กด 🔊 เพื่อฟังเรื่องนี้
LISTEN TO
วิกฤตโค้ดเรดหน่วยรถฉุกเฉินในเมลเบิร์นอีกครั้ง
SBS Thai
04/07/202207:33
เมื่อวันจันทร์ที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา ความต้องการรถฉุกเฉินในรัฐวิกตอเรียถึงขีดสุดเป็นครั้งที่ 6 ในรอบปี
ระบบรถฉุกเฉินในรัฐวิกตอเรียต้องใช้รหัสสีแดง (Code Red) ทำให้ผู้ที่โทร 000 สายด่วนฉุกเฉินที่เป็นกรณีไม่ร้ายแรงต้องไปโรงพยาบาลด้วยตนเอง
แต่คุณจัสติน ดันลอป (Justin Dunlop) ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการหน่วยฉุกเฉินในรัฐวิกตอเรียกล่าวว่า ยังไม่มีการแจ้งสาธารณชน
“ระยะเวลาวิกฤตมันสั้นจนไม่จำเป็นต้องแจ้งชุมชนในคืนนั้น เพราะหากแจ้งแล้วอาจเกิดความเสี่ยงอื่นได้"
คุณดันลอปกล่าวว่า การขาดแคลนเจ้าหน้าที่หน่วยฉุกเฉินนับเป็นเวลาไม่กี่นาทีในวันนั้น แต่ใช้มาตรการรหัสสีแดงเป็นเวลา 4 ชั่วโมง
คุณจอร์จี โครเซียร์ (Georgie Crozier) โฆษกสาธารณสุขของฝ่ายค้านกล่าวหารัฐบาลรัฐวิกตอเรียว่าพยายามปกปิดสภาวะวิกฤตของระบบสาธารณสุข
“รัฐบาลต้องอธิบายเรื่องนี้ ว่าทำไมถึงไม่มีการแจ้งเตือนประชาชนรัฐวิกตอเรียว่าระบบรถฉุกเฉินไม่พอให้บริการ หากพวกเขาต้องการใช้”
รหัสสีแดงนับเป็นมาตรการภัยพิบัติระดับสูงสุดของระบบรถฉุกเฉินในรัฐวิกตอเรีย มีไว้ในกรณีฉุกเฉินที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เช่น เหตุไฟป่าและพายุหอบหืด (Thunderstorm Asthma)
การใช้มาตรการนี้จะเปลี่ยนขั้นตอนการรับมือของหน่วยฉุกเฉิน หมายความว่าหากมีคนโทรสายด่วนฉุกเฉิน 000 อาจถูกส่งต่อให้หน่วยอื่นแทน
คุณดันลอปจากหน่วยรถฉุกเฉินรัฐวิกตอเรียกล่าวว่า รถพยาบาลจำนวนหนึ่งยังคงเตรียมพร้อมสำหรับกรณีร้ายแรง
“ผมต้องเน้นว่ายังคงมีรถพยาบาลเพียงพอสำหรับการรับมือ แต่เรากำลังลดจำนวนเพื่อรักษาและปกป้องประชากรรัฐวิกตอเรียที่เจ็บป่วยหนักที่สุด”
เจ้าหน้าที่หน่วยฉุกเฉินในรัฐวิกตอเรียกว่า 150 คนกำลังป่วย ต้องกักตัวเพราะโควิด หรือลาเพื่อดูแลผู้อื่นในคืนนั้น สภาวะขาดแคลนพนักงานอย่างต่อเนื่อง ปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น และระบบไอทีที่ล้มเหลว นับเป็นสาเหตุของการใช้รหัสสีแดงทั้งหมด 6 ครั้งในปีนี้
คุณแดนนี ฮิลล์ (Danny Hill) เลขาธิการสหภาพเจ้าหน้าที่รถฉุกเฉินแห่งรัฐวิกตอเรียกล่าวว่า พนักงานกำลังหมดแรง
“ผมไม่คิดว่าเราเคยเห็นพนักงานขาดกำลังใจในการทำงานขนาดนี้ และเมื่อคุณใช้รหัสสีแดง มันเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด” การใช้แรงงานจากหน่วยอื่นเพื่อทดแทน จากกองกำลังป้องกันประเทศออสเตรเลีย นักศึกษาแพทย์ หน่วยฉุกเฉินของเซนต์ จอห์น (St John) และอาสาสมัครช่วยชีวิตคนตกน้ำ (Surf Lifesaving) ในปลายปีที่แล้ว สามารถช่วยรับมือการทำงานของหน่วยแพทย์ฉุกเฉินได้
เฮลิคอปเตอร์หน่วยฉุกเฉิน Source: Unsplash/Iliya Jokic
แต่สหภาพหน่วยฉุกเฉินกล่าวว่า การทำงานด้วยจำนวนพนักงานที่น้อยกว่าเดิมกำลังสร้างความกดดันให้เจ้าหน้าที่แพทย์มากขึ้น
นายเบน แคร์โรลล์ (Ben Carroll) รัฐมนตรีฝ่ายช่วยเหลือและฟื้นฟูอุตสาหกรรมของรัฐวิกตอเรียกล่าวว่า ได้ทุ่มงบเพื่อเพิ่มจำนวนพนักงานฉุกเฉิน ซึ่งอีกไม่นานที่พวกเขาจะจบหลักสูตร
“เราทุ่มเงิน 12 พันล้านดอลล่าร์ในงบประมาณรัฐที่ผ่านมา เรามีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเพิ่มมา 2,000 คนและอีก 700 คนกำลังจะมา”
คุณแคร์โรลล์กล่าวว่ารัฐบาลรัฐวิกตอเรียยังพิจารณาแรงงานจากต่างประเทศให้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการในการเพิ่มแรงงานในภาคส่วนสาธารณสุข
เรากำลังรับสมัครแรงงานจากต่างประเทศ ไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่หน่วยฉุกเฉิน แต่รวมถึงเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั้งหมด นั่นเป็นสิ่งที่เราดำเนินการมาหลายเดือนแล้ว
คุณฮิลล์จากสหภาพเจ้าหน้าที่รถฉุกเฉินกล่าวว่า สถานการณ์ 3 ปีที่ผ่านมากระทบกับจำนวนผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ทั่วทุกภาคส่วน การขาดแคลนเจ้าหน้าที่ในคลินิกแพทย์จีพี (GP) ในโรงพยาบาลและในสถานพยาบาลต่างๆ เจ้าหน้าที่หน่วยฉุกเฉินนั้นมักเป็นแนวรับสุดท้าย
“เรากำลังเห็นความล่าช้าในการพบแพทย์จีพี หลายคนรู้สึกหงุดหงิดและโทร 000 เราเห็นความตึงเครียดในบ้านพักคนชรา ทำให้พวกเขาโทร 000 ความต้องการที่ล้นหลามในระบบสาธารณสุขส่งผลกระทบต่อระบบรถฉุกเฉินและหน่วยฉุกเฉินในโรงพยาบาล”
คุณฮิลล์กล่าวว่า ในเวลานี้ที่ออสเตรเลียกำลังต่อสู้กับฤดูไข้หวัดใหญ่เป็นครั้งแรกหลังยกเลิกมาตรการป้องกันโควิด ความต้องการหน่วยฉุกเฉินจะยิ่งแย่ลงไปอีก
ที่จบไปนั้นคือสถานการณ์โค้ดเรด รหัสสีแดงของหน่วยฉุกเฉินรถพยาบาลในรัฐวิกตอเรียที่กำลังวิกฤตหนัก
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่