ในเช้าวันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคมชาวออสเตรเลียตื่นขึ้นมาพบกับข่าวที่ว่า เชื้อไวรัสโคโรนาถูกประกาศให้เป็นเชื้อที่กำลังมีการระบาดใหญ่ในระดับโลก โดยองค์การอนามัยโลก
การประกาศครั้งนี้เกิดขึ้น ขณะที่เชื้อไวรัสโคโรนา หรือที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่าเชื้อโควิด-19 มีผู้ติดเชื้อกว่า 118,000 รายทั่วโลก และมีผู้เสียชีวิตจากเชื้อนี้ไปแล้วกว่า 4,200 ราย
ในออสเตรเลีย มีผู้ที่ถูกยืนยันว่ามีเชื้อไวรัสนี้แล้วกว่า 100 ราย และมี 3 ที่เสียชีวิต
เช่นเดียวกับประเทศอื่นทั่วโลก ออสเตรเลียเพิ่มมาตรการป้องกันการติดเชื้อนี้ และรัฐบาลสหพันธรัฐของออสเตรเลียยังได้ออกมาตรการชุดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 17.6 พันล้านดอลลาร์ด้วย
นายกรัฐมนตรี สกอตต์ มอร์ริสัน กล่าวว่า แผนนี้เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจถดถอย โดยมาตรการชุดของรัฐบาลส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่ ผู้ฝึกหัดงานในอุตสาหกรรมต่างๆ (apprentices) ธุรกิจต่างๆ และผู้รับเงินบำนาญ
“เหตุการณ์ไวรัสนี้จะดำเนินไปนานเท่าไรนั้น เป็นเรื่องที่นักวิทยาศาสตร์และเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์กำลังให้คำแนะนำแก่เรา แต่มันมีชีวิตที่จำกัด จะมีช่วงที่เหตุการณ์สิ้นสุดลงซึ่งเราจะต้องผ่านไปให้ได้ และเราจะแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเหตุการณ์สิ้นสุดลง เศรษฐกิจโลกก็จะฟื้นตัวเมื่อถึงช่วงเหตุการณ์จบสิ้นลง”
“ทั้งรัฐมนตรีคลัง ผมเอง และรัฐบาลต่างต้องการให้ธุรกิจต่างๆ อยู่ในสถานะที่ดีที่สุด คือสามารถจ้างลูกจ้างต่อไปได้ ทำให้แน่ใจได้ว่าพวกเขายังคงสามารถให้การฝึกอบรมแก่ลูกจ้างได้ และยังคงรักษาแผนในการลงทุนได้ เพราะว่าเมื่อเหตุการณ์จบสิ้นลง พวกเขาจะยังคงดำเนินธุรกิจได้ดีต่อไป และเราจะทำทุกอย่างที่ทำได้ เพื่อทำให้แน่ใจได้ว่า พวกเขาอยู่ในสถานะที่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็วเมื่อวิกฤตผ่านไป” นายมอร์ริสัน กล่าว
ผลกระทบโดยรวมของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีงบประมาณนี้และในอีก 2 ปีงบประมาณหน้า จะมีมูลค่าราว 22.9 พันล้านดอลลาร์ หรือร้อยละ 1.2 ของจีดีพี
นายจอช ไฟรเดนเบิร์ก รัฐมนตรีคลัง กล่าวว่า มาตรการชุดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเหล่านี้เป็นมาตรการชั่วคราว
“3 ดอลลาร์ในทุกๆ 4 ดอลลาร์ที่เราใช้ไปจะกลับไปสู่ธุรกิจและช่วยให้ชาวออสเตรเลียมีงานทำต่อไป มีมาตรการหลักๆ 6 อย่าง แต่ละอย่างนั้นเป็นมาตรการชั่วคราว แต่ละมาตรการมีการกำหนดเป้าหมายชัดเจน และแต่มาตรการมีสัดส่วนเหมาะสมกับความท้าทายที่เราเผชิญ” นายไฟรเดนเบิร์ก กล่าว
ผู้รับเงินบำนาญและผู้รับเงินสวัสดิการรัฐบาลรวมกว่า 6.5 ล้านคน จะได้รับเงินกระตุ้นเศรษฐกิจจ่ายให้เป็นเงินสด 750 ดอลลาร์ ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคมเป็นต้นไป เพื่อช่วยเหลือให้พวกเขาผ่านพ้นวิกฤตไวรัสโคโรนาไปได้
มาตรการมูลค่า 4.8 พันล้านดอลลาร์ จะครอบคลุมผู้รับเงินสวัสดิการนิวสตาร์ท ผู้รับเงินช่วยเหลือผู้พิการทุกพลภาพ ผู้รับเงินเบี้ยเลี้ยงผู้ดูแล (carers' allowance) ผู้รับเงินเบี้ยเลี้ยงเยาวชน (youth allowance) ผู้รับเงินช่วยเหลือทหารผ่านศึก ผู้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับครอบครัว (family tax benefits) ผู้ถือบัตรผู้มีรายได้น้อยประเภท commonwealth senior health card-holders และผู้รับเงินบำนาญผู้สูงอายุ 2.4 ล้านคน
ธุรกิจขนาดเล็กต่างๆ จะได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลสำหรับเป็นค่าจ้างลูกจ้าง เพื่อยังคงให้ผู้ฝึกหัดงาน (apprentices) สามารถทำงานต่อไปได้
เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
รัฐบาลออสฯ เตรียมจ่ายเงินเยียวยาวิกฤตโคโรนา
ในระดับรัฐ องค์กรต่างๆ ของรัฐจะยังคงเตือนชุมชนให้ทำตามแนวทางปฏิบัติด้านสุขภาพและความปลอดภัยต่อไป
องค์กรด้านสุขภาพต่างเป็นห่วงเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา ที่มีจำนวนสูงที่สุดในรัฐนิวเซาท์เวลส์
การติดเชื้อดังกล่าวเกิดขึ้นจากการติดเชื้อจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง โดยไม่มีความเชื่อมโยงกับประชาชนที่เพิ่งเดินทางกลับจากประเทศที่มีความเสี่ยงสูง
นางกลาดิส เบเรจิกเลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ กล่าวว่า การบริหารจัดการสถานการณ์เชื้อโควิด-19 นั้นเป็น "สถานการณ์ที่มีวิวัฒนาการไปเรื่อยๆ"
“เมื่อมีจำนวนผู้ติดเชื้อถึงจุดหนึ่งก็เห็นได้ชัดว่าการลดจำนวนการระบาดจะท้าทายมากขึ้นไปอีก เราได้เตรียมแผนรับสถานการณ์หลากหลายรูปแบบที่อาจเกิดขึ้นแล้ว แต่ฉันอยากย้ำให้ประชาชนของเรามั่นใจว่า หากคุณมีการป้องกันและระมัดระวังเป็นพิเศษ ก็ไม่มีอะไรต้องวิตก ประชาชนส่วนใหญ่ ที่แม้จะติดเชื้อไวรัสนี้ แต่ก็สามารถรักษาตัวอยู่ที่บ้านอย่างปลอดภัยได้ และไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษาทางการแพทย์ฉุกเฉินเสริม” มุขมนตรีนิวเซาท์เวลส์ ระบุ
ขณะนี้ ออสเตรเลียยังคงห้ามการเดินทางเข้าประเทศของผู้คนจากอิตาลี จีน อิหร่าน และเกาหลีใต้
เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
อนามัยโลกยกระดับ "โคโรนา" เป็นการระบาดใหญ่
แพทย์หญิง แคร์รี ชานต์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ของนิวเซาท์เวลส์ กล่าวว่า อัตราการติดเชื้อของนิวเซาท์เวลส์ ที่ต่ำอยู่ในขณะนี้ถือว่าไม่น่าวิตกเท่าใดนัก ถึงแม้ว่าซิดนีย์จะเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่ดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกก็ตาม
“เนื่องจากการปรากฎขึ้นของเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก และการแพร่ระบาดไปทั่วทั้งชุมชนนานาชาติ จุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวจากต่างประเทศอย่างซิดนีย์ ก็แน่นอนว่าต้องคาดว่าจะมีการพบผู้ติดเชื้อบ้าง ซึ่งอยู่ในระดับที่น่าพอใจ และเราจำเป็นต้องมุ่งเน้นไปยังนักเดินทางที่กลับมาจากต่างประเทศต่อไป” แพทย์หญิง ชานต์ กล่าว
แต่ความสำเร็จในการจำกัดจำนวนผู้ติดเชื้อของซิดนีย์ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะดำเนินต่อไปได้อย่างดี หากชุมชนไม่ร่วมมือกันรับผิดชอบต่อสุขภาพของตนเอง
แพทย์หญิงชานต์ เตือนให้ประชาชนงดการออกไปทำงาน หากเพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ และให้ไปรับการตรวจเชื้อหากพบว่ามีอาการทางระบบทางเดินหายใจ
ช่วงปิดภาคเรียนของโรงเรียนต่างๆ ก็อาจถูกขยายเวลาออกไป เพื่อพยายามควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสนี้
นายแดน เทียน รัฐมนตรีด้านการศึกษาของสหพันธรัฐ กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวอาจส่งผลให้มีการขยายช่วงปิดเทอมระหว่างเทศกาลอีสเตอร์ให้ยาวขึ้น
กดปุ่ม 🔊ที่ภาพด้านบนเพื่อฟังรายงานข่าว
ติดตามฟังรายการ เอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ ทุกวันจันทร์และวันพฤหัสบดี เวลา 22.00 น.
เรื่องราวที่น่าสนใจจากเอสบีเอส ไทย
ไทยงด Visa on Arrival คนจากประเทศเสี่ยง