เมื่อโรงเรียนต่าง ๆ ในรัฐวิกตอเรียปรับเปลี่ยนการเรียนการสอนเป็นแบบทางไกล ในช่วงเริ่มต้นของภาคเรียนที่ 2 คุณอันฉัล ปราภากัร (Anchal Prabhakar) ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานที่บ้าน เพื่อให้เธอช่วยเหลือบุตรสาววัย 6 ขวบ และบุตรชายวัย 12 ปี ในการเรียนทางไกลจากที่บ้านได้
“ลูกชายของฉันยังรับมือกับการเรียนออนไลน์ได้ระดับหนึ่ง แต่สำหรับลูกสาวของฉัน มันเป็นเรื่องยากที่เธอจะเข้าใจการเรียนการสอนต่าง ๆ จากครูของเธอทางออนไลน์” คุณปราภากัลกล่าว
เมื่อมาตรการจำกัดการแพร่ระบาดระดับ 3 ผ่อนคลายลงในเดือนมิถุนายนปีที่ผ่านมา คุณปราภากัลกล่าวว่า นั่นเป็นช่วงเวลาของความโล่งใจ
แต่ภายใต้มาตรการจำกัดห้ามที่เข้มงวดกว่าเดิมในขณะนี้ และสถานศึกษาทั่วรัฐวิกตอเรียทุกแห่งต้องเปลี่ยนไปทำการเรียนการสอนแบบทางไกลและยืดหยุ่น ทำให้ชีวิตประจำวันของคุณปราภากัรต้องสลับไปมาระหว่างงานออฟฟิศจากที่บ้าน และการช่วยเหลือเรื่องการเรียนของเด็ก ๆ
ประเด็นสำคัญ
- นักเรียนทุกคน ตั้งแต่ระดับชั้นเตรียมอนุบาลไปจนถึง Year 12 จะต้องเข้าสู่ระบบการเรียนการสอนทางไกลและยืดหยุ่น ยกเว้นนักเรียนในกลุ่มเปราะบาล และบุตรของคนทำงานที่ได้รับการอนุญาตในช่วงประกาศใช้มาตรการจำกัดห้าม หากไม่สามารถเรียนได้จากที่บ้านได้
- ส่วนนักเรียนที่ลงทะเบียนเรียนกับโรงเรียนเด็กพิเศษในพื้นที่ห่างไกล และพื้นที่ส่วนภูมิภาคของรัฐวิกตอเรีย จะสามารถไปเรียนได้ตามเดิม
- นักเรียนจากภูมิหลังผู้อพยพย้ายถิ่นฐานและกลุ่มชาติพันธุ์ กำลังพบกับอุปสรรคเพิ่มเติมในการเรียนจากที่บ้าน
Source: GettyImagesmartinedoucet
คุณคิดด์ ซึ่งเป็นอดีตครูโรงเรียนประถมศึกษา กล่าวว่า ด้วยการสนับสนุนทางไกลจากโรงเรียนและครูอาจารย์ พ่อแม่ผู้ปกครองนั้นมีบทบาทคล้ายกับติวเตอร์ ในการสนับสนุนการเรียนของเด็ก ๆ
เธอกล่าวว่า การเรียนจากที่บ้านนั้นไม่จำเป็นต้องยึดเวลาตามระบบคาบเรียนปกติตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึงบ่าย 3 โมงเย็น ขณะที่โรงเรียนนั้นมักจะมีกิจกรรมคั่นเวลาต่าง ๆ เช่น ช่วงพักและกิจกรรมอื่น ๆ เธอกล่าวอีกว่า ตามปกติ นักเรียนจะเรียนเพียง 2 – 3 ชั่วโมงเท่านั้น ในวันที่มีการเรียนการสอนตามปกติ
คุณคิดด์ แนะนำให้จัดเวลาสำหรับนักเรียนอายุน้อย ให้พวกเขาทำการบ้านต่าง ๆ ที่โรงเรียนมอบหมายให้เสร็จในช่วงเช้า ส่วนเด็กโตหรือวัยรุ่น ก็ให้พวกเขาอยู่ดึกและตื่นช้าขึ้นเล็กน้อย ระหว่างที่ร่างกายของพวกเขากำลังปรับเปลี่ยนตามธรรมชาติในการเจริญเติบโต องค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ก่อตั้งขึ้นโดยนักผจญภัย ช่างภาพ และคุณเจสัน คิมเบอร์ลีย์ (Jason Kimberley) ซึ่งเป็นนักเขียน องค์กรนี้ให้บริการทรัพยากรต่าง ๆ ในการศึกษา ที่ใช้โดยครูอาจารย์ในโรงเรียนต่าง ๆ และพ่อแม่ผู้ปกครองทั่วออสเตรเลียกว่า 90%
Source: GettyImagesKlaus Vedfelt
การแพร่ระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรนา ทำให้องค์กรแห่งนี้ต้องทำงานมากขึ้นกว่าเดิม ในการปรับปรุงสื่อการเรียนการสอนทางออนไลน์ให้มีความเรียบง่าย สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองที่ใช้สื่อเหล่านี้จากที่บ้าน ขณะที่ความต้องการก็มีมากขึ้น ทั้งจากในออสเตรเลียเอง และจากต่างประเทศ
คุณคิมเบอร์ลีย์ กล่าวว่า Cool Australia ส่งเสริมทักษะส่วนบุคคล และทักษะระหว่างบุคคล ในกิจกรรมการเรียนรู้ที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพิ่มเติมจากสื่อการสอนในวิชาหลักอย่างคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษ ในหลักสูตรการศึกษาของออสเตรเลีย
เทคนิคสร้างความมั่นใจ ทักษะการตัดสินใจ และการจัดการตนเอง
คุณคิมเบอร์ลีย์สนับสนุนให้พ่อแม่ผู้ปกครองคิดในแง่บวก และใช้ประโยชน์จากประสบการณ์การเรียนจากที่บ้านให้มากที่สุด ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สมาชิกครอบครัวจะต้องอยู่ใกล้ชิดกันมากขึ้นกว่าครั้งไหน ๆ
เขาแนะนำอีกว่า พ่อแม่ผู้ปกครองควรสร้างสภาพแวดล้อมในการเรียนจากที่บ้าน หรือแม้กระทั่งให้เด็ก ๆ สวมใส่ชุดนักเรียนด้วย
สิ่งนั้นจะสร้างแนวคิดว่าพวกเขากำลังจะเรียน พวกเขากำลังจะได้เรียนรู้ คุณคิมเบอร์ลีย์ กล่าว
บุตรหลานผู้อพยพย้ายถิ่นและผู้ลี้ภัย ไม่ได้อยู่ในจุดเท่าเทียม
คุณราเมช คุมาร์ ผู้นำจากศูนย์ผู้อพยพย้ายถิ่นและผู้ลี้ภัย ในรัฐวิกตอเรีย กล่าวว่า นักเรียนหลายคนที่องค์กรของเขากำลังสนับสนุนนั้นพบกับความเป็นจริงที่แตกต่าง
แม้ว่าลูกค้าของเขาหลายคน จะเดินทางมาถึงออสเตรเลียด้วยแรงผลักดันในการพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นที่นี่ แต่อุปสรรคจากการลดตำแหน่งงาน การแยกห่างออกจากสังคม และการเรียนจากที่บ้านจากสถานการณ์โควิด-19 ได้สร้างอุปสรรคเพิ่มมากขึ้นสำหรับหลายครอบครัว
หากคุณมีลูก 4 คนที่อยู่ในวัยเรียน มันไม่มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการเรียนจากที่บ้าน มีที่ว่างไม่เพียงพอ อุปกรณ์ต่าง ๆ ก็ไม่เพียงพอ คุณคุมาร์ กล่าว
คุณคุมาร์ ได้แสดงความกังวลกับนักเรียนมัธยมศึกษา ซึ่งบ่อยครั้งต้องช่วยเหลือพี่น้องที่มีอายุน้อยกว่าในการเรียน เนื่องจากพ่อแม่ขาดทักษะภาษาอังกฤษ หรือความเข้าใจในระบบการศึกษาของออสเตรเลีย
องค์กรของเขาได้ร่วมมือกับ และโรงเรียนในท้องถิ่น เพื่อมอบอุปกรณ์การเรียนการสอนสำหรับเด็กในการเรียนจากที่บ้าน
คุณคุมาร์ กล่าวว่า เป็นเรื่องโชคร้ายที่นักเรียนจากภูมิหลังผู้อพยพย้ายถิ่นและผู้ลี้ภัยบางคน ไม่ได้อยู่ในจุดยืนที่เท่าเทียมกับนักเรียนที่เกิดในออสเตรเลีย และไม่มีความสุขสบายในการทุ่มเทเวลาอย่างเต็มที่ให้กับการเรียนได้เสมอไป
สำหรับเด็กผู้หญิงจากบางภูมิหลัง การเรียนจากที่บ้านนั้นมีอุปสรรคอย่างมาก เนื่องจากแม่ของพวกเขาจะให้ไปทำงานทุกอย่าง พวกเขาจึงไม่มีเวลาแม้จะได้ทำการบ้าน คุณคุมาร์ กล่าวกับเอสบีเอส เรดิโอ
นอกจากการเรียนที่บ้านโดยไม่มีการสนับสนุนจากครูอาจารย์แล้ว เด็ก ๆ เหล่านี้อาจต้องช่วยพ่อแม่ทำเอกสารของเซนเตอร์ลิงก์ (Centrelink) รวมถึงช่วยเหลือเรื่องธนาคาร และการซื้อของทางออนไลน์นอกจากนี้ Southern and Migrant Refugee Centre ยังได้ช่วยปรับปรุงผลการเรียนของเด็ก ๆ ผ่าน ซึ่งจัดขึ้นทางออนไลน์ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
Source: GettyImagessvetkid
คุณวอลเตอร์ บาเยส (Walter Valles) ได้ปรับเปลี่ยนหลักสูตรในโครงการช่วยเหลือในการทำการบ้านทางออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันซูม (Zoom) ตั้งแต่โครงการดังกล่าวย้ายมาจัดทางออนไลน์ ตั้งแต่ปลายภาคเรียนที่ 1 ที่ผ่านมา
มันเป็นสิ่งที่เขาต้องเรียนรู้อย่างต่อเนื่องสำหรับครูคณิตศาสตร์เกษียณอายุงานแล้วคนนี้ แต่ความมุ่งมั่นจากนักเรียนของเขาที่มาจากครอบครัวผู้ลี้ภัย และผู้ที่รออนุมัติสถานะผู้ลี้ภัย ได้สร้างแรงบัลดาลใจให้เขาทำสิ่งนี้อย่างดีที่สุด
ผมรู้สึกทึ่งในตัวนักเรียนที่ผมทำงานด้วยอยู่ตอนนี้ ความกระหายในความรู้ และความต้องการที่จะปรับปรุงพวกเขาให้ดีขึ้น คุณบาเยส กล่าว
Source: Getty Images
สิ่งนี้ตรงกับที่ คุณโมนา เปเรซ (Mona Perez) พบในตัวลูกสาววัย 10 ขวบ และลูกชายวัย 6 ขวบของเธอ หลังเปลี่ยนมาเรียนจากที่บ้านในช่วงปลายภาคเรียนที่ 1
“ลูกสาวของฉันเรียนคณิตศาสตร์ดีขึ้นมาก ซึ่งปกติแล้วเธอจะมีปัญหาเมื่ออยู่ที่โรงเรียน” คุณเปเรซ กล่าว
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจจาก เอสบีเอส ไทย
ครอบครัวบริบทใหม่ในออสเตรเลีย