สาเหตุที่ทำให้คนในออสเตรเลียไม่น้อยอาจเลิกทำประกันบ้าน

เบี้ยประกันภัยที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 20 ปีทำให้เกิดความกังวลว่าครัวเรือนในออสเตรเลียจำนวนมากอาจเริ่มละทิ้งการทำประกันบ้านอย่างสิ้นเชิง

A flood-damaged home with debris strewn all around.

การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศทำให้มีภัยพิบัติทางธรรมชาติเกิดบ่อยครั้งขึ้น ส่งผลให้ค่าต่อประกันเพิ่มสูง Source: AAP / Lucy Cambourn

ประเด็นสำคัญ
  • ค่าประกันภัยเพิ่มขึ้น 50 เปอร์เซ็นต์สำหรับอสังหาริมทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทาน (supply chain)
  • ครัวเรือนที่มีรายได้น้อยได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยต้องเผชิญกับเบี้ยประกันที่สูงจนไม่สามารถจ่ายได้ ซึ่งเสี่ยงต่อการบูรณะบ้านหลังจากภัยพิบัติ
  • นักคณิตศาสตร์ด้านประกันภัยเสนอให้มีการให้เงินอุดหนุน การจัดระดับความเสี่ยง และมีเงินกองกลางเพื่อประกันภัย เพื่อแก้ปัญหาด้านความสามารถในการจ่ายท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ครัวเรือนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงจากน้ำท่วมต้องทนกับค่าเบี้ยประกันที่เพิ่มขึ้นถึง 50 เปอร์เซ็นต์

บทวิเคราะห์จากสถาบันนักคณิตศาสตร์ประกันภัยได้ชี้ถึงความรุนแรงของวิกฤตด้านความสามารถในการจ่ายค่าประกันในออสเตรเลีย โดยค่าเบี้ยประกันบ้านโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 20 ปี

ในช่วง 12 เดือนจนถึงเดือนมีนาคม เบี้ยประกันบ้านได้เพิ่มขึ้น 28 เปอร์เซ็นต์

เหตุใดค่าประกันบ้านจึงสูงขึ้น?

บริษัทประกันได้ขึ้นราคาด้วยเหตุผลบางประการคือ ต้นทุนของงานก่อสร้างเพิ่มขึ้นเนื่องจากการขาดแคลนวัสดุก่อสร้างในห่วงโซ่อุปทาน และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติบ่อยครั้งขึ้น จึงทำให้ค่าต่อประกันสูงขึ้น
ค่าประกันได้เพิ่มขึ้นสำหรับทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าคุ้มครองความเสี่ยงจากน้ำท่วมมีราคาแพงขึ้นเป็นพิเศษ โดยครัวเรือนที่มีรายได้น้อยมักจะอาศัยอยู่ในพื้นที่เหล่านี้และต้องแบกรับภาระจากค่าประกันที่สูงขึ้นนี้

คุณชารานจิต แพดดัม นักคณิตศาสตร์ประกันภัยของฟินิตี คอนเซาล์ทิง (Finity Consulting) กล่าวว่าการประกันภัยจะมีราคาสูงขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จึงทำให้ครัวเรือนจำนวนมากไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเลิกทำประกัน

“หากไม่มีประกัน ครัวเรือนจะต้องประสบความยากลำบากในการฟื้นตัวหลังภัยพิบัติ และรัฐบาล ผู้เสียภาษี องค์กรการกุศล และผู้ให้ความช่วยเหลืออย่างไม่เป็นทางการจำนวนมาก ต้องแบกภาระให้ความช่วยเหลือแทน” คุณแพดดัม กล่าว

เขากล่าวว่าครัวเรือนต่าง ๆ ไม่น่าจะสามารถฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้อย่างเต็มที่หากปราศจากการทำประกัน

ประเด็นเรื่องความสามารถในการจ่ายค่าประกันเป็นประเด็นที่ของรัฐบาลกลางคำนึงถึง โดยรัฐมนตรีด้านบริการทางการเงิน สตีเฟน โจนส์ ได้เริ่มการตรวจสอบเรื่องนี้ในบริบทของน้ำท่วมใหญ่ในปี 2022

ออสเตรเลียจะแก้ปัญหาความสามารถในการจ่ายค่าประกันได้อย่างไร?

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ชอยส์ (CHOICE) กลุ่มเพื่อผู้บริโภค ได้เผยแพร่คำแนะนำเพื่อปกป้องประชาชนที่เสี่ยงไม่สามารถจ่ายค่าประกันได้จนต้องเลิกทำประกันอย่างสิ้นเชิง

หน่วยงานนักคณิตศาสตร์ประกันภัยแนะนำแนวทางแก้ปัญหาทวีความรุนแรงขึ้นนี้ ซึ่งรวมไปถึง การหาวิธีอื่นมาแทนการเก็บภาษีประกันภัย โดยใช้วิธีหารายได้ที่ยุติธรรมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญด้านความเสี่ยงยังแนะนำการให้เงินอุดหนุนอย่างตรงเป้าหมายด้วยการตรวจสอบด้านรายได้ โดยตระหนักว่าครัวเรือนที่มีรายได้น้อยมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบหนักที่สุด
นอกจากนี้ อาจมีการจัดตั้งเงินกองกลางเพื่อการทำประกันหรือต่อประกันอีกครั้งสำหรับพื้นที่เสี่ยงเกิดน้ำท่วมริมฝั่งแม่น้ำ

“หากรัฐบาลจะพิจารณาให้มีเงินกองกลางสำหรับการทำประกัน รูปแบบจำลองที่จะจัดทำขึ้นในอนาคตต้องตระหนักว่า ความเสี่ยงจากน้ำท่วมนั้นถูกจำกัดขอบเขตอย่างมากในออสเตรเลีย ในหมู่ครัวเรือนจำนวนค่อนข้างน้อยที่มีความเสี่ยงสูง” คุณอีฟลิน เชา นักคณิตศาสตร์ประกันภัย กล่าว

หน่วยงานด้านคณิตศาสตร์ประกันภัยยังได้เสนอแนวคิดต่าง ๆ เพื่อลดความเสี่ยง รวมถึงมีระบบจัดระดับความเสี่ยงการเกิดน้ำท่วมและภัยพิบัติ โดยรวมเข้าแนวทางปฏิบัติในการก่อสร้าง

คุณเชา กล่าวว่า การลดความเสี่ยงเป็นวิธีเดียวที่จะแก้ปัญหาความสามารถในการจ่ายค่าประกันได้อย่างยั่งยืนท่ามกลางสภาพภูมิอากาศที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป

คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ 

บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share
Published 14 August 2023 11:53am
Updated 14 August 2023 12:02pm
By SBS News
Presented by Parisuth Sodsai
Source: AAP


Share this with family and friends