ปีการเงินใหม่เกือบมาถึงแล้ว และที่มาพร้อมกันคือการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ที่จะกระทบเงินในกระเป๋าของคุณ
นี่คือสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้
เงินซูเปอร์ (เงินสะสมหลังเกษียณ)
ซึ่งก็คือจำนวนเงินซูเปอร์ขั้นต่ำตามกฎหมายที่นายจ้างต้องจ่ายให้คุณ จะเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 10.5 เป็นร้อยละ 11
ชาวออสเตรเลียสูงอายุจะสามารถนำเงินมากขึ้นอีก 200,000 ดอลลาร์เข้าสู่กระแสรายได้ช่วงเกษียณ (retirement phase income stream) ซึ่งปลอดภาษี ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งแทนการถอนเงินซูเปอร์เป็นเงินก้อน โดยจำนวนเงินในกระแสรายได้ช่วงเกษียณที่ปลอดภาษีเพิ่มขึ้นจาก 1.7 ล้านดอลลาร์ เป็น 1.9 ล้านดอลลาร์
แต่จำนวนเงินที่ผู้เกษียณต้องถอนออกมาจากกองทุนเงินซูเปอร์เข้าสู่กระแสรายได้ (draw down rates) ซึ่งสามารถถอนน้อยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของอัตราเงินบำนาญนั้น มาตรการชั่วคราวนี้จะสิ้นสุดลง จึงหมายความว่า ผู้เกษียณที่ใช้กองทุนเงินซูเปอร์เป็นกระแสรายได้จะต้องถอนเงินออกจากกองทุนซูเปอร์ของตนมากขึ้นในแต่ละปี
ค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น
ค่าจ้างขั้นต่ำและค่าจ้างขั้นต่ำตามประเภทอุตสาหกรรมจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.75 แม้ว่าที่จริงแล้วจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 สำหรับผู้ได้รับค่าจ้างขั้นต่ำเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคนิค
ในทางปฏิบัติ ค่าจ้างขั้นต่ำจะเพิ่มขึ้นเป็น 882.80 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ หรือ 23.23 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง
พนักงานผู้ดูแลผู้สูงอายุบางส่วนจะได้รับการขึ้นค่าจ้างร้อยละ 15 ในวันที่ 30 มิถุนายน
เงินบำนาญผู้สูงอายุ
ชาวออสเตรเลียสูงอายุจะต้องรอจนกว่าจะอายุ 67 ปีเสียก่อน โดยเพิ่มขึ้นจากเดิม 66 ปี 6 เดือน จึงจะสามารถยื่นขอรับเงินบำนาญผู้สูงอายุ (Age pension) ได้
บริการดูแลเด็ก
ครอบครัวที่มีรายได้น้อยกว่า 80,000 ดอลลาร์ต่อปี อาจมีสิทธิ์ได้รับเงินชดเชยสำหรับร้อยละ 90 ของค่าใช้บริการเลี้ยงดูบุตร ซึ่งรัฐบาลสหพันธรัฐจะช่วยจ่ายให้
รายได้ครัวเรือนสูงสุดสำหรับผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับเงินชดเชยนี้จะเพิ่มขึ้นจากราว 346,000 ดอลลาร์เป็น 530,000 ดอลลาร์
ความช่วยเหลือเรื่องค่าไฟ
ในวันที่ 1 กรกฎาคม Default Market Offer หรือ DMO หรือราคาค่าไฟเริ่มต้นที่เรียกเก็บได้สูงสุดสำหรับรัฐนิวเซาท์เวลส์ เซาท์ออสเตรเลีย และพื้นที่ตะวันออกเฉียงใต้ของควีนส์แลนด์ จะเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันรัฐบาลสหพันธรัฐได้มีความช่วยเหลือด้านราคาพลังงานให้แก่ประชาชน โดยร่วมมือกับรัฐบาลรัฐและมณฑลต่าง ๆ
โดยเป็นเงินชดเชยค่าครองชีพ 700 ดอลลาร์ ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับทุนจากกองทุน Energy Bill Relief Fund ของเครือจักรภพ และอีก 372 ดอลลาร์ภายใต้โครงการเงินคืนค่าไฟฟ้ารัฐควีนส์แลนด์
ครัวเรือนอื่น ๆ ทั้งหมดจะได้รับเงินช่วยเหลือค่าไฟฟ้า 550 ดอลลาร์
ครัวเรือนในรัฐวิกตอเรียที่เข้าเกณฑ์จะได้รับเงินช่วยเหลือ 250 ดอลลาร์ และผู้ที่ยังไม่ได้ยื่นของรับเงิน จะสามารถยื่นขอเงินช่วยเหลือเพิ่มอีก 250 ดอลลาร์ผ่าน
ครัวเรือนที่มีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ และแทสเมเนียจะได้รับเงินช่วยเหลือค่าไฟฟ้า 500 ดอลลาร์ในขณะที่ครัวเรือนในเวสเทิร์นออสเตรเลีย นอร์เทิร์น เทร์ริทอรี และเอซีที จะได้รับเงินช่วยเหลือ 175 ดอลลาร์
ธุรกิจขนาดเล็กบางแห่งจะมีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือค่าไฟฟ้าด้วย คุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก
การลางานเพื่อเลี้ยงดูบุตรโดยยังได้รับค่าจ้าง
สิทธิการลางานเพื่อเลี้ยงดูบุตรและเงินช่วยเหลือประเภท Dad and Partner Pay ที่จ่ายให้ช่วงดูแลบุตรแรกเกิด จะรวมกันเป็นเงินช่วยเหลือประเภทเดียวที่จะจ่ายให้ 20 สัปดาห์ ซึ่งคาดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อ 180,000 ครอบครัวต่อปี
พ่อหรือแม่เลี้ยงเดี่ยวจะมีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือเต็มจำนวน 20 สัปดาห์
ลูกมือฝึกหัดอาชีพในรัฐวิกตอเรีย
รัฐบาลของรัฐวิกตอเรียประกาศในร่างงบประมาณเดือนพฤษภาคมว่า ลูกมือฝึกหัดอาชีพ (apprentices) ในรัฐวิกตอเรียจะมีสิทธิ์ไม่ต้องจ่ายค่าจดทะเบียนรถรายปี โดยจะช่วยพวกเขาประหยัดเงินได้ถึง 865 ดอลลาร์ต่อปี
รายงานเพิ่มเติมจาก AAP
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ค่าเดินทางในออสฯ ขึ้นไวกว่าเงินเฟ้อ จะทำอย่างไรให้ประหยัด