เกือบทั้งหมดของการติดเชื้อโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในการระบาดระลอกสองของรัฐวิกตอเรีย พบร่องรอยที่สามารถสาวไปถึงผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศที่กักโรคอยู่ในโรงแรมสองแห่ง โดยได้มีการแจ้งข้อมูลเรื่องนี้ในการไต่สวนหาความจริงเกี่ยวกับโครงการกักโรคในโรงแรมของรัฐวิกตอเรีย
นพ.ชาร์ลส์ อัลเพรน นักระบาดวิทยา ของกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์ของรัฐวิกตอเรีย ยืนยันเมื่อวันอังคาร (18 ส.ค.) ว่า ร้อยละ 99 ของกรณีการติดเชื่อไวรัสโคโรนาที่เกิดขึ้นในรัฐวิกตอเรียขณะนี้ เชื่อมโยงกับโรงแรม ริดเจส ออน สวอนสตัน (Rydges on Swanston) และโรงแรม สแตมฟอร์ด พลาซา (Stamford Plaza)
เขากล่าวว่า การระบาดที่เกิดขึ้นที่โรงแรมริดเจส เริ่มขึ้นจากครอบครัวที่มีสมาชิก 4 คนที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศในวันที่ 9 พฤษภาคม
พวกเขาถูกนำตัวไปยังโรงแรมแห่งนี้เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม และสมาชิกทั้ง 4 คนของครอบครัวนี้มีผลการตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นบวกในวันที่ 18 พฤษภาคม
ในวันที่ 25 พฤษภาคม พนักงานโรงแรมดังกล่าว 3 คนได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อโควิด-19
ภายในกลางเดือนมิถุนายน พนักงานและผู้พบปะใกล้ชิดทั้งหมด 17 คนพบผลการตรวจเชื้อเป็นบวก
จากนั้น เชื้อไวรัสโคโรนาได้แพร่กระจายไปในชุมชน
ขณะเดียวกัน พนักงานโรงแรมสแตมฟอร์ด พลาซาและผู้พบปะใกล้ชิด รวม 46 คนถูกพบว่าติดเชื้อโควิด-19 จากชายผู้หนึ่งที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน และจากสามีภรรยาคู่หนึ่งที่เดินทางกลับมาในวันที่ 11 มิถุนายนหลังจากได้ทำการวิเคราะห์การหาลำดับคู่เบสในสายดีเอ็นเอ (genomic sequencing) ของกรณีการติดเชื้อที่กำลังเกิดขึ้นในวิกตอเรีย 5,395 ราย นพ.อัลเพรน กล่าวว่า กรณีการติดเชื้อ 3,594 รายสามารถเชื่อมโยงกลับไปถึงโรงแรม ริดเจส
Stamford Plaza Oteli Source: AAP
การระบาดที่นั่นยังเชื่อมโยงกับกรณีการติดเชื้อเป็นกลุ่มอื่นๆ อีก 24 กรณี
“เป็นไปได้สูงว่า ราวร้อยละ 99 ของกรณีการติดเชื้อโควิด-19 ที่กำลังเกิดขึ้นในรัฐวิกตอเรีย เกิดขึ้นจากโรงแรมริดเจส หรือสแตมฟอร์ด” นพ.อัลเพรน กล่าว
“แต่ผมไม่สามารถระบุเจาะจงลงไปได้ว่ากี่กรณีหรือเป็นสัดส่วนเท่าไร ที่เกิดขึ้นมาจากการระบาดเหล่านั้นแต่ละเหตุการณ์”
“แต่เป็นไปได้สูงว่า ส่วนใหญ่ อย่างที่ผมระบุในคำแถลงว่า ราวร้อยละ 90 หรือมากกว่านั้น ที่กรณีการติดเชื้อโควิด-19 ในวิกตอเรีย สามารถสาวกลับไปถึงโรงแรมริดเจส"
ฟังเกี่ยวกับสถานการณ์ในรัฐวิกตอเรีย
LISTEN TO
เปิดใจคนไทยใกล้คนติดโควิด
SBS Thai
18/08/202020:17
ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เขตมหานครของเมลเบิร์น (Metropolitan Melbourne) อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ระดับ 4 และจะต้องปฏิบัติตามการห้ามออกจากเคหสถานระหว่างเวลา 20.00 น.-5.00 น.
ในระหว่างช่วงเวลาที่ห้ามออกจากเคหสถาน ประชาชนในเมลเบิร์นจะสามารถออกจากบ้านได้ เพื่อไปทำงาน หรือไปรับบริการด้านสุขภาพหรือไปรับการดูแลที่จำเป็น หรือเพราะเหตุผลด้านความปลอดภัยเท่านั้น
ระหว่างเวลา 5.00 น. เป็นต้นไปจนถึงเวลา 20.00 น. ประชาชนในเมลเบิร์นจะสามารถออกจากบ้านได้ เพื่อออกกำลังกาย เพื่อไปซื้อของจำเป็นและไปรับบริการที่จำเป็น ไปทำงาน ไปรับบริการด้านสุขภาพ หรือไปให้การดูแลญาติที่ป่วยหรือผู้สูงอายุเท่านั้น
รายละเอียดข้อจำกัดทั้งหมดสามารถดูได้ ชาวรัฐวิกตอเรียทุกคนจะต้องสวมหน้ากากหรือผ้าปกคลุมจมูกและปากเมื่อออกจากเคหสถาน ไม่ว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ในพื้นที่ใด
ประชาชนในออสเตรเลียต้องอยู่ห่างกับผู้อื่นอย่างน้อย 1.5 เมตร คุณสามารถตรวจดูว่ามีข้อจำกัดใดบ้างที่บังคับใช้อยู่ในรัฐและมณฑลของคุณ
การตรวจเชื้อไวรัสโคโรนาขณะนี้สามารถทำได้ทั่วออสเตรเลีย หากคุณมีอาการของไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ให้ติดต่อขอรับการตรวจเชื้อได้ด้วยการโทรศัพท์ไปยังแพทย์ประจำตัวของคุณ หรือโทรศัพท์ติดต่อสายด่วนให้ข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (Coronavirus Health Information Hotline) ที่หมายเลข 1800 020 080
รัฐบาลสหพันธรัฐออสเตรเลียยังได้มีแอปพลิเคชัน COVIDSafe เพื่อติดตามและแจ้งเตือนผู้ที่พบปะใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งคุณสามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้จากแอปสโตร์ (app store) สำหรับโทรศัพท์มือถือของคุณ อ่านเกี่ยวกับแอปพลิเคชันนี้
ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่
เรื่องราวที่น่าสนใจจากเอสบีเอส ไทย
ใจกลางซิดนีย์ถูกประกาศเป็นฮอตสปอตโควิด