LISTEN TO
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเล็งหารือแนวทางเปิดพรมแดน
SBS Thai
19/04/202107:32
ออสเตรเลียเปิดทราเวิลบับเบิลกับนิวซีแลนด์ตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย. เวลา 23.59 น. อนุญาตให้ผู้อาศัยอยู่ในออสเตรเลียเดินทางเข้านิวซีแลนด์ได้โดยไม่ต้องกักตัวในโรงแรม
นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน เผยว่าจะใช้วาระการประชุมสถานการณ์โควิด-19 ร่วมกับคณะรัฐมนตรีและผู้นำระดับรัฐและมณฑล ซึ่งเริ่มประชุมครั้งแรกเมื่อวันจันทร์ (19 เม.ย.) หารือแนวทางเปิดพรมแดนออสเตรเลียสำหรับเดินทางระหว่างประเทศ พร้อมกล่าวว่าไม่เร่งรีบยกเลิกข้อจำกัดด้านการเดินทาง
"ออสเตรเลียไม่เร่งรีบเปิดพรมแดน" นายมอร์ริสันกล่าว
"ความคิดที่ว่าอยู่มาวันหนึ่งทุกอย่างจะกลับมาเปิด มันจะไม่เกิดขึ้นแบบนั้น แต่จะเป็นไปอย่างรอบคอบระมัดระวัง... ผมจะไม่ให้วิถีชีวิตของชาวออสเตรเลียทุกวันนี้ต้องเสี่ยงอีก"
นายมอร์ริสันหวังว่า ชาวออสเตรเลียที่ฉีดวัคซีนแล้วและมีเหตุผลจำเป็น อาจได้รับอนุญาตให้เดินทางและกลับเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องเข้ากักตัวในโรงแรมในช่วงครึ่งหลังปีนี้
เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
เขตเดินทางพิเศษออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์เปิดแล้ว หากจะเดินทางต้องทำอย่างไร
นอกจากนี้ยังเล็งหารือแนวทางกักตัวคัดกรองโรคที่บ้าน สำหรับชาวออสเตรเลียที่เดินทางกลับเข้าประเทศด้วย
"แต่เราต้องทำให้แน่ใจว่า วิธีนี้จะได้ผลและมีประสิทธิภาพเทียบเท่าการกักตัวในโรงแรม" นายมอร์ริสันกล่าว
"ถ้าวิธีนี้ใช้ได้ หมายความว่าจะมีที่กักตัวในโรงแรมเพิ่มขึ้น แรงงานภาคอุตสาหกรรมจำเป็นจะเริ่มกลับเข้ามาได้อีกครั้ง และอาจขยายไปสู่ประชากรกลุ่มอื่นด้วยแนวทางความปลอดภัยคุมเข้ม"
นายเกร็ก ฮันต์ รัฐมนตรีสาธารณสุข ระบุว่าคณะรัฐมนตรีเตรียมพิจารณาแนวทางที่รัฐต่าง ๆ สามารถส่งเสริมการดำเนินงานคลินิกวัคซีนหมู่
สำหรับรัฐวิกตอเรีย ผู้มีอายุมากกว่า 70 ปีสามารถฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาที่ศูนย์วัคซีนได้ตั้งแต่วันพุธที่ 21 เม.ย. เป็นต้นไป โดยไม่ต้องนัดหมายล่วงหน้า
นายมาร์ติน โฟลีย์ (Martin Foley) รัฐมนตรีสาธารณสุขรัฐวิกตอเรีย กล่าวว่านโยบายนี้มุ่งให้ทางเลือกกับประชาชน
"เรามองว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเราต้องฟื้นฟูความเชื่อมั่นต่อโครงการฉีดวัคซีนที่เกิดติดขัดตลอดช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา" นายโฟลีย์กล่าว
เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
ไขคำถามคาใจว่าด้วยวัคซีนโควิด-19 ในออสเตรเลีย
หน่วยงานด้านสุขภาพแนะนำว่า วัคซีนแอสตราเซเนกาควรใช้เฉพาะผู้มีอายุมากกว่า 50 ปี หลังจากพบว่าการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันสัมพันธ์กับกลุ่มประชากรอายุน้อย
นางคาเรน แอนดรูวส์ (Karen Andrews) รัฐมนตรีมหาดไทย กล่าวว่ารัฐบาลสหพันธรัฐกำลังพิจารณาขยายกำลังการผลิตวัคซีนภายในประเทศ อย่างเช่น วัคซีนไฟเซอร์
โรงงานในนครเมลเบิร์นของบริษัทซีเอสแอล (CSL) ทำสัญญาผลิตวัคซีนแอสตราเซเนกาหลายล้านโดส ทว่า กรณีลิ่มเลือดอุตตันสามรายในออสเตรเลียที่พบว่าเชื่อมโยงกับการใช้วัคซีนแอสตราเซเนกาในผู้มีอายุน้อยกว่า 50 ปี ผลักดันให้ประเทศหันมาพิจารณาทางเลือกวัคซีนชนิดอื่น
ทั้งนี้ รัฐบาลออสเตรเลียบรรลุข้อตกลงจัดหาวัคซีนไฟเซอร์จำนวน 20 ล้านโดสเพิ่มจากรายการสั่งซื้อเดิมที่จัดหาไว้ 20 ล้านโดส ซึ่งจะขนส่งมาถึงช่วงปลายปี
นายฮันต์ กล่าวว่าออสเตรเลียกำลังพิจารณาผลิตวัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA) ภายในประเทศด้วยเช่นกัน
"เรารู้ว่าเราใช้วิธีนี้กับวัคซีนอาร์เอ็มเอ็นเอได้ ถึงไม่เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน แต่เราเริ่มกระบวนการทางธุรกิจรวมถึงมีบริษัทต่าง ๆ แสดงความสนใจแล้ว ดังนั้นจึงมีศักยภาพที่จะทำได้... การขยายกำลังการผลิตต้องใช้เวลาประมาณหนึ่ง" นายฮันต์กล่าว
เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ ยันวัคซีนแอสตราเซเนกาปลอดภัย หลังผลข้างเคียงทำหญิงออสฯ ดับ
ขณะเดียวกัน รัฐบาลสหพันธรัฐยืนยันว่าโครงการฉีดวัคซีนทั่วประเทศยังคงดำเนินต่อไป แม้มีกรณีหญิงวัย 48 ปีเป็นผู้เสียชีวิตรายแรกในออสเตรเลียจากภาวะลิ่มเลือดเชื่อมโยงกับการใช้วัคซีนแอสตราเซเนกา
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกล่าวว่าเป็นกรณีที่พบได้ยาก ทั้งยังมีภาวะแทรกซ้อนจากปัญหาด้านสุขภาพของตัวผู้ป่วย
นางอลิสัน แมคมิลแลน (Alison McMillan) ประธานเจ้าหน้าที่พยาบาลและการผดุงครรภ์ กล่าวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความกังวลให้บางคนลังเลที่จะฉีดวัคซีน
"ความลังเล[เกี่ยวกับวัคซีน]เป็นประเด็นที่เราต้องตระหนักถึง ดิฉันสนับสนุนให้ทุกคนที่มีข้อสงสัยหรือกังวล... ก่อนอื่น คุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพหรือจีพีของคุณ หรือพยาบาล มีหลายคนที่คุณสามารถคุยด้วยได้" นางแมคมิลแลนกล่าว
"โปรดศึกษาข้อมูลที่เชื่อถือได้ เพื่อให้สามารถตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลล่าสุดเท่าที่เป็นไปได้"
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องราวที่น่าสนใจจากเอสบีเอส ไทย
ชีวิตลูกชาวนาสู่นักเรียนทุนเมืองนอก