เรียกร้องออสเตรเลียห้ามสายการบินบรูไนเข้า เหตุโทษประหารเกย์เซ็กส์

NEWS: มีการเริ่มร้องเรียนให้รัฐบาล “ผูกมัดต่อการห้ามสายการบินรอยัลบรูไนบินเข้าและออกจากออสเตรเลีย” โดยอ้างว่าเป็นอันตรายต่อชาวออสเตรเลียซึ่งไม่ทราบและอาจตกเป็นเหยื่อของกฎหมายที่เข้มงวด

Image of a Royal Brunei airliner

คำร้องเรียนจนถึงขณะนี้มีผู้ลงชื่อแล้วกว่า 13,000 คน Source: AAP

You can read the full version of this story in English on SBS News .

ได้มีการยื่นร้องเรียนเพื่อห้ามมิให้สายการบินรอยัลบรูไนลงจอดในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งก็เริ่มได้รับความสนใจ โดย หยังจากที่บรูไนได้เริ่มใช้

การยื่นร้องเรียนดังกล่าวได้พุ่งเป้าไปยังรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเงา (Shadow Minister) ด้านการขนส่ง(ของออสเตรเลีย) โดยเรียกร้องให้รัฐบาล “ผูกมัดต่อการห้ามสายการบินรอยัลบรูไนบินเข้าและออกจากออสเตรเลีย”
A petition is calling for Royal Brunei Airlines to be banned from landing in Australia.
A petition is calling for Royal Brunei Airlines to be banned from landing in Australia. Source: AAP
โดยคำร้องเรียนที่จนถึงขณะนี้มีผู้ลงชื่อแล้วกว่า 13,000 คนมีเนื้อความว่า “สิ่งสุดท้ายที่คุณหวังว่าจะเกิดขึ้นเมื่อคุณขึ้นไปบนเที่ยวบินจากประเทศออสเตรเลียในฐานะประชาชนซึ่งปฏิบัติตัวตามกฎหมาย - ก็คือการเข้าไปมีความเสี่ยงอย่างแท้จริงต่อการตกเป็นเหยื่อของกฎหมายอันน่าตกใจ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้คุณถูกจำคุกหรือแม้กระทั่งถูกประหารชีวิต”

“แต่เรื่องนั้นก็เป็นเรื่องจริงสำหรับผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTIQ) ชาวออสเตรเลีย ในขณะนี้ที่บรูไนได้เริ่มใช้กฎหมายซึ่งอาจทำให้คนที่เป็นเกย์ถูกปาด้วยหินจนเสียชีวิตได้” (stoned to death)

ณ ประเทศขนาดเล็กในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งดังกล่าว การรักร่วมเพศเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายมาตลอด ทว่าตั้งแต่เมื่อวานนี้ (3 เม.ย.) กฎหมายอิสลามฉบับใหม่ที่เข้มงวดก็ได้เริ่มมีผลบังคับใช้ ซึ่งให้การร่วมเพศแบบเกย์ (gay sex) เป็นการกระทำความผิดที่สามารถถูกลงโทษได้ด้วยการถูกปาด้วยหินจนเสียชีวิต
Brunei's Sultan Hassanal Bolkiah
Brunei's Sultan Hassanal Bolkiah at a procession as part of the Golden Jubilee celebrations in Brunei in October 2017. Source: EPA
กฎต่างๆ นั้นมีรากฐานอยู่บนการตีความอย่างเข้มงวดที่สุดต่อกฎหมายชารีอะห์ซึ่งเป็นกฎหมายอิสลามอันมีรากฐานมาจากคัมภีร์อัลกุรอาน ซึ่งยังสั่งให้ตัดแขนสำหรับการลักขโมย

หากอ้างอิงจาก ประมวลโทษของกฎหมายชารีอะห์ในฉบับเต็มนั้นอาจรวมไปถึงการประหารชีวิต - ซึ่งจะมีผลต่อชาวมุสลิม ผู้ที่ไม่ใช่ชาวมุสลิม และชาวต่างชาติผู้อยู่บนอากาศยานและยานพาหนะซึ่งขึ้นทะเบียนประเทศบรูไน

นักกิจกรรมผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTIQ+) นายนีล ฟาโรห์ ผู้เขียนคำร้องเรียน กล่าวกับเอสบีเอสนิวส์ว่าสายการบินรอยัลบรูไนเป็นสายการบินเดียวซึ่งมีสิทธิ์ลงจอดในประเทศออสเตรเลีย ที่สามารถลงโทษการรักร่วมเพศได้ด้วยการประหารชีวิต

เมื่อวานนี้ (3 เม.ย.) สายการบินเวอร์จินออสเตรเลียได้ยกเลิกข้อตกลงการเดินทางของพนักงานกับสายการบินรอยัลบรูไนโดยอ้างว่าเนื่องจากกฎหมายใหม่ดังกล่าว

“เราได้ทำการตัดสินใจเพื่อยุติข้อตกลงข้อหนึ่งสำหรับการเดินทางพักผ่อนของพนักงานกับสายการบินรอยัลบรูไนตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยข้อตกลงการเดินทางของพนักงานนั้นมีไว้เพื่อวัตถุประสงค์เดียวคือเพื่อผลประโยชน์ด้านการเดินทางพักผ่อนของพนักงานเท่านั้น” โฆษก(ของสายการบินเวอร์จิน)คนหนึ่งกล่าวกับเอสบีเอสนิวส์

โฆษกคนดังกล่าวยังเสริมว่า ทางสายการบินมิได้ขายที่นั่งของสายการบินรอยัลบรูไน แต่ภายใต้ข้อตกลงที่แยกต่างหากอีกข้อตกลงหนึ่ง สายการบินบรูไนนั้นขายที่นั่งบนเครื่องบินของสายการบินเวอร์จิในเส้นทางบินในประเทศบางเส้นทาง
ที่สหรัฐอเมริกา โรงแรมต่างๆ ซึ่งสุลต่านบรูไนทรงเป็นเจ้าของก็เผชิญกับการคว่ำบาตร โดยเหล่าดารารวมถึงจอร์จ คลูนี เอลตัน จอห์น และ เอลเลน ดีเจเนอเรส เป็นผู้สนับสนุนการลงมือในเรื่องดังกล่าว

“ทุกๆ ครั้งที่เราเข้าพัก ไปประชุม หรือรับประทานอาหารที่โรงแรมแห่งใดแห่งหนึ่งจากเก้าแห่งนี้ เราก็เอาเงินใส่ลงไปโดยตรงในประเป๋าของชายซึ่งเลือกที่จะปาหินและใช้แส้ฟาดประชาชนของพวกเขาเองจนเสียชีวิตเนื่องจากเป็นเกย์หรือถูกกล่าวหาว่าคบชู้” นายคลูนี เขียนในบทความบนเว็บไซต์เดดไลน์ (Deadline)

กระทรวงการต่างประเทศและพาณิชย์(ของออสเตรเลีย) กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า ทางกระทรวงฯ “ถือว่าประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับนักเดินทางชาวออสเตรเลียรวมถึงผู้ที่มาจากชุมชนซึ่งมีความหลากหลายทางเพศ (LGBTI) นั้นเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก”

ในการออกมหาสมาคมเมื่อวันพุธ สุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์ ทรงเรียกร้องให้มีการสอนหนังสืออิสลามที่แข็งแกร่งขึ้น แต่มิได้ทรงมีพระราชดำรัสถึงประมวลโทษฉบับใหม่

“ข้าพเจ้าต้องการเห็นการสอนหนังสืออิสลามที่ประเทศนี้เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง” พระองค์ทรงมีพระราชดำรัส ในการถ่ายทอดสดพระราชดำรัสจากศูนย์ประชุมแห่งหนึ่งใกล้กับนครหลวงกรุงบันดาร์เซอรีเบกาวัน

สุลต่านพระองค์ดังกล่าว ซึ่งได้ทรงเสวยพระราชสมบัติมาเป็นระยะเวลาห้าปีแล้ว ยังได้ทรงยืนยันว่าประเทศบรูไนนั้นเป็นประเทศที่ “ยุติธรรม” และสภาพแวดล้อมสำหรับนักท่องเที่ยวนั้น “ปลอดภัยและสมานฉันท์”

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ของรัฐบาล(บรูไน)ก็ได้ออกยืนยันว่า กฎหมายต่างๆ ดังกล่าวนั้นได้มีผลบังคับใช้แล้ว

“แถลงการณ์จากสำนักนายกรัฐมนตรีเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับการนำ(กฎหมายดังกล่าว)มาใช้นั้นยังคงเดิม ดังนั้น (วันที่ 3 เมษายน) จึงเป็นวันที่ของการนำไปใช้” เจ้าหน้าที่จากกระทรวงกิจการศาสนา (Religious Affairs Ministry) คนหนึ่งกล่าวกับเอเอฟพี

ติดตามฟังรายการ เอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  ทุกวันจันทร์และวันพฤหัสบดี เวลา 22.00 น.

ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่ 

Share
Published 4 April 2019 4:29pm
Updated 4 April 2019 9:42pm
By Maani Truu
Presented by SBS Thai
Source: AAP, AFP, Twitter, EPA, SBS


Share this with family and friends