ค่าปรับจากการใช้โทรศัพท์มือถือขณะรับออเดอร์อาหารหรือลูกค้าที่เรียกใช้บริการรถ เป็นหนึ่งในเรื่องที่บรรดาผู้ขับขี่ให้บริการผ่านแอปพลิเคชันหลายคนกังวล
เจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐวิกตอเรีย (Victoria Police) มองว่า การใช้งานโทรศัพท์มือถือนั้นเป็น “สาเหตุสำคัญในการเกิดการบาดเจ็บบนท้องถนน” การใช้งานโทรศัพท์ขณะที่พาหนะที่คุณขับขี่ยังเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ซึ่งในรัฐวิกตอเรียนั้นมีค่าปรับสูงถึง $496 ดอลลาร์ และถูกหักแต้มในใบอนุญาตขับขี่ 4 แต้ม
โฆษกตำรวจรัฐวิกตอเรียกล่าวกับเอสบีเอส ภาคภาษาปัญจาบ ว่า หากพาหนะที่คุณขับขี่ยังเคลื่อนที่อยู่ ผู้ขับขี่ที่ให้บริการผ่านแอปพลิเคชันจะต้องรับคำขอรับบริการจาก “อุปกรณ์ที่ได้รับการรับรองแล้ว” เท่านั้น ซึ่งจะต้องแยกออกจากโทรศัพท์มือถือโดยสิ้นเชิง
“อุปกรณ์เหล่านี้จะต้องแยกออกจากโทรศัพท์มือถือ แบบเดียวกับที่คุณพบเห็นในรถแท็กซี่” โฆษกตำรวจรัฐวิกตอเรียกล่าว
โดยส่วนมาก ผู้ขับขี่ที่ให้บริการผ่านแอปพลิเคชันรถโดยสารอย่างอูเบอร์ (Uber) โอลา (Ola) และดีดี (DiDi) มักใช้โทรศัพท์มือถือในการให้บริการ ซึ่งแตกต่างกับแท็กซี่อย่างวันทรีแค็บส์ (13CABS) และแท็กซี่ซิลเวอร์ท็อป (Silvertop Taxi) ที่ใช้อุปกรณ์นำทางและรับคำขอผู้โดยสารแยกต่างหาก
ทำอย่างไรไม่ให้ถูกปรับ
เพื่อความกระจ่าง โฆษกตำรวจรัฐวิกตอเรียบอกว่า หากคุณให้บริการรับส่งอาหารหรือผู้โดยสาร จะสามารถกดรับออเดอร์อาหาร หรือคำขอจากผู้ต้องการบริการรถรับส่งผ่านทางโทรศัพท์มือถือได้ เมื่อพาหนะที่ขับขี่จอดอย่างถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น และต้องไม่ใช่เมื่อคุณหยุดรอสัญญาณไฟจราจร
ตั้งแต่เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจรัฐวิกตอเรียได้จัดกิจกรรมโอเปอร์เรชัน โรดไวส์ (Operation Roadwise) เพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชน โดยเฉพาะการใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับขี่ ซึ่งเป็น “สาเหตุสำคัญของการบาดเจ็บบนท้องถนน” และยังคงเป็นสิ่งเบี่ยงเบนความสนใจของผู้ขับขี่มาอย่างต่อเนื่อง
Courier On Bicycle Delivering Food In City Source: Getty Images
“นั่นหมายความว่า ผู้ขับขี่จะไม่สามารถใช้งานโทรศัพท์มือถือขณะหยุดเพื่อรอสัญญาณไฟบริเวณสี่แยก ทั้งบนถนนและช่องทางจักรยาน” โฆษกตำรวจรัฐวิกตอเรียอธิบาย
“สำหรับถือใบขับขี่ฉบับเต็ม (Full licence) สามารถใช้โทรศัพท์มือถือในการโทรออกหรือรับสาย ใช้เพื่อการนำทาง หรือเพื่อฟังเพลง หากอุปกรณ์เหล่านั้นถูกยึดติดไว้กับที่บนพาหนะที่ขับขี่ หรือการใช้งานแบบไม่ต้องถือระหว่างกำลังขับ”
แถลงการณ์ของตำรวจรัฐวิกตอเรีย ระบุว่า ในพื้นที่ย่านซีบีดีของนครเมลเบิร์น เกิดอุบัติเหตุรถชนจนมีผู้บาดเจ็บสาหัสมากกว่า 160 ครั้งในปีนี้ ซึ่งมีทั้งผู้คนเดินเท้า ผู้ขับขี่จักรยาน หรือรถจักรยานยนต์ ซึ่งรวมกันแล้วคิดเป็นจำนวนมากกว่า 2 ใน 3 ของอุบัติเหตุรถชนกันจนได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งหมดในเมลเบิร์น นั่นหมายความว่า ทุก ๆ 2 วัน จะมีอุบัติเหตุรถชนที่ทำให้ผู้ใช้ถนนในกลุ่มเสี่ยงได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล
จากความพยายามในการลดการกระทำผิดกฎจราจร ตำรวจรัฐวิกตอเรียได้ตั้งชุดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการในชื่อว่า ‘โอเบอร์เรชันมอนกูส (Operation Mongoose)’ ในพื้นที่นครเมลเบิร์น และสามารถออกใบแจ้งปรับห้กับผู้กระทำผิดกฎจราจรได้ถึง 200 รายในวันแรก
ปฏิบัติการดังกล่าว ซึ่งเริ่มต้นมาตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา นำไปสู่การออกใบแจ้งปรับผู้ขับขี่ให้บริการผ่านแอปพลิเคชันที่กระทำผิดกฎจราจร 232 ราย
มีหลายแอปพลิเคชันสั่งอาหารที่รับส่งตามบ้านเและสำนักงานต่าง ๆ ทั้ง อูเบอร์อีตส์ (UberEats) เดลิเวอร์รู (Deliveroo) เมนูล็อก (Menulog) และฟูดโดรา (Foodora) ซึ่งมีผู้ขับขี่รับส่งอาหารที่ใช้จักรยาน รถจักรยานยนต์ รวมถึงสกู๊ดเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็ก และจักรยานไฟฟ้า ส่วนมากเป็นนักศึกษาต่างชาติที่อาจไม่ทราบกฎจราจรของรัฐวิกตอเรีย
ในบรรดาผู้ขับขี่ที่กระทำผิดกฎจราจร 232 คน หนึ่งในนั้นมีผู้กระทำผิดที่ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับขี่ (ค่าปรับ $496 ดอลลาร์) ไม่ปฏิบัติตามสัญญาณไฟจราจร (ค่าปรับ $413 ดอลลาร์) ไม่มีอุปกรณ์ที่จำเป็นขณะขับขี่ (ค่าปรับ $207 ดอลลาร์) ขับขี่เข้าไปในพื้นที่ Bourke Street Mall (ค่าปรับ $165 ดอลลาร์) รวมถึงขับขี่บนทางเท้าเมื่ออายุมากกว่า 12 ปี (ค่าปรับ $165 ดอลลาร์)
รายการ เอสบีเอส ไทย ออนไลน์ ออกอากาศสดหนึ่งชั่วโมงเต็ม กดฟังได้ที่เว็บไซต์ ทุกจันทร์และพฤหัสบดี 22.00 น. (เวลาซิดนีย์/เมลเบิร์น) หลังจากนั้นฟังซ้ำได้ทุกเมื่อ
เรื่องราวที่น่าสนใจจาก เอสบีเอส ไทย
ครูสอนขับรถชี้จุดที่ทำให้คนไทยสอบตก