มีการรณรงค์ให้ผู้คนลดการดื่มแอลกอฮอล์ที่มากไปช่วงโควิด

ประชาชนในออสเตรเลียร้อยละ 12 ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกวัน นับตั้งแต่การระบาดใหญ่ของเชื้อไวรัสโคโรนาเริ่มต้นขึ้น จากผลการสำรวจล่าสุดของมูลนิธิแอลกอฮอล์และยาเสพติด

A new campaign seeks to raise awareness of how to break bad habits formed during COVID lockdowns.

A new campaign seeks to raise awareness of how to break bad habits formed during COVID lockdowns. Source: AAP

การสำรวจพบว่า ประชาชนในออสเตรเลียจำนวนไม่น้อยเริ่มติดนิสัยใหม่ในช่วงล็อกดาวน์เพื่อลดการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา โดยประชาชนเกือบ 1 ใน 8 คนดื่มแอลกอฮอล์ทุกวันนับตั้งแต่การระบาดใหญ่ของเชื้อไวรัสโคโรนาเริ่มต้นขึ้น

มูลนิธิแอลกอฮอล์และยาเสพติด (Alcohol and Drug Foundation) ได้สำรวจประชาชนกว่า 1,000 คน ซึ่งในจำนวนนั้นมีผู้คนมากจนน่าวิตก ที่รายงานว่าพวกเขาดื่มแอลกอฮอล์มากกว่าปกติ

1 ใน 10 คน รายงานว่าดื่มแอลกอฮอล์มากกว่า 10 แก้วมาตรฐานต่อสัปดาห์ ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดความเจ็บป่วยอันมีสาเหตุมาจากแอลกอฮอล์ และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรค เช่น มะเร็ง
ศาสตราจารย์ เทร์รี บาลส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างนิสัย จากมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น กล่าวว่า คนจำนวนมากเริ่มมีพฤติกรรมที่ติดเป็นนิสัยใหม่ นับตั้งแต่การระบาดใหญ่ของเชื้อไวรัสโคโรนาเริ่มขึ้น

“พฤติกรรมที่เป็นกิจวัตร ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อชีวิตของเราได้นั้น ใช้เวลาไม่นานที่จะเริ่มติดเป็นนิสัย”ศ.บาลส์ กล่าว

“ดังนั้น เมื่อข้อจำกัดต่างๆ เริ่มผ่อนคลายในหลายพื้นที่ทั่วออสเตรเลียและพวกเราผุดขึ้นมาจากการแยกตัวเพื่อลดการระบาดของเชื้อไวรัสที่กินเวลาหลายเดือน พวกเราก็ได้ผ่านช่วงเวลาน้อยที่สุดที่ต้องใช้เพื่อการสร้างนิสัยใหม่ไปแล้ว”

ประชาชนเกือบ 1 ใน 5 กล่าวว่า พวกเขาหวังว่าตนเองได้ดื่มแอลกอฮอล์น้อยลงในช่วงล็อกดาวน์ครั้งที่ผ่านมา และครึ่งหนึ่งหวังว่าจะลดการดื่มแอลกอฮอล์ให้น้อยลงในอนาคต

มีการเปิดเผยผลการสำรวจดังกล่าวในการเปิดตัวการรณรงค์โครงการใหม่เมื่อวันอาทิตย์ (9 ส.ค.) ที่ใช้ชื่อแคมเปญว่า "Break the Habit"  (หยุดนิสัยเดิม) เพื่อสร้างความตระหนักรู้ว่า นิสัยใหม่ที่เกิดขึ้นจะสามารถฝังรากลึกได้อย่างรวดเร็ว
การรณรงค์ดังกล่าวมุ่งจะกระตุ้นให้ผู้คนหันมาพิจารณาพฤติกรรมการดื่มแอลกอฮอล์ของตนในช่วงไม่นานมานี้ เพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถมองเห็นสัญญาณของปัญหา และแสดงให้ประชาชนเห็นว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่เป็นปัญหานั้นได้อย่างไร

การรณรงค์นี้ยังได้เน้นว่า โดยเฉลี่ยแล้วจะใช้เวลาเพียงแค่ 66 วันในการสร้างนิสัยใหม่ ซึ่งเป็นระยะเวลาเช่นเดียวกับการที่ประชาชนในออสเตรเลียจำนวนมากใช้ไปในช่วงล็อกดาวน์

แม้การดื่มแอลกอฮอล์ที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กก็สามารถกลายเป็นนิสัยที่ยากจะเปลี่ยนได้เมื่อเวลาผ่านไป

คุณเอริน ลาลอร์ ผู้อำนวยการบริหารของมูลนิธิแอลกอฮอล์และยาเสพติด กล่าวว่า ไม่น่าแปลกใจเลยที่ประชาชนจะมองหาวิธีการต่างๆ ที่จะรับมือกับการล็อกดาวน์

“ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมานั้นยากลำบากอย่างยิ่งสำหรับทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่ตกงาน ขาดการติดต่อกับสังคมภายนอก และผู้ที่สูญเสียคนที่ตนรัก พวกเราจึงได้พยายามทำอย่างดีที่สุดภายใต้สถานการณ์ที่ท้าทายและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี้”

แต่ยิ่งนิสัยนี้ถูกปล่อยให้เกิดขึ้นต่อไปนานเท่าไร ก็ยิ่งยากขึ้นเท่านั้นที่จะเปลี่ยนแปลงนิสัยนั้นได้ ดร.ลาลอร์ กล่าว

เธอจึงขอให้ผู้คนที่มีปัญหาไปขอรับความช่วยเหลือ เพื่อให้สามารถช่วยให้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนี้ได้

“แม้วิธีการเล็กๆ น้อยๆ เช่น การเริ่มให้มีวันที่คุณไม่ดื่มแอลกอฮอล์เลยในแต่ละสัปดาห์ หรือดื่มให้น้อยลง 1 แก้วในแต่ละวัน ก็สามารถส่งผลที่มีอานุภาพได้”

ผู้อ่านที่ต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อบริการ Lifeline ที่หมายเลขโทรศัพท์ 13 11 14 หรือ Suicide Call Back Service ที่ 1300 659 467 และ Kids Helpline ที่ 1800 55 1800 (สำหรับเยาวชนที่อายุระหว่าง 5-25 ปี)

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ และ
สายด่วนให้คำปรึกษาปัญหาแอลกอฮอล์และยาเสพติด
สายด่วนให้คำปรึกษาปัญหาแอลกอฮอล์และยาเสพติด Source: SBS Radio

ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เขตมหานครของเมลเบิร์น (Metropolitan Melbourne) อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ระดับ 4 และจะต้องปฏิบัติตามการห้ามออกจากเคหสถานระหว่างเวลา 20.00 น.-5.00 น.

ในระหว่างช่วงเวลาที่ห้ามออกจากเคหสถาน ประชาชนในเมลเบิร์นจะสามารถออกจากบ้านได้ เพื่อไปทำงาน หรือไปรับบริการด้านสุขภาพหรือไปรับการดูแลที่จำเป็น หรือเพราะเหตุผลด้านความปลอดภัยเท่านั้น

ระหว่างเวลา 5.00 น. เป็นต้นไปจนถึงเวลา 20.00 น. ประชาชนในเมลเบิร์นจะสามารถออกจากบ้านได้ เพื่อออกกำลังกาย เพื่อไปซื้อของจำเป็นและไปรับบริการที่จำเป็น ไปทำงาน ไปรับบริการด้านสุขภาพ หรือไปให้การดูแลญาติที่ป่วยหรือผู้สูงอายุเท่านั้น

รายละเอียดข้อจำกัดทั้งหมดสามารถดูได้  ชาวรัฐวิกตอเรียทุกคนจะต้องสวมหน้ากากหรือผ้าปกคลุมจมูกและปากเมื่อออกจากเคหสถาน ไม่ว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ในพื้นที่ใด

ประชาชนในออสเตรเลียต้องอยู่ห่างกับผู้อื่นอย่างน้อย 1.5 เมตร คุณสามารถตรวจดูว่ามีข้อจำกัดใดบ้างที่บังคับใช้อยู่ในรัฐและมณฑลของคุณ 

การตรวจเชื้อไวรัสโคโรนาขณะนี้สามารถทำได้ทั่วออสเตรเลีย หากคุณมีอาการของไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ให้ติดต่อขอรับการตรวจเชื้อได้ด้วยการโทรศัพท์ไปยังแพทย์ประจำตัวของคุณ หรือโทรศัพท์ติดต่อสายด่วนให้ข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (Coronavirus Health Information Hotline) ที่หมายเลข 1800 020 080

รัฐบาลสหพันธรัฐออสเตรเลียยังได้มีแอปพลิเคชัน COVIDSafe เพื่อติดตามและแจ้งเตือนผู้ที่พบปะใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งคุณสามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้จากแอปสโตร์ (app store) สำหรับโทรศัพท์มือถือของคุณ อ่านเกี่ยวกับแอปพลิเคชันนี้ 

คุณสามารถอ่านข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) เป็นภาษาไทยได้

ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่ 

Share
Published 11 August 2020 11:10am
Updated 11 August 2020 12:47pm
By SBS News
Presented by Parisuth Sodsai
Source: AAP, SBS


Share this with family and friends