อดีตรัฐมนตรีมหาดไทย นายปีเตอร์ ดัตตัน เป็นบุคคลซึ่งสร้างความแตกแยกได้มากที่สุดคนหนึ่งในวงการการเมืองของประเทศออสเตรเลีย
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา อดีตตำรวจหน่วยปราบปรามยาเสพติดของรัฐควีนส์แลนด์ ได้ท้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายมัลคอล์ม เทิร์นบูลล์ ภายในการประชุมพรรคซึ่งเต็มไปด้วยดราม่า
โดยชายอายุ 47 ปีคนดังกล่าว ก็พ่ายแพ้ไป 13 คะแนนเสียง และก็ได้ลาออกจากคณะรัฐมนตรีของนายเทิร์นบูลล์แล้ว แต่ทว่าความทะเยอทะยานที่จะเป็นผู้นำของเขานั้นก็ยังไม่น่าจะจบลงเพียงเท่านี้
“เขาถูกมองว่าเป็นแสงเทียนส่องทางภายในฝ่ายอนุรักษ์นิยมของพรรคลิเบอรัล และเขาก็เป็นกระบอกเสียงขาประจำของฝ่ายดังกล่าวของพรรคลิเบอรัล” นักวิเคราห์การเมือง คุณคริส ซอลส์เบอร์รีกล่าวกับเอสบีเอสนิวส์วานนี้ (22 ส.ค.)
อดีตรัฐมนตรีสุขภาพคนดังกล่าว ได้เริ่มเป็นที่รู้จักดีในฐานะของรัฐมนตรีตรวจคนเข้าเมืองเมื่อเดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 2014 โดยที่เขาได้ทุ่มแรงสนับสนุนให้กับนโยบายปฏิบัติการพรมแดนอธิปไตย (Operation Sovereign Borders) ซึ่งจะหันเหหัวเรือของผู้ขอลี้ภัยที่มุ่งหน้าสู่ออสเตรเลียให้กลับลำออกไป และเขาก็มีอิทธิพลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเขาได้เข้าควบคุมสายงานใหม่ด้านมหาดไทยซึ่งก่อตั้งขึ้นใหม่และมีขนาดใหญ่มาก
แต่ ดร. ซอลส์เบอร์รีก็กล่าวว่า จุดยืนที่แข็งกร้าวของเขาซึ่งทำให้เขาเป็นผู้ที่ฝ่ายขวาต้องการจะให้เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ก็ได้สร้างปัญหาต่อภาพลักษณ์ของเขา ซึ่งก็อาจมีผลเสียต่อความทะเยอทะยานของเขาที่จะเป็นผู้นำ
Peter Dutton voted for Tony Abbott when Malcolm Turnbull successfully challenged him for the leadership in 2015. Source: AAP
คำพูดที่สร้างความขัดแย้ง
ไม่ว่าจะเป็นการพูดผิดๆ ถูกๆ หรือเป็นความตั้งใจที่จะปลุกปั่นกลุ่มที่เขาเรียกว่า “ฝ่ายซ้ายที่บ้า” ถ้อยแถลงของนายดัตตันนั้นก็มักจะทำให้เกิดกระแสที่รุนแรงได้อยู่เสมอๆ
เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เขาได้กล่าวว่า ชาวนครเมิลเบิร์นนั้น “หวาดกลัวในการที่จะออกไปร้านอาหาร” เนื่องจากความรุนแรงของ “กลุ่มชาวอาฟริกัน”
ชีวิตนอกรัฐสภา
นายดัตตันนั้นมีพื้นเพที่ติดดิน เขาเกิดในนครบริสเบนเมื่อปี 1970 โดยเป็นบุตรคนโตของพี่น้องทั้งหมดสี่คน พ่อของเขาเป็นนักก่ออิฐ และแม่ของเขาเป็นพนักงานดูแลเด็ก
เขาได้กล่าวไว้ว่าต้องการที่จะหาเงินด้วยตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย โดยในช่วงวัยรุ่นได้รับส่งหนังสือพิมพ์ ตัดหญ้า และทำงานในร้านจำหน่ายเนื้อสัตว์ชำแหละ
เมื่ออายุได้ 18 ปี เขาเข้าร่วมกับพรรคลิเบอรัลรุ่นเยาว์ และในปีต่อมาก็เริ่มลงสมัครตำแหน่งทางการเมืองเป็นครั้งแรก ทว่าความพยายามต่อตำแหน่งสส. ระดับรัฐของควีนส์แลนด์ในเขตเลือกตั้งลิตตันของเขาในครั้งนั้นก็ล้มเหลว
เขาจึงได้เข้ารับใช้ประชาชนแทนเป็นเวลาเกือบสิบปีในกองกำลังตำรวจของรัฐควีนส์แลนด์ ซึ่งเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในฐานะของเจ้าหน้าที่ในหน่วยสืบสวนเกี่ยวกับยาเสพติดและผู้กระทำความผิดทางเพศ ในย่านพักอาศัยของเมืองบริสเบนในการปราศรัยในรัฐสภาฯ ครั้งแรก เขาได้มองย้อนไปถึงช่วงเวลาที่เขาอยู่ในกองกำลังตำรวจ
Peter Dutton served as a police officer for nine years. Source: Supplied
“ผมมักจะพูดกับผู้คนบ่อยๆ ว่า ในฐานะของตำรวจนายหนึ่ง ผมได้เห็นทั้งด้านที่ดีที่สุดและเลวร้ายที่สุดของสังคม ผมได้เห็นถึงธรรมชาติอันสุดประเสริฐของผู้คน ที่ยอมให้ความช่วยเหลือไม่ว่าจะในเรื่องใดก็ตาม ไปจนถึงชั่วโมงที่เลวร้ายที่สุด และผมก็ได้เห็นพฤติกรรมที่ชวนคลื่นเหียนที่ผู้คนได้แสดงออกมา ซึ่งหากพูดตรงๆ แล้วมันแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่มีคุณค่าใดๆ ที่จะดำรงอยู่ในสังคมของพวกเรา ที่บางครั้งก็มีน้ำอดน้ำทนจนเกินไป”
หลังจากที่กลับไปเรียนมหาวิทยาลัย และสำเร็จปริญญาตรีสาขาธุรกิจ เขาก็เข้าร่วมกิจการของบิดาของเขา ซึ่งทำการซื้อตึกเก่าๆ มาเปลี่ยนแปลงเป็นสถานรับเลี้ยงเด็ก
ความสนใจในอสังหาริมทรัพย์ของเขานั้นเกิดขึ้นก่อนหน้ามาเป็นเวลายาวนาน โดยเขาซื้อบ้านเป็นของตัวเองตั้งแต่อายุได้ 19 ปี และเขากับภรรยาคนที่สองนั้นในขณะนี้ก็มีอสังหาริมทรัพย์เป็นจำนวนหกแห่ง รวมถึงศูนย์การค้าแห่งหนึ่งในเมืองทาว์นส์วิลล์
เขามีบุตรสามคน และเข้ามาในรัฐสภาสหพันธรัฐเมื่อปี 2001 โดยเอาชนะนางเชอร์รีล เคอร์โนต์ จากพรรคแรงงานไปได้ในเขตเลือกตั้งสหพันธรัฐดิกคินสัน ซึ่งอยู่ในย่านพักอาศัยนอกเมืองบริสเบน หลังจากที่เธอนั้นได้ย้ายพรรคมาจากพรรคเดโมแครต
Federal Member for Dickson Peter Dutton casts his vote alongside wife Kirilly Dutton. Source: AAP
รัฐบาลที่นำโดยนายดัตตันนั้นจะเป็นที่นิยมกว่าเดิมหรือไม่
แรงสนับสนุนต่อรัฐบาลของนายเทิร์นบูลล์ที่ลดน้อยถอยลง นั้นได้ทำให้สส. ในพื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนต่างๆ นั้นรู้สึกกระวนกระวาย และก็ยิ่งเพิ่มพลังให้กับกระแสเกี่ยวกับภาวะผู้นำ
เขานั้นได้รับเลือกตั้งเข้ามาในเขตดิกคินสันด้วยคะแนนเสียงที่นำอยู่เพียง 1.6 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตัวนายปีเตอร์ ดัตตัน เองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่วิตกกังวลต่ออนาคตของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อแรงสนับสนุนที่วัดได้ว่าลดต่ำลงจากการเลือกตั้งซ่อมในเขตลองแมนที่ผ่านมา
แต่นายดัตตันจะเป็นผู้พลิกสถานการณ์ได้หรือไม่?
ดร. ซอลส์เบอร์รี ผู้ซึ่งเป็นนักวิจัย ณ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ ก็ไม่เชื่อมั่นว่าเขาจะทำได้ เนื่องจากมุมมองซึ่งมักสร้างความแตกแยกของนายดัตตัน และบุคลิกภายนอกของเขาที่ดูเย็นชา
“ผมไม่ทราบแน่ว่า สิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่สาธารณชนออสเตรเลียต้องการจากผู้นำของพวกเขาหรือไม่ โดยบุคลิกภายนอกในลักษณะนั้นก็เคยถูกปฏิเสธมาแล้วเมื่อครั้งที่นายโทนี แอ็บบอตต์สูญเสียตำแหน่งผู้นำพรรคลิเบอรัล” ดร. ซอลส์เบอร์รีกล่าว
“มันเพียงพอที่จะทำให้ผู้คนจำนวนหนึ่งในเขตเลือกตั้งของเขาและเขตเลือกตั้งในวงกว้างออกไปนั้นไม่ยอมรับ”
ศีรษะของเขาซึ่งล้านปราศจากผมและใบหน้าของเขาซึ่งบ่อยครั้งก็ปราศจากความรู้สึกใดๆ ได้ทำให้เขาได้รับการตั้งชื่อเล่นว่านายหัวมัน
ซึ่งนายดัตตันกล่าวว่า เขาไม่รู้สึกท้อแท้เนื่องจากชื่อเสียงของเขา โดยได้กล่าวกับสื่อแฟร์แฟกซ์เมื่อปีที่แล้วว่า: “ผู้คนไม่เคยพูดถึงลักษณะนิสัยของนายจอห์น โฮวาร์ด และหลายๆ ครั้งในเส้นทางอาชีพของจอห์น โฮวาร์ด เขาก็ไม่เป็นที่นิยมอย่างมาก”
หากว่าเขาสามารถประสบความสำเร็จในการท้าชิงตำแหน่ง เขาก็จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศออสเตรเลียที่เกิดในทศวรรษที่ 1970
เรื่องราวที่น่าสนใจจากเอสบีเอสไทย
วิกฤตผู้นำพรรคลิเบอรัล: อลัน ทัดจ์, เกร็ก ฮันต์ และ สตีฟ ชิโอโบ ตบเท้าออกจากครม.