แอนดรูว์ ไจลส์ (Andrew Giles) รัฐมนตรีหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองออสเตรเลีย ถูกหน่วยงานกิจการภายในขอให้สรุปเหตุการณ์ว่า เพราะเหตุใดชายชาวอินโดนีเซียคนนี้จึงถูกกักตัวเป็นเวลา 3 วัน หลังเดินทางมาถึงออสเตรเลียด้วยวีซ่าท่องเที่ยว ก่อนที่จะถูกส่งกลับประเทศไปในเวลาต่อมา
วันหยุดในฝันที่ต้องจบลงอย่างกะทันหัน สร้างความบอบช้ำสำหรับ เอ็นโด สิมานจันตัก ขณะที่ตัวเขาเองและครอบครัวต่างตั้งคำถามว่าการเดินทางของเขาต้องจบลงแบบนี้ได้อย่างไร
ชาวอินโดนีเซียวัย 27 ปีคนนี้ เดินทางมาถึงออสเตรเลียที่สนามบินนานาชาติเพิร์ธ ในไฟลท์กลางดึกของวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา ด้วยความตื่นเต้นที่จะได้พบกับเจฟรีย์ (Jefrie) พี่น้องของเขา และเอลลี (Ellie) พี่สะใภ้ พร้อมลูกสาวของพวกเขาอีก 4 คน
หลานของเอ็นโดกำลังรอต้อนรับเขาเมื่อมาถึง พร้อมกับป้ายชื่อที่เขียนด้วยมือซึ่งมีข้อความว่า “ยินดีต้อนรับ อุดา (ลุง) เอ็นโด” อักษรแต่ละตัวถูกวาดด้วยดินสอสี
หลานสาวของคุณเอ็นโด ขณะกำลังถือกระดาษที่วาดรูปไว้เพื่อต้อนรับเขามาออสเตรเลีย Source: Supplied
การตัดสินใจดังกล่าวยังหมายความว่า คุณเอ็นโดถูกห้ามไม่ให้เดินทางมาออสเตรเลียเป็นเวลา 3 ปี
“(ผม) ยังคงเสียใจมากเพราะวีซ่าถูกแบน” คุณเอ็นโด ซึ่งพูดภาษาอังกฤษได้ไม่คล่อง กล่าวกับเอสบีเอส นิวส์ ผ่านเจฟรีย์ พี่น้องของเขา ซึ่งเป็นล่ามแปลภาษาให้
(ผม) รู้สึกเศร้ามาก เพราะผมไม่ได้เจอครอบครัวของผมเอ็นโด สิมาจันตัก
คุณเอ็นโดถูกส่งตัวออกจากประเทศด้วยเหตุผลที่หน่วยงานกิจการภายในออสเตรเลียอธิบายว่า เป็นการยอมรับโดยการส่วนตัวว่าเขาตั้งใจ “จะทำงานเป็นช่างฉาบปูน” ระหว่างพำนักอยู่ในออสเตรเลีย ซึ่งขัดต่อเงื่อนไขวีซ่าท่องเที่ยว (subclass 600) ที่มีจุดประสงค์เพื่อการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว
คุณเอ็นโด เดินทางมาออสเตรเลียเพื่อที่จะมาเยี่ยมเอลลี (Ellie) สะใภ้ของเขา เจฟรีย์ (Jefrie) และหลานสาววัย 4 ขวบ Source: Supplied
คุณเอ็นโดและครอบครัวโต้แย้งเหตุผลดังกล่าวอย่างแข็งขัน ซึ่งเขาบอกว่าไม่เคยต้องการจะทำงานในออสเตรเลีย และไม่ได้รับโอกาสให้เข้าถึงบริการล่ามแปลภาษา ในระหว่างการเจรจาที่เกิดขึ้นในสนามบินโดยเจ้าหน้าที่กองกำลังพิทักษ์พรมแดน
เอกสารจากหน่วยงานกิจการภายในของออสเตรเลีย ทีระบุเหตุผลว่าเพราะเหตุใดวีซ่าท่องเที่ยวของคุณเอ็นโดจึงถูกยกเลิก Source: Supplied
โฆษกรัฐบาลระบุกับ เอสบีเอส นิวส์ ผ่านแถลงการณ์ว่า แอนดรูว์ ไจลส์ รัฐมนตรีด้านการอพยพย้ายถิ่นได้ติดตามข้อมูลของกรณีดังกล่าวแล้ว
“ระหว่างที่รัฐมนตรียังให้ความเห็นเป็นรายกรณีไม่ได้เนื่องด้วยข้อผูกมัดความเป็นส่วนตัว เขาทราบแล้วถึงปัญหาที่มีการหยิบยกขึ้นมาในบทความนี้ และกำลังต้องการข้อสรุปจากหน่วยงานกิจการภายในในกรณีดังกล่าว” โฆษกรัฐบาลระบุ
“รัฐบาลอัลบานิซีมุ่งมั่นในการทำให้โครงการอพยพย้ายถิ่นปราศจากการเลือกปฏิบัติบนพื้นฐานของเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ภาษา เพศสภาพ เพศวิถี หรือศาสนา”
ช่วงเวลาวันหยุดในฝันที่พังครืน
คุณเอ็นโด เดินทางมายังนครเพิร์ทจากหมู่บ้านของเขาบนเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย เขาทำงานอยู่ในร้านอาหารที่นั่น และการเดินทางมาออสเตรเลียของเขาถือเป็นการเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรก
ก่อนเดินทางมาถึง วีซ่าท่องเที่ยวของเขาได้รับการอนุมัติแล้วโดยเจ้าหน้าที่ในออสเตรเลีย และมีพี่น้อง และพี่สะใภ้ของเขาเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด
วีซ่าผู้มาเยือน หรือ Visitor visa (subclass 600) มีไว้สำหรับนักท่องเที่ยว ผู้มาเยือนทางธุรกิจ หรือผู้ที่ต้องการมาเยี่ยมครอบครัวเป็นเวลา 3,6 และ 12 เดือน มีค่าใช้จ่ายในการทำวีซ่าสูงสุด $380 ดอลลาร์
คุณเอ็นโดกับหลานสาวของเขาในอินโดนีเซีย Source: Supplied
คุณเอ็นโดวางแผนที่จะพำนักอยู่ในออสเตรเลียเป็นเวลา 3 เดือน
หน่วยงานกิจการภายในระบุว่า Visitor visa (Subclass 600) แตกต่างจาก Visitor visa (Subclass 651) โดยอย่างหลังจะอนุญาตให้พำนักอยู่ในออสเตรเลียได้ไม่เกิน 3 เดือน แต่ไม่มีให้สำหรับพลเมืองสัญชาติอินโดนีเซีย
คุณเอ็นโด บอกว่า เขาเริ่มพบกับคำถามจากเจ้าหน้าที่กองกำลังพิทักษ์พรมแดนถึงเหตุผลในการเดินทางเข้าประเทศ เมื่อเดินทางมาถึงที่นครเพิร์ท
“เมื่อ (ผม) ถึงสนามบิน เจ้าหน้าที่กองกำลังพิทักษ์พรมแดนถาม (ผม) ทันทีว่า คุณมาที่นี่เพื่ออะไร” คุณเอ็นโดเล่า โดยเขาบอกเจ้าหน้าที่ไปว่า “เขามาเพื่อใช้เวลาวันหยุด”
คุณเอ็นโดเล่าต่อว่า เจ้าหน้าที่ได้ขอดูยอดเงินในบัญชีธนาคาร เพื่อดูว่าเขาจะสนับสนุนตนเองระหว่างพำนักอยู่ในออสเตรเลียได้อย่างไร
คุณเอ็นโด (คนที่สองจากด้านขวา) พร้อมสะใภ้ เอลลี (Ellie) และเจฟรีย์ (Jefrie) พี่น้องของเขา (ซ้ายสุด) ที่เกาะสุมาตรา Source: Supplied
คุณเอ็นโดกล่าวว่า เขาบอกกับเจ้าหน้าที่พิทักษ์พรมแดนว่าครอบครัวของเขาตั้งใจที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมดตลอดเวลาที่เขาพำนักอยู่ที่นี่
“(ผม) บอกกับพวกเขาว่า ‘(ผม) ไม่ต้องการเงิน เพราะว่าพี่น้อง (ของผม) และพี่สะใภ้จะจ่ายให้สำหรับทุกอย่างเมื่อผมมาถึงที่นี่’” คุณเอ็นโดกล่าว
จากคำพูดของคุณเอ็นโด เขาเล่าว่า เจ้าหน้าที่พิทักษ์พรมแดนซึ่งไม่พอใจกับคำตอบของเขาในการถามคำถามในตอนแรก ได้นำตัวเขาเข้าไปในห้องเพื่อสอบถามเพิ่มเติม
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
การเปลี่ยนแปลงด้านวีซ่าและทิศทางรัฐบาลออสฯ ปีงบฯ 2022-23
“เขาพา (ผม) เข้าไปในห้อง และถามคำถามเดิมกับผมอีกครั้งว่า ‘คุณมาที่นี่ทำไม’” คุณเอ็นโดเล่า
“เขาบอกว่า คุณต้องมาที่นี่เพื่อทำงานแน่ ๆ’ และผมก็บอกว่า ‘ไม่ใช่อย่างนั้น ผมมาที่นี่เพื่อใช้เวลาวันหยุด’”
คำถามสำคัญ
จากจุดนี้ เหตุการณ์ที่เอ็นโดระลึกได้ระหว่างการเจรจากับเจ้าหน้าที่ นั่นคือการพูดคุยว่ามีสิ่งใดที่ถูกกำหนดไว้อย่างเป็นทางการโดยทางหน่วยงานสำหรับการตัดสินใจเกี่ยวกับวีซ่า
จากเอกสารระบุว่า “ระหว่างการสัมภาษณ์อย่างเป็นทางการกับกองกำลังพิทักษ์พรมแดนออสเตรเลีย คุณระบุว่าคุณมาที่นี่เพื่อที่จะใช้เวลาวันหยุด และจะทำงานเป็นช่างฉาบปูนอีกด้วย”
“จากการยอมรับทางวาจาของผู้ถือวีซ่ารายนี้ ข้าพเจ้าแน่ใจว่าผู้ถือวีซ่ารายนี้ไม่ได้เดินทางมาเพื่อจุดประสงค์ในการท่องเที่ยวตามที่วีซ่าได้รับการอนุมัติ”
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
รัฐบาลออสฯ แจงแผนสะสางใบสมัครวีซ่าตกค้าง เล็ง ‘แรงงานมีทักษะ’
คุณเอ็นโดกล่าวว่า เขาไม่ได้กล่าวสิ่งนั้นออกไป และอ้างว่าแม้ได้บอกกับเจ้าหน้าที่ไปแล้วว่าตนพูดภาษาอังกฤษไม่คล่อง แต่ก็ไม่ได้รับการจัดหาล่ามแปลภาษาให้เพื่อช่วยเหลือ
เขาบอกว่า เขาถูกถามซ้ำ ๆ ว่าตั้งใจจะมาทำงานในออสเตรเลียหรือไม่
“พวกเขาถามคำถามเดียวกันแล้วก็ผลัก (ผม) จากนั้น (ผม) ก็เริ่มกลัว” คุณเอ็นโดเล่า
“พวกเขาบอก (ผม) ว่า ... ไม่ คุณต้องมาทำงานที่นี่ให้พี่น้องคุณแน่ ๆ ใช่ไหม”
“ตอนนั้นผมพูดว่า ... ใช่ พี่น้อง (ผม) เป็นช่างฉาบปูน”
คุณเอ็นโดบอกว่า เขาบอกกับเจ้าหน้าที่พิทักษ์พรมแดนว่า “เขาจะทำอะไรอยู่แถวบ้าน ทำความสะอาด และดูแลลูกสาวของพี่ชาย” โดยเขาไม่เคยพูดเลยว่าเขาอยากจะทำงานเป็นช่างฉาบปูน
ทั้งนี้ คุณเอ็นโดไม่มีคุณวุฒิใด ๆ ในการเป็นช่างฉาบปูน
“(ผม) รู้สึกสับสน เพราะ (ผม) ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษ” คุณเอ็นโดกล่าว
เอกสารการยกเลิกวีซ่าจากหน่วยงานกิจการภายในของออสเตรเลียระบุว่า “ไม่มีการใช้ล่ามแปลภาษา” ในการสัมภาษณ์กับคุณเอ็นโด
ทำไมเขาจึงถูกเพ่งเล็ง
ระหว่างที่คุณเอ็นโดกำลังเจรจากับเจ้าหน้าที่ เอลลี (Ellie) พี่สะใภ้ของเขาบอกว่า ครอบครัวที่มารออยู่ในสนามบินเริ่มวิตกกังวลเมื่อเวลาผ่านไปแต่ก็ไม่เห็นว่าเขาจะปรากฏตัว เธอกล่าวว่า เจ้าหน้าที่พิทักษ์พรมแดนได้ออกมาถามพวกเขาตรง ๆ เกี่ยวกับการเดินทางมาออสเตรเลียของคุณเอ็นโด การปรากฏตัวของเจ้าหน้าที่สร้างความกังวลให้กับครอบครัวของคุณเอ็นโด
ในตอนนั้นเองที่คุณเอลลีกล่าวว่า ทางครอบครัวยังได้กล่าวกับกองกำลังพิทักษ์พรมแดนอย่างตรงไปตรงมาถึงความจำเป็นในการใช้ล่ามแปลภาษาของคุณเอ็นโด
“ฉันบอกพวกเขาว่า ‘มีล่ามแปลภาษาไหม’” คุณเอลลีกล่าว
“พวกเขาบอกว่า ‘ไม่มีล่ามแปลภาษา’ ฉันบอกว่า ‘แต่เขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้’”
คุณเอ็นโดพร้อมสะใภ้ พี่น้อง และหลานสาวที่อินโดนีเซีย Source: Supplied
“พวกเขาโทรหาฉันและบอกว่า ‘วีซ่าของเขาถูกยกเลิกแล้ว และนั่นคือจุดสิ้นสุด’” คุณเอลลีกล่าว
เอลลีบอกว่า ครอบครัวรู้สึก ‘สะเทือนใจ’ จากการตัดสินใจดังกล่าว
“ทำไมต้องเป็นเขาที่ถูกเพ่งเล็ง ทำไมเขาจึงไม่ได้รับการจัดหาล่ามแปลภาษาให้ และทำไมพวกเขาถึงไม่ฟังเขาเลย ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นกับผู้คน” คุณเอลลีกล่าว
หลังจากที่วีซ่าของเขาถูกยกเลิก คุณเอ็นโดได้ถูกนำตัวส่งไปยังสถานกักกันในโรงแรมอลอฟท์ เพิร์ท (Aloft Perth) เป็นเวลา 3 วันจนสามารถส่งตัวเขากลับอินโดนีเซียได้ คุณเอลลีกล่าวว่า ทางครอบครัวเดินทางไปที่โรงแรมเพื่อโบกมือให้เขาผ่านทางหน้าต่าง แต่ไม่เคยได้รับอนุญาตให้พบกันตัวต่อแม้จะมีการร้องขอก็ตาม
การยกเลิกวีซ่าท่องเที่ยวในอดีต
เอสบีเอส นิวส์ ได้รับข้อมูลจากหน่วยงานกิจการภายใน เกี่ยวกับจำนวนการยกเลิกวีซ่าท่องเที่ยวที่เกี่ยวกับการสัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่กองกำลังพิทักษ์พรมแดน โดยพบว่าตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2017 - 30 มิ.ย. 2022 มีการตัดสินใจเพื่อยกเลิกวีซ่าเกิดขึ้น 8,079 ครั้งในวีซ่าท่องเที่ยวทุกชนิด จากการถูกกล่าวหาว่าละเมิดเงื่อนไขวีซ่า
Source: SBS
จำนวนการยกเลิกวีซ่าลดลงมาอย่างมีนัยยะสำคัญจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงปีงบประมาณ 2017-18 พบการยกเลิก 3,844 ครั้ง ในปี 2019-2022 ลดลงมาอยู่ที่ 1,467 ครั้ง และลดลงมาเหลือไม่ถึง 5 ครั้งในปีงบประมาณ 2020-21 และน้อยกว่า 70 ครั้งในปีงบประมาณ 2021-22
ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 - กุมภาพันธ์ 2022 ผู้เดินทางจากต่างประเทศถูกห้ามไม่ให้เข้าออสเตรเลียหากไม่มีข้อยกเว้นการเดินทางจากมาตรการปิดพรมแดน
ข้อกล่าวหาเหยียดเชื้อชาติ
ในกรณีซึ่งไม่เกี่ยวกันกับเรื่องนี้เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา หน่วยงานกิจการภายในออสเตรเลียได้ถูกบังคับให้ยอมรับ “ความผิดพลาดในอำนาจตัดสิน (jurisdictional error)” ในความเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ
เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองได้รับแจ้งว่า ชายเหล่านั้นถูกยกเลิกวีซ่าแล้ว เนื่องจากไม่ได้เดินทางมากับ “ผู้ร่วมเดินทางที่กำหนดไว้” ตามที่ระบุไว้ในใบยื่นขอวีซ่า แต่ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ยอมรับต่อหน้าศาลสหพันธรัฐในเมลเบิร์นว่า การตัดสินใจยกเลิกวีซ่าดังกล่าวเป็นผลมาจาก “ความผิดพลาดในอำนาจตัดสิน”
สุเรช ราจัน (Suresh Rajan) ประธานสภาชุมชนชาติพันธุ์แห่งเวสเทิร์นออสเตรเลีย กล่าวว่า เขามีความกังวลเกี่ยวกับ “แนวโน้มที่น่ากังวล” จากกองกำลังพิทักษ์พรมแดนออสเตรเลีย ที่เกี่ยวข้องกับแนวทางการยกเลิกวีซ่าท่องเที่ยว
“มันไม่ปรากฏว่าพวกเขาใช้กฎเหล่านี้กับผู้ที่มีผิวขาวจากภูมิหลังทางวัฒนธรรมแองโกล-เซลติก (Anglo-Celtic” คุณราจันกล่าว
“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะใช้กฎเกณฑ์เหล่านี้กับผู้คนที่อาจมีสีผิวคล้ำกว่า หรือมาจากภูมิหลังหลากวัฒนธรรม”
“นี่เป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างแท้จริง มันจำเป็นต้องได้รับจัดการแก้ไขอย่างรวดเร็ว”
ในการให้สัมภาษณกับ เอสบีเอส นิวส์ แอนดรูว์ ไจลส์ กล่าวว่า เขาต้องการให้สิ่งตกทอดในฐานะรัฐมนตรีตรวจคนเข้าเมืองกลายเป็นโครงการอพยพย้ายถิ่นที่มี “ความชัดเจน” ของ “มูลค่าการสร้างชาติ” จากการอพยพย้ายถิ่นมายังออสเตรเลีย และการสนับสนุน “อย่างใหญ่หลวง” ที่มันจะมอบให้ให้
เช่นเดียวกับหลาย ๆ ครอบครัวที่มีญาติอยู่ในต่างแดนในช่วงการระบาดของโควิด-19 คุณเอ็นโดไม่สามารถเดินทางพบกับพี่น้อง รวมถึงน้องและหลานพี่สะใภ้ของเขาในออสเตรเลียได้ เนื่องจากมาตรการจำกัดห้ามการเดินทางในช่วงการแพร่ระบาดใหญ่
คุณเอลลี กล่าวว่า เธอยังมีปัญหาทางสุขภาพที่ทำให้เกิดอาการบ้านหมุนเรื้อรัง ทำให้เธอรู้สึกท้อแท้จากการขึ้นเครื่องบิน ทำให้การเดินทางมายังอินโดนีเซียนั้นยากลำบาก
คุณเอ็นโด กล่าวว่า เขาเพียงหวังให้วีซ่าท่องเที่ยว และการแบนจากการเดินทางมาออสเตรเลีย 3 ปีเป็นอย่างอื่น เพื่อให้เขาใช้เวลากับครอบครัวได้
“(ผม) หวังว่า (ผม) จะกลับมาได้ใหม่อีกครั้งเหมือนปกติ เพื่อให้ (ผม) ได้มาเที่ยวออสเตรเลีย” คุณเอ็นโดกล่าว
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
เซนซัสเผยออสเตรเลียพึ่งผู้ย้ายถิ่นสำหรับงานในบางอุตสาหกรรมสำคัญ