กด ▶ ฟังพอดคาสต์ด้านบน
จิตแพทย์ชั้นนำคนหนึ่งของออสเตรเลียเปิดเผยเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ว่า
"คุณจะเห็นคนรุ่นใหม่ดื้นรนในภาวะเศรษฐกิจและสังคมที่บีบคั้นด้วยค่าครองชีพที่สูงลิบลิ่ว ความด้อยประสิทธิภาพของศักยภาพ คุณจะสูญเสียคนรุ่นต่อไปจำนวนมากจากปัญหาสุขภาพจิตที่ไม่ได้รับการแก้ไข ดังนั้นเราไม่ควรเพิกเฉย"
จิตแพทย์คนดังกล่าวคือผู้อำนวยการบริหารขององค์กรสุขภาพจิตเยาวชน โอรีเจน (Orygen) ศาสตราจารย์แพท แมคกอร์รี
ศาสตราจารย์ แมคกอร์รี ได้ส่งสาร์นนี้ความกังวลนี้ต่อรัฐสภาในสัปดาห์นี้ และพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะให้ทุกฝ่ายการเมืองเห็นชอบ
"เราอยากเห็นว่าถ้าเราใช้งบประมาณแก้ไขเรื่องนี้อย่างจริงจัง มันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันอยากเห็นคำมั่นสัญญาและการประกาศต่อสาธารณะก่อนที่จะมีการเลือกตั้งระดับประเทศ เรากำลังมีการหารือกับทุกฝ่าย ซึ่งผลการเจรจาเป็นไปในทางบวก ทั้งกับรัฐบาล ฝ่ายค้าน และสมาชิกสภาอิสระ"
ข้อเสนอที่ได้รับการปรับปรุงใหม่นี้มีขึ้นในขณะที่พบว่าระบบการจัดการด้านสุขภาพจิตของประชาชนทั่วประเทศมีประสิทธิภาพลดลงเพราะมีความต้องการสูง ด้วยเหตุนี้เองจึงมีความกังวลว่าคนรุ่นใหม่อาจไม่ได้รับการช่วยเหลือ
"มีกลุ่มคนหนุ่มสาวเกือบล้านคนที่ต้องการการดูแลสุขภาพจิตแบบเฉพาะทางมากขึ้น และในขณะนี้ระบบของรัฐกำลังล่มสลาย สุขภาพจิตของประชาชนในรัฐนิวเซาท์เวลส์กำลังอ่อนแอลง ในรัฐวิกตอเรียก็มีการจัดตั้งคณะกรรมาธิการไต่สวนระบบที่ขาดประสิทธิภาพ ปัญหานี้เกิดขึ้นในทุกรัฐและดินแดน รัฐบาลแห่งรัฐไม่สามารถจัดการกับปัญหานี้เพียงลำพังได้"
อ่านเพิ่มเติม
สุขภาพจิต: ปัญหาใหญ่ที่ไม่ควรมองข้าม
รายงานฉบับล่าสุดจาก มูลนิธิ เฮดสเปซ (headspace) เพื่อสุขภาพจิตของหนุ่มสาว (National Youth Mental Health Foundation headspace) ของมหาวิทยาลัยซิดนีย์
มีการเรียกร้องให้มีการปรับปรุงโครงสร้างของระบบสาธารณสุขที่ดูแลเรื่องสุขภาพจิต หลังจากที่พบว่าคนหนุ่มสาวที่มีความต้องการการรักษาทางจิตที่มีความซับซ้อนกำลังถูกทอดทิ้ง
ศูนย์คลินิก headspace ก่อตั้งขึ้นในปี 2007 ในขณะที่ออสเตรเลียมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเครือข่ายศูนย์สุขภาพจิตระดับปฐมภูมิระดับชาติสำหรับคนหนุ่มสาวที่ประสบปัญหาทางจิต
แต่เกือบสองทศวรรษต่อมาเห็นว่ามีความต้องการในด้านนี้แตกต่างไป จากสถิติของสำนักงานสถิติแห่งออสเตรเลียแสดงให้เห็นว่าในปี 2020 ร้อยละ 39 ของผู้ที่มีอายุ 16 ถึง 24 ปีมีอาการทางสุขภาพจิตนานกว่า 12 เดือน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 26 ในปี 2007
ซีอีโอของ headspace เจสัน เธรดโธวาน กล่าวว่าตัวเลขเหล่านี้เป็นผลมาจากการมุ่งเน้นยุทธศาสตร์การป้องกันแต่เนิ่นๆ
"เราภูมิใจที่มีคนหนุ่มสาวจำนวนมากกล้าขอความช่วยเหลือ บางครั้งอาจจะไม่ใช่เรื่องสุขภาพจิตเสมอไป บางครั้งอาจเป้นปัยหาสุขภาพกายทั่วไป หรือ ปัญหาสุขภาพทางเพศ สิ่งที่เราเห็นอยู่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าหลังโควิด เราเห็นจำนวนคนหนุ่มสาวมีความต้องการใช้บริการด้านนี้สูงขึ้นมาก เรากำลังพยายามอย่างดีที่สุดด้วยทรัพยากรเท่าที่เรามี"
อ่านเพิ่มเติม
ทำไมสุขภาพจิตของชาวออสเตรเลียถึง 'แย่ลง'?
ซีอีโอของ headspace กล่าวว่า โครงการนี้ต้องการการสนับสนุนเพิ่มเติมเพื่อดึงดูงและรักษาเจ้าหน้าที่สาธารณสุข
"เรากำลังดูว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะตั้งคลินิก headspace โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตเมืองใหญ่และพื้นที่ภูมิภาคด้วย เพื่อสามารถให้คนทุกเพศวัยสามารถเข้าถึงการบริการได้ เรามีศูนย์สุขภาพจิต Medicare ซึ่งได้รับงบประมาณมากกว่า headspace ถึง 3 เท่า"
"เมื่อพิจารณาถึงความจำเป็นในการช่วยเหลือคนหนุ่มสาวในช่วงอายุ 12 ถึง 25 ปีก่อนหน้านี้ เราเชื่อว่าถ้าเรามีทรัพยากรเพียงพอ เราจะสามารถดึงดูดและรักษาแพทย์และพนักงานอื่น ๆ ที่ทำงานในเฮดสเปซได้"
ส่วนศาสตราจารย์ฮิกกีกล่าวว่าการแก้ปัญหานี้ต้องทำมากกว่ากว่าการเพิ่มงบประมาณ
เขาเรียกร้องให้มีการปฏิรูปโครงสร้างของคลินิกเฮดสเปซ (headspace) ในระดับชาติ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่เฉพาะเจาะจงกับความต้องการ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
"มันเป็นการแก้ปัญหาหน้าด่านที่สำคัญมาก แต่นอกจากหน้าด่านที่มีประสิทธิภาพแล้ว เรายังต้องการระบบที่มีประสิทธิภาพ ใช้งานได้จริง มีการบริการที่เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งจะไม่ได้มีการบริหารจัดการจาก headspace เพียงอย่างเดียว ดังนั้นแค่การทุ่มงบประมาณให้ มากขึ้น ไม่ใช่หนทางแก้ปัญหา ดังนั้นองค์กรจะต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น ไม่ใช่แค่ภายใน headspace แต่ต้องรับผิดชอบทั้งระบบ "
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่