ใครมีสิทธิได้เงินช่วยเหลือจากรัฐวิกตอเรียเมื่อถูกกักโรค?

มุขมนตรีแดเนียล แอนดรูส์ ขยายการให้เงินค่าตอบแทนความยากลำบาก (hardship payment) แก่ประชาชนในรัฐวิกตอเรีย ที่ต้องกักตัวขณะรอผลการตรวจเชื้อไวรัสโคโรนา

People are seen wearing face masks in the central business district in Melbourne.

People are seen wearing face masks in the central business district in Melbourne. Source: AAP

ขณะรัฐวิกตอเรียกำลังพยายามอยากหนักที่จะควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาระลอกสองให้ได้ รัฐบาลวิกตอเรียได้ขยายความช่วยเหลือทางการเงินให้แก่ลูกจ้างที่ไปรับการตรวจเชื้อโควิด-19

มาตรการนี้มีขึ้น มีสถิติพบว่า ประชาชน 9 ใน 10 คนที่มีอาการของเชื้อไวรัสโคโรนา ยังคงไปทำงาน และมีเสียงวิพากษ์ตำหนิว่า รัฐบาลของรัฐไม่ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ประชาชนที่มีงานไม่มั่นคงให้อยู่บ้าน

มีความช่วยเหลืออะไรบ้าง?

ชาวรัฐวิกตอเรีย ที่ไปตรวจเชื้อไวรัสโคโรนา ขณะนี้สามารถรับเงินค่าตอบแทนความยากลำบาก (hardship payment) 300 ดอลลาร์ เพื่อช่วยให้พวกเขากักตัวได้ขณะที่รอผลการตรวจเชื้อ ล่าสุดวันที่ 13 สิงหาคม รัฐบาลวิกตอเรียประกาศให้เงินจำนวนนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 450 ดอลลาร์

นี่เป็นเงินช่วยเหลือที่เพิ่มเติมจากเงินค่าตอบแทนความยากลำบาก (hardship payment) จำนวน 1,500 ดอลลาร์ สำหรับลูกจ้างที่ถูกบังคับให้ต้องกักตัวเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เนื่องจากพวกเขามีผลการตรวจเชื้อไวรัสโคโรนาเป็นบวก หรือเป็นผู้พบปะใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ (close contact)

เงินช่วยเหลือ 1,500 ดอลลาร์นี้ถูกประกาศออกมาเมื่อเดือนที่แล้ว แต่มีรายงานว่ามีประชาชนขอรับเงินช่วยเหลือนี้ไม่มากนัก
Victorian Premier Daniel Andrews.
Victorian Premier Daniel Andrews. Source: AAP

ใครมีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือเหล่านี้?

มีหลักเกณฑ์เดียวกันสำหรับคัดเลือกผู้มีสิทธิรับเงินช่วยเหลือลูกจ้างทั้งสองประเภท ซึ่งให้เงินช่วยเหลือ 300 ดอลลาร์ (ล่าสุดจะเพิ่มเป็น 450 ดอลลาร์) สำหรับผู้ที่กำลังรอผลการตรวจเชื้อ และ 1,500 ดอลลาร์สำหรับผู้ที่มีผลการตรวจเชื้อเป็นบวก

ลูกจ้างสามารถรับเงินช่วยเหลือเหล่านี้ได้เฉพาะเมื่อพวกเขาไม่มีสิทธิในการลาป่วย หรือได้รับค่าจ้างในรูปแบบอื่นจากนายจ้าง ระหว่างช่วงกักโรค และไม่ได้รับเงินช่วยเหลือรายได้รูปแบบอื่น เช่น เงินชดเชยค่าจ้างจ๊อบคีพเปอร์ (JobKeeper)

ผู้รับเงินช่วยเหลือเหล่านี้จะต้องยังคงอยู่ในตำแหน่งงานนั้นต่อไป และไม่จำเป็นต้องเป็นพลเมืองและผู้อยู่อาศัยถาวรในออสเตรเลีย เพียงแต่ต้องอาศัยอยู่ในรัฐวิกตอเรียในขณะนี้ เงินช่วยเหลือนี้ยังจะครอบคลุมไปถึงผู้ที่ถือวีซ่าคุ้มครองชั่วคราว และผู้ถือวีซ่าทำงานชั่วคราวด้วย

เงินช่วยเหลือทั้งสองประเภทยังจะจ่ายให้แก่พ่อแม่และผู้ปกครองของเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี ซึ่งมีผลตรวจการตรวจเชื้อไวรัสโคโรนาเป็นบวก หรือเป็นผู้พบปะใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ (close contact) เช่นกัน

แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีเงินช่วยเหลือให้แก่ผู้ที่มีอาการ แต่ไม่ได้รับการตรวจเชื้อ

จะขอรับเงินช่วยเหลือเหล่านี้ได้อย่างไร?

ชาวรัฐวิกตอเรีย ที่มีความประสงค์จะขอรับเงินช่วยเหลือทั้งสองประเภทนี้ สามารถลงทะเบียนออนไลน์ได้ที่ หรือโทรศัพท์ไปยังสายด่วนเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา ที่หมายเลข 1800 675 398

ผู้สมัครขอรับเงินช่วยเหลือจะต้องแสดงใบสรุปการรับเงินเดือน (payslip) หรือคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร (statutory declaration) เพื่อพิสูจน์การจ้างงานของตน รวมทั้งต้องมีหลักฐานการไปรับการตรวจเชื้อ

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีคำถามว่าจะทำอย่างไร ในกรณีที่ประชาชนบางคนได้รับการแจ้งผลการตรวจเชื้อทางโทรศัพท์ หรือจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าพวกเขาไปรับการตรวจเชื้อจริง ขณะที่มีความเป็นห่วงว่า ข้อมูลเหล่านี้อาจไปไม่ถึงประชาชนที่ต้องการข้อมูล โดยเฉพาะผู้อพยพย้ายถิ่น ที่อาจไม่เข้าใจภาษาอังกฤษดีพอ

มันจะช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดได้หรือไม่?

ในวันพฤหัสบดี (23 ก.ค.) นายแอนดรูส์ กล่าวว่า เขาเชื่อว่า เงิน 300 ดอลลาร์ (ล่าสุดจะเพิ่มเป็น 450 ดอลลาร์) อาจช่วยยับยั้งประชาชนที่มีอาการไม่ให้ยังคงเดินทางไปไหนมาไหนในชุมชนได้

"เงินช่วยเหลือนี้ จะช่วยได้อย่างมากในการสนับสนุนครอบครัวต่างๆ เหล่านั้น และช่วยให้พวกเขาเลือกทำในสิ่งที่ดีขึ้น" นายแอนดรูส์ กล่าว

“หากคุณป่วย ให้รีบไปตรวจเชื้อ และจากนั้นให้แยกตัวเพื่อกักโรคจนกว่าคุณจะได้รับผลการตรวจเชื้อ”

นายแอนดูรส์ ย้ำว่าชาวรัฐวิกตอเรียที่สมัครขอรับเงินช่วยเหลือทั้งสองประเภทนี้จะทำได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว

“นี่เป็นความพยายามที่จะทำให้แน่ใจได้ว่าผู้คนไม่ได้รับผลกระทบมากนักเรื่องรายได้ หรือคุณไม่ได้ตัดสินใจทำในสิ่งที่จะเป็นผลร้ายแก่ครอบครัวอื่นๆ ทั่วรัฐของเรา นี่ก็เพื่อทำให้แน่ใจได้ว่าประชาชนไม่ได้รับความเสียหาย (จากการต้องกักโรค)”


ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เขตมหานครของเมลเบิร์นต้องปฏิบัติตามคำสั่ง “ให้อยู่บ้าน” และสามารถออกจากเคหสถานได้เฉพาะเมื่อออกไปทำงานหรือไปเรียน ไปออกกำลังกาย ไปทำหน้าที่ให้การดูแล และไปซื้ออาหารหรือสิ่งของจำเป็นเท่านั้น ยังมีคำแนะนำให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะด้วย

ประชาชนในออสเตรเลียต้องอยู่ห่างกับผู้อื่นอย่างน้อย 1.5 เมตร คุณสามารถตรวจดูว่ามีข้อจำกัดใดบ้างที่บังคับใช้อยู่ในรัฐและมณฑลของคุณ 

การตรวจเชื้อไวรัสโคโรนาขณะนี้สามารถทำได้ทั่วออสเตรเลีย หากคุณมีอาการของไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ให้ติดต่อขอรับการตรวจเชื้อได้ด้วยการโทรศัพท์ไปยังแพทย์ประจำตัวของคุณ หรือโทรศัพท์ติดต่อสายด่วนให้ข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (Coronavirus Health Information Hotline) ที่หมายเลข 1800 020 080

รัฐบาลสหพันธรัฐออสเตรเลียยังได้มีแอปพลิเคชัน COVIDSafe เพื่อติดตามและแจ้งเตือนผู้ที่พบปะใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งคุณสามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้จากแอปสโตร์ (app store) สำหรับโทรศัพท์มือถือของคุณ อ่านเกี่ยวกับแอปพลิเคชันนี้ 

คุณสามารถอ่านข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) เป็นภาษาไทยได้

ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่ 

Share
Published 24 July 2020 1:28pm
Updated 13 August 2020 8:11pm
By Caroline Riches
Presented by Parisuth Sodsai
Source: SBS News


Share this with family and friends