LISTEN TO
ชาวออสเตรเลียอายุยืนขึ้น แต่คุณภาพชีวิตแย่ลง
SBS Thai
19/10/202007:18
จากการศึกษาด้านภาระจากโรคภัยไข้เจ็บระดับโลก (Global Burden of Disease) โดยวารสารทางการแพทย์ The Lancet ได้เปิดเผยว่า คุณภาพชีวิตของชาวออสเตรเลียนั้นกำลังลดลง จากโรคไม่ติดต่อที่สามารถป้องกันได้ เช่น โรคเบาหวาน และโรคอ้วน
คุณบิล สตาวเรสกี (Bill Stavreski) ผู้จัดการทั่วไปของ Heart Health and Research จากมูลนิธิหัวใจออสเตรเลีย (Heart Foundation of Australia) กล่าวว่า แม้ผู้คนจะมีอายุมากขึ้นในรอบ 50 ปีที่ผ่านมา แต่มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ต้องอยู่กับภาวะโรคเรื้อรัง
“ข่าวดีก็คือ อายุของผู้คนนั้นยืนยาวขึ้นและยืนยาวที่สุดในรอบ 50 ปี แต่เรากำลังอยู่กับภาวะโรคเรื้องรังมากขึ้น มีชาวออสเตรเลียจำนวนมากขึ้นที่มีโรคซึ่งเกิดร่วมกับโรคอื่น ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ หรือโรคเบาหวาน" คุณสตาวเรสกี กล่าว
สิ่งที่งานวิจัยนี้ได้แสดงให้เห็นก็คือ เรามีอายุที่ยืนยาวขึ้น แต่โชคไม่ดีที่เราไม่มีความรื่นรมย์และคุณภาพชีวิตที่ดี”
มีข้อมูลว่า ชาวออสเตรเลียที่เกิดในวันนี้ จะมีชีวิตยืนยาวขึ้น 6 ปี มากกว่าผู้ที่เกิดมาเมื่อ 30 ปีก่อน
งานวิจัยดังกล่าวยังได้พบว่า ปัจจัยเสี่ยง 5 อันดับแรกที่นำไปสู่การเสียชีวิตในออสเตรเลียเป็นจำนวนมาก เมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา คือภาวะความดันโลหิตสูง ตามมาด้วยความเสี่ยงด้านโภชนาการ การสูบบุหรี่ ค่าดัชนีมวลกายสูง และระดับกลูโคสในพลาสมาหลังการอดอาหารสูง
โดยในปี 2019 มีผู้เสียชีวิตจากภาวะความดันโลหิตสูงเพียงอย่างเดียวมากถึง 25,500 ราย
คุณสตาวเรสกี กล่าวว่า ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมและกรรมพันธุ์นั้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับภาวะความดันโลหิตสูง
“ภาวะความดันโลหิตสูงอาจเกิดขึ้นได้จากทั้ง 2 ปัจจัย แต่ยังมีอีกหลายสิ่งที่ผู้คนสามารถทำได้ เพื่อทำให้แน่ใจว่าพวกเขาดูแลระดับความดันโลหิตซึ่งไม่ใช่เพียงแค่การออกกำลังกาย แต่ยังหมายถึงการปรับปรุงพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ลดการบริโภคเกลือ ทำให้แน่ใจว่าคุณไม่รับประทานอาหารที่เค็มจัดเป็นประจำ" คุณสตาวเรสกี กล่าว
และมันก็เป็นเรื่องสำคัญที่คุณจะต้องตรวจสุขภาพของหัวใจอย่างสม่ำเสมอกับแพทย์ และควบคุมระดับความดันในเลือดอยู่เสมอ”
การค้นพบดังกล่าว เกิดขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ซึ่งเป็นอุปสรรคในการรับความช่วยเหลือเกี่ยวกับภาวะโรคเรื้อรัง จากการไปพบแพทย์ที่น้อยลงเพื่อตรวจสุขภาพเป็นประจำ
แต่อย่างไรก็ดี ดัชนีดังกล่าวยังได้ชี้ว่า อัตราการเสียชีวิตของชาวออสเตรเลียจากโรคหัวใจนั้นลดลงอย่างต่อเนื่อง จากการดูแลที่ดีขึ้นในโรงพยาบาลและภายในชุมชน
ศาสตราจารย์แกรี เจนนิงส์ (Prof Garry Jennings) หัวหน้าที่ปรึกษาทางการแพทย์ ของมูลนิธิหัวใจของออสเตรเลีย (Heart Foundation of Australia) กล่าวว่า ภาวะอาการอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดความยากลำบากในช่วงท้ายปีนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ในออสเตรเลียเพียงอย่างเดียว
“เราทำได้ดีเลยทีเดียว แต่ก็ไม่ดีอย่างที่เราอยากให้เป็น เรากำลังเห็นอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจที่ลดลงในหลายกลุ่มอายุทั้งชายและหญิง แต่ก็ยังพบอัตราการเสียชีวิตในอัตราสูงอย่างน่ากังวลในหมู่ชาวอะบอริจินและชาวหมู่เกาะทอร์เรส สเตรท รวมถึงผู้ที่มีสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมในระดับต่ำ และผู้ด้อยโอกาสในชุมชน” ศาสตราจารย์เจนนิงส์ กล่าว
“ดังนั้น มันยังมีอีกหลายสิ่งที่เราต้องทำ ตราบใดที่ความเท่าเทียมยังเป็นเรื่องน่ากังวล แต่อัตราการเสียชีวิตนั้นได้เพิ่มขึ้นในกลุ่มประเทศที่มีรายได้น้อยและปานกลางในทั่วโลก ซึ่งกำลังพบกับความเปลี่ยนแปลงจากโรคระบาด สู่ภาวะโรคเรื้อรังเหล่านี้”
นอกจากนี้ ศาสตราจารย์เจนนิงส์ ยังกล่าวอีกว่า ผู้คนจากชุมชนที่มีภูมิหลังซึ่งไม่ได้พูดภาษาอังกฤษนั้น กำลังเผชิญกับภาวะโรคเรื้อรังในอัตราสูงในออสเตรเลีย
“เราพบอัตราที่แตกต่างในหมู่ผู้ลี้ภัยเมื่อเร็ว ๆ นี้ เราเห็นความแตกต่างด้านเศรษฐกิจและสังคม ผู้ที่อยู่ในย่านชานเมืองที่มีรายได้ต่ำ มีความเป็นไปได้มากที่จะเผชิญกับภาวะโรคหัวใจ ผู้ที่มีรายได้น้อย และผู้ที่อยู่ในชุมชนห่างไกล เหล่านี้คือตัวอย่างของกลุ่มผู้คนที่เราต้องมุ่งเน้นการดูแลสุขภาพหัวใจ และความเสี่ยงด้านสุขภาพอื่น ๆ” ศาสตราจารย์เจนนิงส์ กล่าว
ดัชนีดังกล่าว ยังได้พบปัญหาด้านโภชนาการที่นำไปสู่ปัจจัยที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของออสเตรเลีย
โดยในปี 2019 มีผู้เสียชีวิตจากความเสี่ยงที่เกี่ยวกับโรคเบาหวานมากถึง 21,600 คน ซึ่งมากกว่าผู้ที่สูบบุหรี่
คุณเจน มาร์ติน (Jane Martin) ผู้จัดการบริหารของแนวร่วมนโยบายภาวะโรคอ้วน (Obesity Policy Coalition) กล่าวว่า เธอต้องการที่จะพบเห็นแผนยุทธศาสตร์ระดับชาติในการรับมือกับภาวะโรคอ้วนที่กำลังจะมีการเปิดเผยในเร็ว ๆ นี้ ในการรับมืออย่างจริงจังกับปัญหาโรคอ้วนที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้าง
“เราคาดหวังที่จะเห็นนโยบายบางส่วนได้รับการแนะนำในระดับโลก ในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้จากยุทธศาสตร์ดังกล่าว อย่างเช่น การป้องกันเด็ก ๆ จากการตลาดของอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพอันดาษดื่น การปรับปรุงการแสดงฉลากของอาหารที่จำเป็นต้องมีคะแนนดาวสุขภาพ (Health Star Ratings) รวมถึงนโยบายภาษีน้ำตาล (sugar levy) ในการเพิ่มราคาเครื่องดื่มที่น้ำตาลสูง ซึ่งราคาส่วนต่างนั้นสามารถนำไปสมทบทุน โครงการป้องกันภาวะโรคเบาหวานได้” คุณมาร์ติน กล่าว
“เรามีปัญหาที่มีความเคร่งเครียด ผู้ใหญ่ถึง 2 ใน 3 และเด็ก 1 ใน 4 นั้นเผชิญกับโรคเบาหวาน มันจะไม่หายไปไหน และเราจำเป็นที่จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนเหล่านั้น ในการป้องกันผู้คนจากความเสี่ยงเหล่านี้”
รายการ เอสบีเอส ไทย ออนไลน์ ออกอากาศสดหนึ่งชั่วโมงเต็ม กดฟังได้ที่เว็บไซต์ ทุกจันทร์และพฤหัสบดี 22.00 น. (เวลาซิดนีย์/เมลเบิร์น) หลังจากนั้นฟังซ้ำได้ทุกเมื่อ
ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่
เรื่องราวที่น่าสนใจจากเอสบีเอส ไทย
แม้จะโลว์เทคแต่กล้าขายผ่านไลฟ์สด