ประเด็นสำคัญ
- ชาวออสเตรเลียจะเข้าคูหาเพื่อลงประชามติเป็นครั้งแรกในรอบกว่าสองทศวรรษ
- การทำประชามติเป็นหนทางเดียวที่รัฐบาลจะแก้ไขรัฐธรรมนูญได้
- ต่อไปนี้คือข้อมูลว่าการลงประชามติคืออะไร มีวิธีการอย่างไร และเหตุใดคะแนนเสียงของคุณจึงสำคัญ
ชาวออสเตรเลียหลายล้านคนจะเข้าคูหาเพื่อลงประชามติ ซึ่งจะตัดสินว่าคณะที่ปรึกษาเสียงชาวพื้นเมืองต่อรัฐสภา หรือที่เรียกว่า Indigenous Voice to Parliament จะได้รับการระบุลงในรัฐธรรมนูญของประเทศหรือไม่
เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่เทศกาลการ์มา (Garma) ประจำปี ในนอร์เทิร์น เทร์ริทอรี นายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบานีซี ได้เปิดเผยถึงคำถามที่ "ไม่ซับซ้อนเลย" ที่เขาตั้งใจจะถามชาวออสเตรเลียในการลงประชาติ
คำถามดังกล่าวยังไม่มีการระบุอย่างเป็นทางการ แต่ชาวออสเตรเลียอาจถูกถามว่า: "คุณสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อจัดตั้ง (คณะที่ปรึกษา) เสียงของชาวอะบอริจินและชาวเกาะช่องแคบทอร์เรส (Aboriginal and Torres Strait Islander Voice) หรือไม่?"
นายอัลบานีซีกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า การลงประชามติครั้งนี้จะจัดขึ้นช่วงใดช่วงหนึ่งระหว่างเดือนตุลาคมถึงธันวาคมปีนี้
หากมีการลงประชามติเกิดขึ้น นี่จะเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 23 ปีที่ชาวออสเตรเลียออกเสียงลงประชามติ โดยสำหรับหลายๆ คนแล้ว นี่จะเป็นการลงประชามติครั้งแรกของพวกเขา
การลงประชามติคืออะไร มีวิธีการทำงานอย่างไร และเหตุใดคะแนนเสียงของคุณจึงมีความสำคัญ
ประชามติคืออะไร?
การลงประชามติ (referendum) เป็นการถามผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งชาวออสเตรเลีย ซึ่งมีอำนาจเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญได้ โดยรัฐธรรมนูญก็คือหลักเกณฑ์ที่กำหนดวิธีการปกครองประเทศ
ศ.แอนน์ ทูมีย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายรัฐธรรมนูญ จากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญเป็น "เอกสารที่มีอำนาจมากที่สุดของประเทศ"
การทำประชามติเป็นหนทางเดียวที่รัฐบาลจะแก้ไขรัฐธรรมนูญได้
“อำนาจขั้นสูงสุดในการควบคุม (รัฐธรรมนูญ) เป็นของประชาชน เพราะคุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญได้ หรือแม้แต่เปลี่ยนคำพูดในรัฐธรรมนูญก็ทำไม่ได้ นอกเสียจากว่าคุณจะได้รับความเห็นชอบจากประชาชนออสเตรเลียผ่านการลงประชามติ” ศ.แอนน์ ทูมีย์ กล่าว
"หมายความว่าทุกวันนี้ชาวออสเตรเลียมีอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ"
Former Australian diplomat Philip Flood and his wife, Carole, cast their votes in Australia's last referendum in 1999. Source: Getty / PA / Michael Stephens
การลงประชามติมีกระบวนการอย่างไร?
ก่อนที่จะจัดให้มีการลงประชามติ จะต้องมีการผ่านร่างกฎหมายในสภาสูงและสภาล่างของรัฐสภาเสียก่อน เพื่ออนุมัติให้มีการลงคะแนนเสียงเกิดขึ้น
หากร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับการอนุมัติ รัฐบาลจะกำหนดวันที่ชาวออสเตรเลียจะเข้าคูหาลงคะแนนเสียง ภายในระยะเวลา 2-6 เดือน หลังร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านการอนุมัติ
เช่นเดียวกับการเลือกตั้ง การลงประชามติดำเนินการโดยคณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งออสเตรเลีย (Australian Electoral Commission) โดยผู้ลงคะแนนเสียงจะถูกถามคำถามให้เลือกตอบว่าเห็นด้วย (Yes) หรือไม่เห็นด้วย (No) ซึ่งพวกเขาจะกรอกลงในบัตรเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้ง
การลงประชามติจะประสบความสำเร็จได้นั้น จำเป็นต้องได้รับคะแนนเสียงที่เรียกกันว่า "เสียงข้างมากสองขั้นตอน" (double majority)
“คุณจำเป็นต้องมีเสียงสนับสนุนจากคะแนนเสียงข้างมากของประเทศ บวกกับคะแนนเสียงส่วนใหญ่ในรัฐและมณฑลต่างๆ เป็นส่วนใหญ่” ดร.พอล คิลเดีย ผู้อำนวยการโครงการประชามติและการเลือกตั้งของ Gilbert + Tobin Center of Public Law กล่าว
ดังนั้น หากผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่ในระดับประเทศลงคะแนนเสียงว่า เห็นด้วย (Yes) แต่ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ของรัฐและมณฑลต่างๆ การลงประชามติดังกล่าวก็ล้มเหลว ในทำนองเดียวกัน หากรัฐส่วนใหญ่ลงคะแนนเสียงว่า เห็นด้วย (Yes) แต่ผู้ลงคะแนนเสียงส่วนใหญ่ในระดับประเทศลงคะแนนเสียงว่า ไม่เห็นด้วย (No) การลงประชามติก็ล้มเหลวเช่นกัน
เราเพิ่งมีการลงมติสาธารณะเรื่องการแต่งงานของคนเพศเดียวกันเมื่อเร็ว ๆ นี้ไม่ใช่หรือ?
ใช่ ออสเตรเลียได้จัดให้มีการลงประชาพิจารณ์ (plebiscite) ระดับชาติในปี 2017 เกี่ยวกับว่าคนเพศเดียวกันสามารถแต่งงานกันได้หรือไม่ แต่ประชาพิจารณ์ไม่เหมือนกับประชามติ (referendum)
ประชาพิจารณ์ (plebiscite) ตั้งคำถามเชิงนโยบายให้ชาวออสเตรเลียตอบ แต่ไม่ได้เป็นประเด็นที่จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงในรัฐธรรมนูญ
ผู้สนับสนุนการทำประชาพิจารณ์เรื่องการแต่งงานของคนเพศเดียวกันในปี 2017 รณรงค์อย่างหนักให้ประชาชนเห็นด้วยก่อนการลงประชาพิจารณ์ Source: AAP / Danny Casey
การลงประชาพิจารณ์ (plebiscite) เกิดขึ้นบ่อยครั้งกว่าการลงประชามติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับรัฐ ซึ่งชาวออสเตรเลียเคยถูกถามเกี่ยวกับมุมมองของพวกเขาเรื่องเวลาออมแสง (daylight savings) และกฎหมายเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
การลงประชามติ (referendum) ครั้งล่าสุดก่อนหน้านี้ของออสเตรเลียจัดขึ้นในปี 1999 เมื่อผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งถูกถามว่าออสเตรเลียควรเปลี่ยนเป็นสาธารณรัฐหรือไม่ และควรแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อแทรกคำนำ (preamble) หรือไม่ ในระดับประเทศนั้นร้อยละ 54.87 ลงคะแนนเสียงไม่เห็นด้วย (No) สำหรับการเปลี่ยนเป็นสาธารณรัฐ และร้อยละ 60.66 ลงคะแนนเสียงไม่เห็นด้วย (No) สำหรับคำถามเรื่องคำนำในรัฐธรรมนูญ
การลงประชามติครั้งอื่นๆ เป็นอย่างไรในอดีต?
การลงประชามติที่ผ่านมาของออสเตรเลียไม่ประสบความสำเร็จมากนัก
นับตั้งแต่ก่อตั้งสหพันธ์ในปี 1901 และก่อตั้งรัฐธรรมนูญ ออสเตรเลียได้ลงประชามติไปแล้ว 44 ครั้ง มีเพียง 8 เท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ
“หากเราย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ของเรา มันบอกเราว่าการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญในประเทศนี้เป็นเรื่องที่ยากมาก” ดร. คิลเดีย กล่าว
ศ. ทูมีย์ กล่าวว่ามีเหตุผลหลายประการที่ทำให้อัตราความสำเร็จต่ำ แต่เหตุผลที่สำคัญที่สุดคือผู้คนลังเลใจที่จะปูทางให้มีการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญหากไม่จำเป็น
“หากผู้คนไม่มั่นใจและไม่สบายใจที่จะทำการเปลี่ยนแปลง ก็เพราะพวกเขารู้สึกว่าพวกเขาไม่มีความรู้เพียงพอเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญและกระบวนการว่าทำงานอย่างไร พวกเขาจึงถูกดึงดูดจากแนวคิดที่ว่า 'ถ้าไม่รู้ ก็โหวต No'”
“พวกเขากลัวที่จะโหวต Yes ให้มีการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ หากพวกเขารู้สึกไม่มั่นใจว่ามันจะมีความหมายอย่างไรในอนาคต”
“ถ้าคุณเติมบางอย่างลงในรัฐธรรมนูญ มันอาจจะถูกตรึงไว้ตรงนั้นเป็นเวลานาน อาจจะ 50 ปี หรืออาจจะ 100 ปี และถ้าคุณทำผิดพลาด นั่นก็อาจเป็นปัญหาได้”
เพื่อหลีกเลี่ยงความลังเลใจในการโหวต Yes เธอกล่าวว่าควรมีการลงทุนด้านการศึกษาให้มากขึ้นในโรงเรียนเกี่ยวกับการลงประชามติและรัฐธรรมนูญ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวเกินไปที่จะทำการเปลี่ยนแปลง
นี่มันงานของนักการเมืองไม่ใช่เหรอ? พวกเขาตัดสินใจกันเองไม่ได้เหรอ?
ในขณะที่บางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา สามารถเปลี่ยนข้อความในรัฐธรรมนูญได้โดยไม่ต้องใช้เสียงของประชาชน ดร. คิลเดียกล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่ชาวออสเตรเลียจะต้องแสดงความคิดเห็นในสังคมประชาธิปไตย
“เรานำเรื่องการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญให้อยู่ในมือของประชาชน ซึ่งมีเหตุผลที่ดีสำหรับเรื่องนี้ เนื่องจากเป็นไปได้มากว่าการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญนั้นจะคงอยู่ตลอดไป หรืออย่างน้อยที่สุดก็จะคงอยู่จะเป็นเวลายาวนานอย่างมาก” ดร. คิลเดีย กล่าว
READ MORE
ข้อสอบสัญชาติใหม่: คุณจะสอบผ่านไหม?
“สำหรับการเปลี่ยนแปลงขั้นรากฐานเช่นนี้ … มันสมเหตุสมผลแล้วที่เราจะทำให้มันผ่านกระบวนการที่ยากขึ้น และเราจึงต้องขอความชอบธรรมพิเศษที่มาจากคะแนนเสียงของประชาชนเท่านั้น”
ดร.คิลเดียกล่าวว่า การขยายอำนาจให้นักการเมืองเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญได้เป็นเรื่องอันตราย
"หากเราปล่อยเรื่องให้อยู่ในมือของนักการเมือง นั่นเป็นอำนาจที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับพวกเขาที่จะสามารถเปลี่ยนกฎพื้นฐานของชุมชนการเมืองของเรา ที่จะคงอยู่ในอนาคต"
จะเกิดอะไรขึ้นหากการลงประชามติล้มเหลว?
การลงประชามติสามารถจัดขึ้นอีกครั้งได้หากครั้งนี้ไม่สำเร็จ และสามารถใช้คำที่แตกต่างออกไปเพื่อพยายามปรับให้มีโอกาสสำเร็จมากขึ้น
แต่ ศ.ทูมีย์ กล่าวว่า ส่วนใหญ่แล้วการลงประชามติเป็น "เกมที่ยิงนัดเดียว"
“หากชาวออสเตรเลียลงมติไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอ โอกาสที่รัฐบาลต้องการให้ดำเนินการลงประชามติเรื่องนี้อีกครั้งเป็นไปได้น้อย เว้นแต่รัฐบาลจะมั่นใจอย่างมากว่าจะประสบความสำเร็จ” ศ.ทูมีย์ กล่าว
"เมื่อมันไม่ประสบความสำเร็จ คุณต้องทิ้งช่วงไปเป็นระยะนานพอสมควร เพื่อตั้งต้นใหม่ก่อนที่จะลองอีกครั้ง"
แต่เธอกล่าวว่า สิ่งสำคัญคือเราต้องตระหนักว่า รัฐบาลสหพันธรัฐมีแนวโน้มว่าจะไม่จัดการลงประชามติ หากกังวลว่าจะไม่ประสบความสำเร็จ
"ฉันเชื่อว่า รัฐบาลจะระมัดระวังอย่างมาก โดยพยายามทำให้แน่ใจว่ามีเสียงสนับสนุนจากชุมชนมากอย่างมีนัยสำคัญ ก่อนที่จะมีการลงประชามติจริงๆ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ว่านั้น"
การลงประชามติเป็นหน้าที่ภาคบังคับหรือเปล่า?
เป็นหน้าที่ภาคบังคับ เช่นเดียวกับการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ชาวออสเตรเลียที่มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งทุกคนจะต้องไปลงประชามติ หากไม่ได้ลงคะแนนเสียงโดยไม่มีคำอธิบายที่สมเหตุสมผล ก็อาจถูกปรับ 20 ดอลลาร์
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
รมต.สัญชาติออสฯ จ่อบังคับใช้ข้อสอบค่านิยมออสเตรเลียใหม่
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ค่าทำพาสปอร์ตออสเตรเลียเพิ่มขึ้น ทำไมถึงแพงขนาดนั้น