เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐมนตรีมหาดไทยนายปีเตอร์ ดัตตัน ประกาศว่า มีคนจำนวนห้าคนซึ่งถูกเพิกถอนสัญชาติออสเตรเลียเนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มไอเอส และมี “กิจกรรม ที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายที่น่าหวาดวิตก”
โฆษกของกระทรวงมหาดไทยได้กล่าวว่า ตั้งแต่เริ่มมีพระราชบัญญัติสัญชาติออสเตรเลียเมื่อปี ค.ศ. 1948 (The Australian Citizenship Act 1948) ได้มีกรณีการยกเลิกสัญชาติทั้งหมด 44 ราย ภายใต้มาตราที่ 34
“ขอกล่าวเพิ่มเติมว่า บุคคลจำนวนหกคนซึ่งร่วมต่อสู้หรือให้การสนับสนุนต่อ รัฐอิสลาม (Islamic State) ในต่างประเทศ ได้ยุติการเป็นผู้ถือสัญชาติออสเตรเลียแล้ว”
ตามความเป็นจริงนั้น ก่อนหน้าสัปดาห์ที่แล้วก็มีบุคคลเพียงหนึ่งคนเท่านั้น คือนายคาเลด ชาร์รูฟ ที่ถูกเพิกถอนสัญชาติออสเตรเลียด้วยกฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายปี 2015
แต่การมีส่วนร่วมในกิจกรรมก่อการร้ายในต่างประเทศ ก็เป็นเพียงหนึ่งกรณีเท่านั้น ที่รัฐบาลนั้นจะสามารถเพิกถอนสัญชาติของใครสักคนหนึ่งได้ โดยรัฐมนตรีมหาดไทยนั้นมีอำนาจในการที่จะเพิกถอนสัญชาติของใครสักคน ในกรณีที่สามารถพิสูจน์ได้ว่า ผู้ถือสัญชาติคนดังกล่าว ได้ให้ข้อมูลส่วนใดส่วนหนึ่งซึ่งเบี่ยงเบนจากความเป็นจริงในคำร้องขอสัญชาติของเขา แม้ว่าจะได้รับสัญชาติไปแล้วก็ตาม เป็นต้น
และตั้งแต่ปี 2015 ก็ได้มีการนำหัวข้อใหม่ซึ่งครอบคลุมอย่างกว้างขวางมาเริ่มต้นใช้ ในกรณีที่ใครคนหนึ่งนั้นจะสูญเสียสัญชาติออสเตรเลียของเขา หากว่าผู้นั้นมีส่วนร่วมในพฤติกรรมต่างๆ ซึ่งรัฐสภาฯ ได้ให้คำนิยามไว้อย่างกว้างๆ ว่า ไม่ตรงตามความจงรักภักดีต่อของท่านต่อประเทศออสเตรเลียเริ่มกันจากพื้นฐานในเรื่องนี้กันก่อน
Source: SBS
เฉพาะผู้ถือสองสัญชาติเท่านั้นที่มีความเสี่ยง
เฉพาะผู้ถือสองสัญชาติเท่านั้นที่เสี่ยงต่อการสูญเสียสัญชาติออสเตรเลีย เนื่องจากประเทศออสเตรเลียนั้นไม่ยินยอมที่จะให้ใครตกอยู่ในภาวะไร้สัญชาติ (stateless)
ศาสตราจารย์คิม รูบินสไตน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายสัญชาติและผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายสาธารณะจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติของออสเตรเลีย (The Australian National University) กล่าวว่า “เฉพาะผู้ที่ถือสองสัญชาติเท่านั้นที่สามารถถูกเพิกถอนสัญชาติออสเตรเลียได้ ซึ่งก็จะทำให้มีมิติเรื่องของความไม่เท่าเทียมกันที่เพิ่มขึ้นมา เพราะว่าหากคนสองคนเข้าร่วมในกิจกรรมเดียวกัน เช่นกิจกรรมก่อการร้ายในต่างประเทศ เฉพาะผู้ที่ถือสองสัญชาติเท่านั้นที่จะเสี่ยงอันตรายต่อการสูญเสียสัญชาติออสเตรเลีย แต่หากว่าคุณถือเฉพาะสัญชาติออสเตรเลียเท่านั้น คุณก็จะไม่สามารถถูกริบไปคืนได้”
โดยอ้างอิงจากมาตราที่ 32A ของรัฐธรรมนูญ จะมีอยู่ห้าวิธีที่ท่านอาจสูญเสียสัญชาติออสเตรเลียของท่านได้
1. ท่านสามารถยกเลิกสัญชาติออสเตรเลียของท่านได้
ซึ่งน่าสนใจ เพราะถึงแม้ว่าท่านต้องการที่จะทำ ก็ไม่ได้หมายความว่าท่านจะมีสิทธิ์ที่จะทำได้
รัฐมนตรีฯ ก็ยังจำเป็นที่จะต้องเป็นผู้ตัดสินใจ และเขาก็ไม่สามารถที่จะยินยอมให้ท่านยกเลิกสัญชาติของท่าน หากว่าจะทำให้ท่านนั้นกลายเป็นบุคคลไร้สัญชาติ (stateless) เพราะฉะนั้น สรุปง่ายๆ ก็คือท่านจำเป็นจะต้องพิสูจน์ว่าท่านนั้นเป็นบุคคลสองสัญชาติ และท่านจะยังคงถืออีกสัญชาติหนึ่งอยู่ เพื่อที่จะสามารถยกเลิกสัญชาติออสเตรเลียของท่านได้
2. สถานการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหรือการฉ้อโกง
หากท่านไม่ได้ถือสัญชาติออสเตรเลียโดยอัตโนมัติ (ตัวอย่างเช่น ท่านสมัครขอสัญชาติออสเตรเลียในฐานะผู้อพยพย้ายถิ่นฐาน) รัฐมนตรีฯ ก็สามารถเพิกถอนสัญชาติของท่านได้ ในสถานการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหรือการฉ้อโกง และความผิดต่างๆ เหล่านั้น เกี่ยวโยงกับการที่ท่านได้ให้ข้อมูลซึ่งเป็นเท็จหรือบิดเบือนไปจากความเป็นจริง หรือทำกิจกรรมที่เข้าข่ายฉ้อโกง ซึ่งพัวพันกับการสมัครขอสัญชาติของท่าน
โดยอ้างอิงจากโฆษกของกระทรวงมหาดไทย สถานการณ์ต่างๆ เหล่านี้อาจจะรวมไปถึงกรณีซึ่งบุคคลหนึ่งได้สัญชาติออสเตรเลียแล้วถูกพิพากษาว่ามีความผิดเนื่องจากให้ข้อมูลที่เป็นเท็จในคำร้องขอสัญชาติ หรือไม่ยอมเปิดเผยประวัติการกระทำความผิดทางอาชญากรรมที่อุกฉกรรจ์
พูดง่ายๆ ก็คือ ท่านไม่ได้ให้ข้อมูลกับรัฐบาลอย่างหมดเปลือก เพื่อให้รัฐบาลสามารถทำการตัดสินใจในการให้สัญชาติแก่ท่านได้อย่างเหมาะสมและเข้าใจกระจ่างแจ้ง
3. ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดพิเศษเรื่องการอยู่อาศัย
หากท่านไม่ได้ถือสัญชาติออสเตรเลียโดยอัตโนมัติ รัฐมนตรีฯ ก็สามารถเพิกถอนสัญชาติของท่านได้ในสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการที่ท่านนั้น ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดพิเศษเรื่องการอยู่อาศัย
ข้อกำหนดพิเศษเรื่องการอยู่อาศัย เป็นเงื่อนไขซึ่งผู้ที่ได้รับสัญชาติออสเตรเลียเนื่องจากเป็นผู้ที่กระทำคุณประโยชน์เป็นพิเศษต่อประเทศออสเตรเลียนั้นจำเป็นต้องปฏิบัติตาม
ตัวอย่างของการให้สัญชาติภายใต้สถานการณ์พิเศษเหล่านี้ก็เช่นนักกีฬาคริกเก็ตซึ่งเกิดที่ประเทศปากีสถาน นายฟาวาด อาห์เม็ด ผู้ที่สัญชาติของเขาได้รับการพิจารณาอย่างเร่งด่วน เพื่อให้เขาได้ลงเล่นกับทีมเทสต์คริกเก็ตของออสเตรเลีย
4. พฤติกรรมซึ่งไม่ตรงตามความจงรักภักดีต่อของท่านต่อประเทศออสเตรเลีย
ภายใต้มาตราที่ 35 ของพระราชบัญญัติสัญชาติออสเตรเลียปี 2007 (The Australian Citizenship Act 2007) บุคคลสองสัญชาติจะสูญเสียสัญชาติออสเตรเลียของเขาโดยอัตโนมัติหากว่ากระทำการเป็นปรปักษ์ต่อความจงรักภักดีของเขาต่อประเทศออสเตรเลีย โดยการเข้าร่วมกระทำการซึ่งเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย หรือเข้าร่วมสู้รบ หรือให้บริการช่วยเหลือ ต่อองค์กรที่ได้รับการแถลงการณ์แล้วว่าเป็นองค์กรก่อการร้าย ในต่างประเทศ
ความหมายของ “พฤติกรรมซึ่งไม่ตรงตามความจงรักภักดีต่อของท่านต่อประเทศออสเตรเลีย” นั้นรวมไปถึงกิจกรรมก่อการร้ายในต่างประเทศ แต่ทว่าถ้อยคำดังกล่าว ก็สามารถมีนัยที่ตีความได้กว้างขวางกว่านั้นมาก
ศาสตราจารย์รูบินสไตน์กล่าวว่า “ยังมีบทบัญญัติใหม่ที่เรียกว่า‘การถูกพิพากษาว่ากระทำความผิดฐานก่อการร้ายต่างๆ และการกระทำความผิดในอื่นๆ ในบางกรณี’ ดังนั้นหากท่านเป็นบุคคลผู้ซึ่งอยู่ในประเทศออสเตรเลีย และได้รับการพิพากษาในประเทศออสเตรเลียว่ากระทำความผิดฐานก่อการร้ายต่างๆ ภายใต้ประมวลกฎหมายอาญาของออสเตรเลีย รัฐมนตรีฯ ก็จะมีอำนาจในสถานการณ์ต่างๆ เหล่านั้นที่จะริบสัญชาติของท่านได้”
โดยอ้างอิงจากศาสตราจารย์รูบินสไตน์ รัฐสภาฯ นั้นมีความสามารถที่จะตีความมากไปกว่าเรื่องการก่อการร้าย ในเรื่องเครื่องชี้วัดความจงรักภักดี ซึ่งก็เป็นการให้อำนาจแก่รัฐบาลเพิ่มมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนเป็นอย่างมาก ในการที่จะพิจารณาว่ากิจกรรมใดบ้างที่อาจถูกลงโทษด้วยการสูญเสียสัญชาติได้
“เรี่องนี้เป็นประเด็นใหม่ที่กว้าง หากคุณมีส่วนในพฤติกรรมต่างๆ ที่รัฐสภาฯ อ้างอิงอย่างกว้างๆ ว่าไม่ตรงตามความจงรักภักดีต่อของท่านต่อประเทศออสเตรเลีย รัฐสภาก็จะเป็นฝ่ายตัดสินว่าเรื่องนี้จะรวมไปถึงกิจกรรมใดๆ ได้บ้าง”
“จะมีอะไรสามารถหยุดยั้งรัฐบาลในอนาคตได้ หากว่าจะมีการเลือกเรื่องอื่นๆ ขึ้นมาอีกเพื่อระบุว่า ไม่สะท้อนให้เห็นความจงรักภักดีต่อออสเตรเลีย? ศาสตราจารย์รูบินสไตน์กล่าว
ตัวอย่างของพฤติกรรมหนึ่งซึ่งไม่อาจยอมรับได้ในประเทศออสเตรเลีย เช่น การมีความใคร่กับเด็ก ซึ่งในขณะนี้จะถูกดำเนินการโดยกฎหมายอาชญากรรม หากอ้างอิงตามศาสตราจารย์รูบินสไตน์ ในอนาคต รัฐบาลก็สามารถตัดสินได้ว่า ผู้ถือสองสัญชาติซึ่งถูกพิพากษาว่ามีความผิดในอาชญากรรมดังกล่าวนั้น เป็นการแสดงออกโดยทางหนึ่งว่าไม่จงรักภักดีต่อค่านิยมออสเตรเลีย
“ผมรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับของเขตของกฎหมายอาชญากรรมและกฎหมายสัญชาติที่ถูกทำให้ปนเปกันในเรื่องนี้ สิ่งที่ผมอยากจะเห็นก็คือ พฤติกรรมต่างๆ อันชัดเจนว่าไม่อาจยอมรับได้ ในสังคมประชาธิปไตยแบบเสรีนั้น ก็ควรจะถูกดำเนินการโดยระบบกฎหมายอาชญากรรม มากกว่าที่จะใช้กฎหมายสัญชาติมาเป็นวิธีหนึ่งในการลงโทษ” ศาสตราจารย์รูบินสไตน์กล่าว
5. หากท่านเป็นบุตรของบิดาหรือมารดาที่มีความรับผิดชอบต่อท่าน แล้วเขานั้นยุติการถือสัญชาติออสเตรเลีย
หากท่านเป็นบุตรของบิดาหรือมารดาผู้ซึ่งยุติการถือสัญชาติออสเตรเลีย รัฐมนตรีฯ ก็สามารถเพิกถอนสัญชาติของท่านได้ในบางสถานการณ์
แต่สำหรับหลายๆ คนซึ่งกำลังยื่นขอสัญชาติออสเตรเลียอยู่ ก็มีหลายๆ กรณีซึ่งคำร้องของพวกเขาอาจถูกปฏิเสธได้
กิจกรรมชูธงชาติ ณ กรุงแคนเบร์รา วันอังคารที่ 26 ม.ค. 2016 (AAP Image/Mick Tsikas NO ARCHIVING) Source: AAP
การปฏิเสธ
เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องระบุไว้ว่า การปฏิบัติตามข้อกำหนดในการขอสัญชาติอย่างครบถ้วน ซึ่งก็รวมไปถึงการอยู่อาศัยในออสเตรเลียเป็นเวลา 4 ปี โดยภายในระยะเวลาดังกล่าวท่านจะต้องเป็นผู้อยู่อาศัยถาวร (permanent resident) เป็นเวลา 12 เดือนหรือมากกว่า ก็ไม่จำเป็นว่าท่านจะมีสิทธิ์ที่จะได้รับสัญชาติออสเตรเลียโดยอัตโนมัติ
กระทรวงมหาดไทยได้ประกาศเมื่อต้นปีนี้ว่า ได้ทำการปฏิเสธคำร้องขอสัญชาติเป็นจำนวน 4,151 ราย ในปีการเงิน 2016-2017 โดยในจำนวนนั้น 1,866 รายไม่ผ่านการทำข้อสอบสัญชาติออสเตรเลีย
“การถูกปฏิเสธสัญชาติ แม้ว่าจะได้กระทำตามข้อกำหนดต่างๆ ของกระทรวงมหาดไทยอย่างครบถ้วนนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด” นักกฎหมายด้านตรวจคนเข้าเมือง คุณจูดี ฮามาวี อธิบาย
“มีเหตุผลต่างๆ มากมายที่กระทรวงมหาดไทยสามารถปฏิเสธคำร้องขอสัญชาติจากใครก็ตามได้ ซึ่งก็รวมไปถึงการที่ผู้สมัครไม่ผ่านการประเมินพฤตินิสัย หรือเคยถูกพิพากษาว่ามีความผิดทางอาชญากรรมและถูกจำคุกเป็นเวลา 12 เดือน”
“การเดินทางออกจากประเทศออสเตรเลียเป็นเวลายาวนานหลังจากที่ยื่นคำร้องขอสัญชาติของท่านไปแล้ว ก็อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทางกระทรวงฯ จะปฏิเสธคำร้องของท่าน เนื่องจากการย้ายไปอยู่ต่างประเทศ หรือการอาศัยอยู่ต่างประเทศเป็นระยะเวลาหนึ่งนั้น อาจแสดงให้เห็นได้ว่าท่านไม่ต้องการที่จะอยู่อาศัยในประเทศออสเตรเลียหลังจากที่ท่านได้รับสัญชาติของท่าน” หากอ้างอิงตามคุณฮามาวี
“รัฐบาลออสเตรเลียนั้น ยึดถือเรื่องความมั่นคงของกฎหมายสัญชาติออสเตรเลียว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก และก็ผูกมัดที่จะปกป้องชุมชนออสเตรเลีย รวมถึงเด็กๆ จากภยันตรายซึ่งเป็นผลมาจากกิจกรรมทางอาชญากรรม” โฆษกของกระทรวงมหาดไทยกล่าว
เรื่องราวที่น่าสนใจจากเอสบีเอสไทย
ยอดผู้ขอสัญชาติออสเตรเลียขณะนี้สูงสุดในประวัติศาสตร์