หนี้ที่ไม่ได้ก่อจาก "โรโบเดบ์ท"

The Feed: เร็วๆ นี้ จะมีการสอบสวนกรณีกลไกเรียกเก็บหนี้เงินช่วยเหลือจากรัฐบาลอัตโนมัติ "โรโบเดบท์" หลังมีผู้รับสวัสดิการหลายรายเป็นหนี้ที่ตนเองไม่ได้ก่อ ผู้ได้รับผลกระทบเผยไม่มีทางเลือก บ้างรายต้องจำใจจ่ายให้เรื่องจบแทนที่จะยื่นอุทธรณ์

You can read the full article in English 

โครงการชำระหนี้เงินสวัสดิการอัตโนมัติของรัฐบาล ซึ่งกำลังเป็นข้อถกเถียงอยู่ในขณะนี้ กำลังจะได้รับการพิจารณาอีกครั้งในสภา หลังวุฒิสภาเห็นชอบให้มีการสอบสวนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (31 ก.ค.) ในขณะเดียวกัน มีชาวออสเตรเลียหลายคนที่ยังต้องชำระหนี้ที่พวกเขาไม่ได้ก่อ ซึ่งนั่นรวมถึงผู้เกษียณที่รับเงินบำนาญ

นี่จะเป็นการไต่สวนครั้งที่ 2 ในรอบ 3 ปี ขณะที่พรรคแรงงานได้เรียกร้องให้มีการยกเลิกระบบดังกล่าว

ข้อมูลจากคณะกรรมาธิการเครือจักรภพเมื่อปี 2019 ระบุว่า Centrelink ได้ปรับปรุงขบวนการติดตามหนี้อัตโนมัติ นายเรเชล ซีเวิร์ต สมาชิกวุฒิสภาพรรคกรีนส์ กล่าวว่า รัฐบาลนั้นล้มเหลวในการบรรจุคำแนะที่สำคัญลงไปในระบบนี้ 

“ผมได้ยินว่า หลายคนยอมแพ้ที่จะยื่นอุธรณ์หนี้สินที่พวกเขาต้องจ่ายแม้ไม่ได้ก่อ นั่นก็เพราะว่าพวกเขาไม่สามารถต่อสู้อะไรได้ในระบบที่มืดทึบนี้” นายซีเวิร์ต สมาชิกวุฒิสภาพรรคกรีนส์กล่าว

หนี้โรโบเดบ์ทเพียง 1 ใน 5 ลดลดจำนวนลงหรือได้รับการงดเว้น

โรเบิร์ต คัมมินส์ กำลังใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในวัยเกษียณ จนกระทั่งวันหนึ่งที่เขาได้รับใบแจ้งหนี้ เป็นมูลค่ากว่าพันดอลลาร์ เมื่อต้นปี 2017 

“มันน่าตกใจ พวกเขาไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลอย่างถี่ถ้วนว่าเงินมาจากไหน และทำไมผมถึงเป็นหนี้” นายคัมมินส์กล่าว
The Feed
Robert Cummings spent months gathering payslips from several workplaces to disprove his debt. Source: Emily Jane Smith
หนี้สินกว่า $3,000 ดอลลาร์นี้ เกิดขึ้นจากระบบคำร้องออนไลน์ใหม่ ที่เรียกกันว่า “โรโบเดบ์ท (Robodebt)” ซึ่งเป็นการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์คำนวณว่า มีการจ่ายเงินช่วยเหลือให้กับผู้รับมากเกินไปหรือไม่

นายคัมมินส์ ทำงานกะแบบแคชวลในสถานดูแลผู้สูงอายุ จนกระทั่งปลดเกษียณในปี 2015 แต่เนื่องจากเงินที่ได้หลังจากเกษียณไม่เพียงพอ จึงได้ยื่นขอเงินช่วยเหลือนิวสตาร์ท และรายงานเงินได้ทุก 2 สัปดาห์  

เช่นเดียวกับหลายคนที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล รายได้ของนายคัมมินส์ไม่สม่ำเสมอ ระบบคอมพิวเตอร์ใหม่ของ Centrelink จะเฉลี่ยรายได้ในหนึ่งปีของเขา โดยใช้ข้อมูลของสำนักงานสรรพากรออสเตรเลีย (ATO) เพื่อเทียบเคียงกับข้อมูลที่เขาได้รายงานต่อ Centrelink ทุกสองสัปดาห์ ซึ่งนั่นทำให้ข้อมูลไม่ตรงกัน ดังนั้น เขาจึงถูกเรียกเก็บหนี้โดยอัตโนมัติ เช่นเดียวกับผู้ที่ได้ผลกระทบอีกหลายพันคน 

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่จะเทียบข้อมูลจาก ATO และข้อมูลจากผู้รับเงินช่วยเหลือที่รายงานเข้ามาด้วยตัวเอง เพื่อยื่นยันว่า มีหนี้สินจากการจ่ายเงินช่วยเหลือเกินหรือไม่ และจะออกเอกสารแจ้งหนี้ให้ตามความเหมาะสม ตั้งแต่ปลายปี 2016 เป็นต้นมา เอกสารในการพิสูจน์ได้๔ุกตีกลับ และผู้รับเงินช่วยเหลือจะต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองว่าไม่ได้มีภาระหนี้สิน

เพื่อการพิสูจน์ว่า นายคัมมินส์ไม่ได้เป็นหนี้จริง เขาได้รับการขอให้ตรวจสอบสลิปย้อนหลังไปหลายปี ในช่วงเวลาที่เกิดหนี้ตามที่ระบบได้แจ้ง

“ผมต้องพิสูจน์ว่าผมบริสุทธิ์ กลายเป็นว่า ผมขโมยเงินพวกเขาโดยปริยาย และนั่นทำให้ผมเจ็บปวด พวกเขาหาว่าผมขโมยเงินช่วยเหลือ มันทำให้ผมรู้สึกแย่มากๆ” นายคัมมินส์กล่าว
The Feed
Robert Cummings is paying off his debt through his aged pension. Source: Emily Jane Smith
ทั้งนี้ วุฒิสภายังมีตัวเลขผู้เสียชีวิตมากกว่า 2,000 ราย หลังจากได้รับเอกสารแจ้งหนี้จากโรโบเดบ์ท  

ระบบดังกล่าวได้นำเงินจากผู้รับเงินช่วยเหลือ และอดีตผู้ที่เคยรับเงินดังกล่าวไปเป็นมูลค่ากว่า $500 ล้านดอลลาร์ แต่ค่าใช้จ่ายสำหรับการจัดการเรื่องนี้อยู่ที่ $400 ล้านดอลลาร์

เอกสารแจ้งหนี้ 1 ใน 5 นั้นได้รับการผ่อนผัน หรืงดเว้น 

หลังจากที่นายคัมมินส์ได้รวมรวมสลิปเงินได้ของเขา เขากล่าวว่า หนี้สินทั้งหมดได้รับการลดหย่อนลงไปเพียงแต่ $1,000 ดอลลาร์เท่านั้น 

“ผมไม่รู้สึกว่าจะสามารถต่อสู้อะไรในเรื่องนี้ได้ ผมรู้สึกว่าหนี้ถูกยึดไว้ในคอนกรีต ผมไม่รู้สึกไม่มีสิทธิ์อะไรในการต่อสู้เรื่องนี้” นายคัมมินส์กล่าว

นอกจากนี้ นายคัมมินส์ไม่ได้รับแจ้งถึงทางเลือกใดๆ ในการจัดการหนี้สินที่เขามี เขาจึงตกลงที่จะชำระหนี้ในอัตรา $15 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ ซึ่งหักจากเงินบำนาญของเขาเอง

“มันคือ $15 ดอลลาร์ที่ที่คุณต้องการเมื่อคุณมีเงินไม่พอจ่ายค่าเช่า ค่าอาหาร หรือค่าไฟ มันคือ $15 ดอลลาร์ที่สร้างความแตกต่างได้มากในท้ายที่สุด” นายคัมมินส์กล่าว

โรโบเดบ์ทกำลังเผชิญกับความท้ายทางกฎหมาย

นายโจเอล ทาวน์เซนด์ นักทำงานช่วยเหลือด้านกฎหมายจากรัฐวิกตอเรีย กล่าวว่า ระบบดังกล่าวส่งผลกระทบให้กับผู้ที่ด้วยโอกาสเป็นส่วนมาก

“Centrelink ขอให้ผู้คนพิสูจน์ว่า พวกเขาไม่ได้เป็นหนี้ ซึ่งนั่นรวมถึงการสืบค้นที่ลึกลงไปในบันทึกทางธนาคาร และบางครั้งก็ต้องสืบลงไปจนถึงเพย์สลิป บ่อยครั้งที่หลายคนพบว่า มันเป็นเรื่องยากลำบาก โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ชายขอบของสังคม และผู้ที่เผชิญกับความยากลำบาก รวมถึงคนที่ต้องเปลี่ยนงานออยู่บ่อยครั้ง” นายทาวน์เซนด์กล่าว

นายทาวน์เซนด์ ร่วมกับหน่วยงานช่วยเหลือทางกฎหมายของรัฐวิกตอเรีย (Victoria Legal Aid) ได้ทำสำนวนคดียื่นฟ้องระบบโรโบเดบ์ทเป็นรายแรก ในนามของ นางแมเดอเลน มาสเตอร์ตัน พยาบาลคนหนึ่ง โดยในระหว่างการดำเนินคดีดังกล่าว Centrelink ได้ยกเว้นหนี้ของเธอเป็นจำนวนเงิน $4,000 ดอลลาร์ และออกมายอมรับว่า หนี้สินของเธอนั้นเป็นความผิดพลาดจากระบบ

และในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พวกเขาได้ยื่นฟ้องต่อระบบโรโบเดบ์ทอีกครั้งเป็นรายที่สอง ในนามของ ดีแอนนา อามาโต 

ทั้งนี้ แถลงการณ์จาก นายแฮงก์ จอนเกน ผู้จัดการทั่วไป กระทรวงบริการมนุษย์ ระบุว่า คณะทำงานของกระทรวงฯ กำลังเร่งให้ความช่วยเหลือกับผู้ที่ประสบปัญหาจากระบบโรโบเดบ์ท

รายการ เดอะ ฟีด ได้ขอสัมภาษณ์กับ นายสจ็วต โรเบิร์ต รัฐมนตรีหน่วยงานด้านบริการของรัฐ แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับใดๆ 

รายการ เอสบีเอส ไทย ออนไลน์ ออกอากาศสดหนึ่งชั่วโมงเต็ม กดฟังได้ที่เว็บไซต์  ทุกจันทร์และพฤหัสบดี 22.00 น. (เวลาซิดนีย์/เมลเบิร์น) หลังจากนั้นฟังซ้ำได้ทุกเมื่อ

ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่ 

Share
Published 5 August 2019 4:00pm
Updated 6 August 2019 12:12pm
By Emily Jane Smith
Presented by Tinrawat Banyat
Source: The Feed


Share this with family and friends