อนาคตที่ไม่แน่นอนของผู้อพยพย้ายถิ่นในปี 2020

NEWS: จากความเปลี่ยนแปลงที่ยุ่งเหยิงในเงื่อนไขของวีซ่าชนิดต่าง ๆ เมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา มีอะไรรออยู่ข้างหน้าสำหรับผู้อพยพย้ายถิ่นที่ต้องการมาอาศัยอยู่ในออสเตรเลียในปี 2020

Migrants are being encouraged to settle in the regions under a Federal government push to bust congestion in the major cities

Migrants are being encouraged to settle in the regions under a Federal government push to bust congestion in the major cities Source: AAP

ในปี 2020 นักศึกษาต่างชาติและผู้อพยพย้ายถิ่นมีทักษะ กำลังย่างเข้าสู่ภาวะความไม่แน่นอนในอนาคต หลังจากการประกาศใช้วีซ่าสำหรับพื้นที่ส่วนภูมิภาคชนิดใหม่ที่ยังมีความคลุมเครือ

ตัวแทนด้านการอพยพย้ายถิ่นกล่าวว่า ผู้คนกำลังเริ่มรู้สึกถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงแบบยกเครื่องด้านวีซ่าของรัฐบาลสหพันธรัฐ ซึ่งหนึ่งในนั้นรวมถึงการลดอัตรารับผู้อพยพแบบถาวรมายังออสเตรเลีย

“ปี 2020 เป็นโลกใหม่ในแง่ของโครงการด้านการอพยพย้ายถิ่น” นายเบน วัตต์ (Ben Watt) ตัวแทนด้านการอพยพย้ายถิ่นกล่าวกับเอสบีเอส นิวส์

นายวัตต์ ผู้ให้คำปรึกษาแก่นักศึกษาต่างชาติเป็นจำนวนมาก ที่ศูนย์ให้คำปรึกษา “ซีกวีซ่า (SeekVisa)” กล่าวว่า มันเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมากขึ้นสำหรับผู้สมัครวีซ่าในการดำเนินการในระบบ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยไม่นานมานี้ รัฐบาลสหพันธรัฐได้เปิดตัว 2 วีซ่าส่วนภูมิภาคชนิดใหม่ คือ วีซ่าส่วนภูมิภาคสำหรับแรงงานมีทักษะแบบให้รัฐเป็นสปอนเซอร์ (Skilled Work Regional Subclass 491) และวีซ่าส่วนภูมิภาคสำหรับแรงงานมีทักษะที่นายจ้างเป็นสปอนเซอร์ (Skilled Employer Regional Subclass 494) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการลดความแออัดของประชากรในเมืองใหญ่

ผู้สมัครวีซ่าดังกลาวที่ผ่านการพิจารณา จะต้องอาศัยและทำงานอยู่ในพื้นที่ส่วนภูมิภาคของออสเตรเลีย ซึ่งหมายถึงที่ใดก็ตาม ยกเว้นนครบริสเบน ซิดนีย์ และนครเมลเบิร์น เป็นเวลาอย่างน้อย 3 ปี ซึ่งเมื่อถึงจุดนี้แล้ว ผู้สมัครวีซ่าจะมีคุณสมบัติในการได้รับสถานะประชากรถาวรได้
Workers with clipboard and laptop in rug warehouse
2022-23 회계기간 동안의 지방 이민(491) 주정부 후원 (190) 이민 쿼터 Source: Getty
แม้รัฐบาลสหพันธรัฐจะประกาศแผนผลักดันให้ผู้อพยพย้ายไปสู่พื้นที่ส่วนภูมิภาค แต่ก็ยังต้องขึ้นอยู่กับรัฐและเขตแดนต่าง ๆ ของออสเตรเลียด้วยว่า จะมีการนำการปฏิรูปดังกล่าวของรัฐบาลปรับใช้หรือไม่ เนื่องจากวีซ่าส่วนภูมิภาคแบบให้รัฐเป็นสปอนเซอร์ (subclass 491) นั้น มีตำแหน่งว่างเพื่อรอรับผู้อพยพยมีทักษะตามคุณสมบัติ 25,000 ตำแหน่ง โดยรัฐและเขตแดนจะเป็นผู้พิจารณาผู้สมัครวีซ่า บนพื้นฐานของทักษะที่มี วิชาชีพ อายุ และเวลาที่ได้อาศัยอยู่ในพื้นที่ส่วนภูมิภาค

นายเคิร์ก ยาน (Kirk Yan) ตัวแทนด้านการอพยพย้ายถิ่นจากนิวสตาร์ส (New Stars) ในนครเมลเบิร์น ได้ตั้งข้อสังเกตว่า จากเกณฑ์และโควตาในการรับที่รัฐต่าง ๆ กำหนดนั้น หมายความว่า จำนวนวีซ่าที่จะมีการออกให้ภายในปีการเงินนี้อาจน้อยกว่าตำแหน่งที่กำหนดไว้ที่ 25,000 ตำแหน่ง ที่กำหนดไว้โดยรัฐบาลสหพันธรัฐ

“มีหลายเรื่องในระดับรัฐบาลสหพันธรัฐที่มีการดำเนินการแล้ว แต่ผมไม่เห็นการประสานกันที่ชัดเจนระหว่างรัฐบาลรัฐ และรัฐบาลสหพันธรัฐ” นายยานกล่าวกับเอสบีเอส นิวส์

ตัวแทนหน่วยงานด้านการอพยพย้ายถิ่นดังกล่าวยังบอกอีกว่า ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ด้านการอพยพย้ายถิ่นในเขตนครหลวงออสเตรเลีย (ACT) ว่า มีการคาดไว้ว่าจะออกวีซ่าส่วนภูมิภาคใหม่นี้ให้กับผู้สมัครที่ผ่านคุณสมบัติเพียงแค่ 200 ตำแหน่ง  

“ตัวเลขทั้งหมดนี้ นำมารวมกันอย่างไรก็ได้ไม่เท่า” นายยานกล่าว

ด้านโฆษกรัฐบาลเขตนครหลวงออสเตรเลีย (ACT) ยืนยันว่า โควตาออกวีซ่าสำหรับผู้อพยพย้ายถิ่นที่มีทักษะในปีการเงิน 2019-20 นั้นจะอยู่ที่ 1,400 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นจำนวนเดียวกันเมื่อเทียบกับปีการเงินที่แล้ว ซึ่งในเวลานั้นกรุงแคนเบอร์รายังไม่สามารถเข้าถึงวีซ่าส่วนภูมิภาคชนิดดังกล่าวได้

นายยานกล่าวอีกว่า ในหลายรัฐมีข้อกำหนดให้ผู้สมัครวีซ่าต้องผ่านการทดสอบ “ความซื่อสัตย์” เช่น ต้องอยู่ในพื้นที่นั้น เป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปีขึ้นไป  ซึ่งหมายความว่า ผู้ที่มาอาศัยเป็นเวลาไม่นานที่จบการศึกษาจากนครเมลเบิร์นหรือซิดนีย์นั้นจะถูกปฏิเสธการพิจารณาอนุมัติวีซ่าดังกล่าว

เสียงจากผู้ได้รับอนุมัติวีซ่าส่วนภูมิภาคแบบใหม่คนแรก ๆ

สำหรับผู้สมัครวีซ่าที่ผ่านการพิจารณาแล้ว เส้นทางข้างหน้าสู่การได้เป็นประชากรถาวรนั้นดูน่ากังวล

เจสัน (Jason) นักศึกษา (ไม่เปิดเผยนามสกุล) จากประเทศจีนที่เพิ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น คือหนึ่งในกลุ่มที่ได้รับการอนุมัติวีซ่าส่วนภูมิภาคใหม่นี้เป็นคนแรก ๆ เขาได้รับการสปอนเซอร์จากรัฐบาลรัฐแทสเมเนีย และได้รับวีซ่าส่วนภูมิภาค subclass 491 ภายในเวลา 1 เดือนหลังจากยื่นเอกสาร

เขาหวังว่า จะสามารถหางานในสาขาการเงินและบัญชีได้ที่นครโฮบาร์ต ตามวุฒิการศึกษาที่มี แต่สิ่งที่ทำให้เขากังวลในตอนนี้ คือการรักษาระดับรายได้ให้อยู่ในเพดาน (income threshold) ตามข้อกำหนดของวีซ่านี้

ทั้งนี้ วีซ่าส่วนภูมิภาคแบบใหม่ซึ่งมาแทนที่วีซ่าส่วนภูมิภาค subclass 489 มีข้อกำหนดให้ผู้ถือวีซ่าต้องอาศัยอยู่ในพื้นที่ส่วนภูมิภาคเพิ่มอีก 1 ปี มีรายได้ต่อปีขั้นต่ำ $53,900 ดอลลาร์ จึงจะมีคุณสมบัติได้รับสถานะประชากรถาวร (PR)
Tertiary students at the University of Melbourne in Melbourne, Wednesday, May 8, 2012. (AAP Image/Julian Smith) NO ARCHIVING
International students graduating from Melbourne and Sydney universities face very different visa rules than when they began their degree. Source: AAP
“ผมต้องอยู่ในพื้นที่ส่วนภูมิภาคต่ออีก 1 ปี ซึ่งมันมีโอกาสน้อยสำหรับนักศึกษาต่างชาติจบใหม่ในการหางานในตำแหน่งที่เหมาะสมเพื่อให้มีรายได้สำหรับหักภาษีตามข้อกำหนดของวีซ่านี้” เจสันกล่าว

“พูดตรง ๆ ก็คือ นี้เป็นความท้าทายอย่างมากสำหรับเราที่ต้องการอาศัยและทำงานอยู่ในออสเตรเลีย ทุกครั้งที่ผมพูดคุยกับเพื่อนที่ต้องการสมัครวีซ่าส่วนภูมิภาคนี้ พวกเขามักจะข้องใจในเรื่องเพดานรายได้”

“เมื่อไม่มีข้อได้เปรียบในเรื่องภาษาและตัวตน พวกเราหลายคนได้รับแรงกดดันและรู้สึกว่าอนาคตของเรานั้นยากลำบาก”

รัฐแทสเมเนีย เป็นรัฐแรกที่เปิดรับแบบคำร้องจากผู้สมัครวีซ่าส่วนภูมิภาค ซึ่งจนถึงขณะนี้เต็มไปด้วยแบบคำร้องมากมาย นายวัตต์ กล่าวว่า จากเหตุการณ์นี้ ทำให้รัฐแทสเมเนียต้องยกระดับอัตราพิจารณารับผู้สมัครวีซ่า ในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังเปิดรับผู้สมัครวีซ่าส่วนภูมิภาคแบบใหม่

นายวัตต์ได้รับการแนะนำว่า วุฒิการศึกษาในระดับอนุปริญญานั้นไม่เพียงพออีกต่อไป ในการยื่นเสอนชื่อเข้ารับการพิจารณาสำหรับผู้สมัครวีซ่าส่วนภูมิภาคที่รัฐเป็นสปอนเซอร์ (subclass 491)

แม้นายวัตต์จะสนับสนุนการผลักดันให้ผู้อพยพย้ายถิ่นไปตั้งรกรากอยู่ในพื้นที่ส่วนภูมิภาคมากขึ้น แต่เขาบอกว่า การเปลี่ยนแปลงในนาทีสุดท้ายนั้น ทำให้เกิด “สภาวะความวุ่นวาย”

“นั่นเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของความยากลำบากอย่างหนึ่งสำหรับนักศึกษาต่างชาติในการดำเนินการขั้นตอนต่าง ๆ ในระบบที่รัฐและเขตแดนดำเนินการเอง ซึ่งจะยกเลิก เปลี่ยนแปลงเงื่อนไข หรือทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจโดยไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า” นายวัตต์กล่าว

ด้านโฆษกของหน่วยงานด้านการเติบโตของรัฐแทสเมเนีย (Tasmania’s Department of State Growth) กล่าวว่า มีการเพิ่มขึ้นของจำนวนแบบคำร้อง หลังมีการเปิดพิจารณาอีกครั้งไม่นาน หลังวีซ่าส่วนภูมิภาคแบบใหม่มีผลบังคับใช้ช่วงปลายปี 2019

“แม้วุฒิการศึกษาระดับอนุปริญญา (diploma) จะตรงกับคุณสมบัติขั้นต่ำในการที่รัฐจะรับพิจารณา แต่ขั้นตอนพิจารณานั้นมีการแข่งขันสูง” โฆษกกล่าว

รัฐแทสเมเนียคาดว่า จะออกวีซ่าส่วนภูมิภาคแบบใหม่ที่รัฐเป็นผู้สปอนเซอร์ 2,300 ตำแหน่ง ซึ่งโควตาที่จะออกให้นั้นเป็นจำนวนเดียวกับโควตาของวีซ่าชนิดเดียวกันเมื่อปีการเงินที่แล้ว

ในขณะที่หลายรัฐรับพิจารณาแบบคำร้องวีซ่าส่วนภูมิภาคแบบใหม่ที่ให้รัฐสปอนเซอร์แล้วในขณะนี้ แต่สำหรับในรัฐนิวเซาท์เวลส์นั้น อาจต้องรอผลการพิจารณานานขึ้นอีก โดยรัฐบาลรัฐนิวเซาท์เวลส์ระบุว่า จะยังไม่รับแบบคำร้องในการพิจารณา จนถึงกลางเดือนมกราคมนี้

“ประชากรวีซ่าชั่วคราว” ที่เพิ่มขึ้น

ในนโยบายการเลือกตั้งสหพันธรัฐเมื่อปี 2019 พรรคร่วมรัฐบาลประกาศว่า จะลดอัตรารับผู้อพยพอย่างถาวรมายังออสเตรเลียลงจาก 190,000 เหลือ 160,000 คนต่อปี เพื่อลดความแออัดของประชากรในเมืองใหญ่ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่ได้รับเสียงคัดค้านจากพรรคแรงงาน

ตำแหน่งว่างสำหรับวีซ่าแรงงานมีทักษะแบบไม่มีสปอนเซอร์ (subclass 189 ซึ่งถูกแทนที่ด้วยวีซ่าแรงงานชั่วคราว (subclass 457) ในปี 2018 ถูกเปลี่ยนให้เข้าไปสู่ระบบวีซ่าส่วนภูมิภาคแบบใหม่ ซึ่งเป็นการลดทางเลือกที่ผู้อพยพย้ายถิ่นจะได้รับสถานะประชากรถาวรให้น้อยลงไปอีก
congestion in the cities
The government has reduced the cap on permanent residency visas as part of its "congestion-busting" approach. Source: AAP
แต่แทนที่จะบังคับให้นักศึกษาต่างชาติจบใหม่ออกจากประเทศไป นายวัตต์ คาดว่า ผู้ที่อยู่ในออสเตรเลียด้วยวีซ่าชั่วคราวนั้นจะเพิ่มมากขึ้น อันเป็นผลมาจากการกดดันเรื่องจำนวนผู้ได้รับสถานะประชากรถาวรโดยรัฐบาล ก่อให้เกิด "ประชากรวีซ่าชั่วคราว" ในเมืองใหญ่ ๆ หลายแห่ง

“สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนั่นก็คือ จะมีผู้คนจำนวนมากในซิดนีย์และเมลเบิร์นที่ไม่มีวีซ่าถาวร รวมถึงไม่มีโอกาสที่จะได้รับวีซ่าถาวรในอนาคตอันใกล้นี้”

“การมีผู้คนจำนวนมากที่อยู่ในสถานะที่ไม่แน่นอนนั้นเป็นปัญหา ไม่ใช่กับแค่ตัวพวกเขาเองเพียงอย่างเดียว แต่มันเป็นปัญหาสำหรับนายจ้าง เพื่อน ๆ และครอบครัวของพวกเขา และเป็นปัญหาสังคมออสเตรเลียโดยทั่วไป”

ตัวแทนด้านการอพยพนั้นหวังว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงกระบวนการหลัก ๆ ภายในปี 2020 นี้ แต่อย่างน้อยก็ขอให้มีการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ผู้อพยพย้ายถิ่นได้รับสถานะประชากรถาวรได้ง่ายขึ้น

“ในปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับลูกค้าและผู้สมัครวีซ่าหลายคน พวกเขาพบว่ามันเป็นเรื่องยากมากในการเดินทางมาและตั้งรกรากอยู่ในออสเตรเลีย” นายยานกล่าว

รายการ เอสบีเอส ไทย ออนไลน์ ออกอากาศสดหนึ่งชั่วโมงเต็ม กดฟังได้ที่เว็บไซต์  ทุกจันทร์และพฤหัสบดี 22.00 น. (เวลาซิดนีย์/เมลเบิร์น) หลังจากนั้นฟังซ้ำได้ทุกเมื่อ

ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่ 



Share
Published 2 January 2020 3:49pm
Updated 2 January 2020 5:34pm
By Rosemary Bolger
Presented by Tinrawat Banyat


Share this with family and friends