รัฐบาลขอให้ ATAGI ทบทวนระยะห่างการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อรับมือโอไมครอน

รัฐบาลสหพันธรัฐของออสเตรเลียขอให้ทุกฝ่ายอย่างตื่นตระหนก หลังมีการยืนยันว่าโอไมครอน เชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ที่แพร่ระบาดได้ง่ายขึ้น ได้มาถึงออสเตรเลียแล้ว

Minister for Health Greg Hunt and Chief Health Officer Paul Kelly at a press conference at Parliament House in Canberra, Monday, November 29, 2021.

Minister for Health Greg Hunt and Chief Health Officer Paul Kelly at a press conference at Parliament House in Canberra, Monday, 29 November, 2021. Source: AAP

รัฐมนตรีสาธารณสุข เกร็ก ฮันต์ ได้ขอให้กลุ่มที่ปรึกษาด้านเทคนิคเกี่ยวกับการสร้างภูมิคุ้มกันโรคแห่งออสเตรเลีย (Australian Technical Advisory Group on Immunisation หรือ ATAGI) ทบทวนคำแนะนำด้านสุขภาพเกี่ยวกับวัคซีนเข็มกระตุ้น ขณะมีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นจากเชื้อสายพันธุ์โอไมครอน (Omicron) ซึ่งเป็นเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่

“เราจะ... อนุญาตให้พวกเขาดำเนินการอย่างอิสระและเราจะปฏิบัติตามคำแนะนำของพวกเขาต่อไป แต่เราเตรียมวัคซีนที่จะฉีดให้ประชาชนเอาไว้” นายฮันต์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันจันทร์ (29 พ.ย.)

“เราเป็นหนึ่งในประเทศแรกสุดในโลก รองจากอิสราเอล ที่มีโครงการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้คนทั้งประเทศ หากพวกเขาแนะนำให้มีการเปลี่ยนแปลง เราจะปฏิบัติตามการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น”

ผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นนั้น ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไปและต้องได้รับวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 2 ไปแล้วอย่างน้อย 6 เดือน จึงจะมีสิทธิ์ได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 เข็มกระตุ้นได้

รัฐบาลออสเตรเลียจะขอคำแนะนำจาก ATAGI ว่าระยะเวลาหกเดือนสำหรับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นควรจะลดลงหรือไม่

สหราชอาณาจักรได้ลดระยะเวลาฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นหลังฉีดวัคซีนเข็มที่สอง 5 เดือน เพื่อพยายามเร่งโครงการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้เร็วขึ้น

ข่าวดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่รัฐบาลออสเตรเลียได้สั่งห้ามผู้ที่ไม่ใช่พลเมืองออสเตรเลียจาก 9 ประเทศในภูมิภาคทางตอนใต้ของแอฟริกาเข้าเดินทางเข้าออสเตรเลียเป็นการชั่วคราว และกำหนดให้ชาวออสเตรเลียที่เคยไปยังประเทศเหล่านั้นในช่วง 14 วันที่ผ่านมาต้องกักตัว 14 วัน

ผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศทั้งหมดในรัฐนิวเซาท์เวลส์และวิกตอเรียจะต้องกักตัวที่บ้านเป็นเวลา 72 ชั่วโมง
Australia's Chief Medical Officer Paul Kelly.
Australia's Chief Medical Officer Paul Kelly. Source: AAP
ศาสตราจารย์ พอล เคลลี ประธานเจ้าหน้าที่การแพทย์ของสหพันธรัฐกล่าวว่า ไม่มีหลักฐานชี้ว่าวัคซีนโควิด-19 มีประสิทธิภาพลดลงในการต้านเชื้อสายพันธุ์โอไมครอน

“เราไม่มีหลักฐานในเรื่องนี้ และทั้งไฟเซอร์และโมเดอร์นาก็สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วในการผลิตวัคซีน หากเรามีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งนั่นเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญ” ศ.เคลลี กล่าว

นายฮันต์กล่าวว่า เขาได้พูดคุยกับผู้บริหารระดับสูงของไฟเซอร์และโมเดอร์นา สาขาออสเตรเลีย ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“ผมขอยืนยันว่า เนื่องจากสัญญาของเราได้เตรียมพร้อมสำหรับเรื่องเชื้อสายพันธุ์ใหม่ต่างๆ หากมีจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ พวกเขาก็พร้อมและเราพร้อม” นายฮันต์ รัฐมนตรีสาธารณสุขสหพันธรัฐ กล่าว

นายฮันต์กล่าวว่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับคำแนะนำการเดินทางจากรัฐบาลออสเตรเลีย นอกจากสำหรับ 9 ประเทศในแถบแอฟริกาใต้ตอนใต้ ที่รัฐบาลบังคับใช้คำแนะนำ "ห้ามเดินทาง" ระดับ 4

“เมื่อคริสต์มาสใกล้เข้ามา ขอให้รู้ว่าในหมู่ประเทศต่างๆ ในโลก ออสเตรเลียนั้นมีความพร้อมเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ”

คณะกรรมธิการความมั่นคงแห่งชาติของออสเตรเลียจะทบทวนกำหนดการเปิดประเทศอีกครั้งสำหรับนักเรียนต่างชาติและผู้ถือวีซ่า ท่ามกลางสถานการณ์การพบเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนนี้

คณะกรรมการจะประชุมกันในบ่ายวันจันทร์ (29 พ.ย.) เพื่อพิจารณาว่าออสเตรเลียจะเปิดพรมแดนอีกครั้งสำหรับผู้ถือวีซ่าที่ฉีดวัคซีนครอบสองโดส ทั้งแรงงานทักษะและนักศึกษาต่างชาติในวันพุธที่ 1 ธันวาคมเป็นต้นไปตามกำหนดได้หรือไม่

ผู้นำระดับรัฐบาลกลางและผู้นำรัฐบาลรัฐและมณฑลต่างๆ จะประชุมกันภายใน 24 ชั่วโมงข้างหน้านี้เพื่อพิจารณาการตอบสนองต่อเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ของออสเตรเลีย
นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน เรียกร้องให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบ หลังจากได้รับการยืนยันการพบเชื้อสายพันธุ์ใหม่นี้ในผู้ที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนแล้ว 2 รายซึ่งเดินทางจากแอฟริกาใต้ซึ่งมาถึงซิดนีย์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

“เป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องพิจารณาข้อมูลนี้อย่างใจเย็นและรอบคอบ เราต้องร่วมมือกัน ต้องตัดสินใจทำสิ่งที่จำเป็น และนั่นคือสิ่งที่ทุกคนกำลังทำอยู่” นายมอร์ริสันกล่าวกับเซเวน เนตเวิร์ก (Seven Network) ในวันจันทร์ (29 พ.ย.)

ศ.พอล เคลลี ประธานเจ้าหน้าที่ทางการการแพทย์ของสหพันธรัฐ กล่าวว่า ทางการกำลังพิจารณาอย่างละเอียดว่าเชื้อโอมิครอนส่งผลอย่างไรในด้านการแพร่กระจายและประสิทธิภาพของวัคซีน

“แน่นอนว่ามันแพร่เชื้อจากคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่งได้ค่อนข้างง่าย หรืออย่างน้อยก็แพร่เชื้อได้ง่ายเช่นเดียวกับเชื้อสายพันธุ์เดลต้า และนั่นจึงหมายความว่ามันจะแพร่ระบาด” ศ.เคลลี กล่าวกับสถานีโทรทัศน์เอบีซี

“ในแง่ของวัคซีน ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าที่ชี้ว่ามีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้ว่าเราจะต้องรอคำแนะนำเพิ่มเติมและรอการศึกษาวิจัยในห้องปฏิบัติการที่จะมีออกมาในอีกไม่กี่วันและไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า” ศ.พอล เคลลี กล่าว


คุณสามารถอ่านข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) เป็นภาษาไทยได้

หากคุณมีอาการของไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ให้ติดต่อขอรับการตรวจเชื้อได้ด้วยการโทรศัพท์ไปยังแพทย์ประจำตัวของคุณ หรือโทรศัพท์ติดต่อสายด่วนให้ข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (Coronavirus Health Information Hotline) ที่หมายเลข 1800 020 080

คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share
Published 29 November 2021 5:05pm
By Eden Gillespie
Presented by Parisuth Sodsai
Source: SBS News


Share this with family and friends