19 ตุลาคมนี้ ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดสและอยู่ในโซนสีแดง เช่น ซิดนีย์ สามารถเดินทางเข้ารัฐวิกตอเรียได้ โดยต้องตรวจเชื้อโควิด 2 ครั้ง ก่อนเดินทางเข้าและหลังเดินทางเข้ารัฐ
รัฐวิกตอเรียแถลงให้ผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ที่บินเข้าซิดนีย์ และได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว สามารถเดินทางเข้ารัฐวิกตอเรียได้
ศาสตราจารย์ แคทเทอรีน เบนเน็ตต์ (Catherine Bennett) นักระบาดวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยดีคิ้น (Deakin University) กล่าวว่าการตรวจเชื้อเป็นกุญแจสำคัญ
“จะมีคนที่ต้องตามเรื่องการตรวจเชื้อ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ดังนั้นดิฉันคิดว่านี่เป็นแนวทางที่ปลอดภัย ในการมุ่งเน้นในเรื่องการตรวจเชื้อ และเมื่อมีคนติดเชื้อ คุณถึงจะตามตัวผู้ติดเชื้อและครอบครัวให้กักตัว”
แต่การเปิดพรมแดนระหว่างประเทศของรัฐนิวเซาท์เวลส์อาจทำให้พรมแดนระหว่างรัฐต้องปิดนานขึ้น รัฐควีนส์แลนด์ ที่มีผู้ติดเชื้อในชุมชนเป็นจำนวนน้อย ยังชั่งใจที่จะเปิดพรมแดนระหว่างรัฐ
นาง อีเวตต์ ดาธ (Yvette D'Ath) รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขรัฐควีนส์แลนด์กล่าวว่า การประกาศของรัฐนิวเซาท์เวส์สร้างความกดดันให้คนในรัฐควีนส์แลนด์ต้องรีบฉีดวัคซีน
โอกาสที่การเปิดนี้จะทำให้มีเคสติดเชื้อพุ่งสูงอีก รัฐนิวเซาท์เวลส์มีความเสี่ยงสูงอยู่แล้ว เราใจจดใจจ่ออยู่ที่ว่าเมื่อไหร่ไวรัสจะมาถึงควีนส์แลนด์ และจะมาแน่ๆ ดังนั้นเราจะทำอย่างไรที่จะปกป้องชุมชนของเรา
นายโดมินิก เพอร์โรต์เทต์ มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์กล่าวในการแถลงข่าวว่า จะเลื่อนเปิดการท่องเที่ยวในเขตภูมิภาค ด้านรองมุขมนตรีพอล ทูลว์ (Paul Toole) เข้าใจว่าการตัดสินใจนี้อาจทำให้หลายฝ่ายไม่พอใจ แต่กล่าวว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ เนื่องจากอัตราการฉีดวัคซีนในแถบภูมิภาคยังต่ำ
“หากเราเปิดชุมชนแถบภูมิภาคในวันจันทร์ (18 ตุลาคม) เราจะเปิดเมืองในขณะที่อัตราการฉีดวัคซีนครบสองโดสนั้นอยู่ที่ 36 เปอร์เซ็นต์ ยังเร็วเกินไปที่จะเปิด และเราทราบดีว่า หากเรารออีกสองอาทิตย์ เราจะอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับเขตซิดนีย์ตอนนี้ ซึ่งมีอัตราการฉีดวัคซีนครบสองโดสมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์”
ประชาชนจากแถบตัวเมืองซิดนีย์จะสามารถเดินทางไปแถบภูมิภาครัฐนิวเซาท์เวลส์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้
นายมาร์ก ฮันนี่ (Mark Honey) นายกเทศมนตรีเขตเทศบาลคีแอมอา (Kiama) ย่านชายฝั่งทะเลดีใจที่ได้ยินความคืบหน้านี้
“หลายเดือนที่ผ่านมา กฎข้อบังคับเปลี่ยนในแบบแทบจะวันต่อวัน การได้ทราบถึงความคืบหน้านี้เป็นสิ่งที่ดีจริงๆ แต่ยังน่าเสียดายอยู่ ผู้ประกอบการธุรกิจหลายรายเริ่มเตรียมตัวเปิดรับการท่องเที่ยวแถบภูมิภาคตั้งแต่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว”
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่