การเลือกปฏิบัติในที่ทำงานที่ผิดกฎหมายเกิดขึ้นในกรณีที่นายจ้างกระทำสิ่งที่ไม่ถึงประสงค์ต่อบุคคล เนื่องจากลักษณะเฉพาะของบุคคลนั้น เช่น เชื้อชาติ อายุ รสนิยมทางเพศ การตั้งครรภ์ หรือศาสนา รวมถึงลูกจ้างแบบฟูลไทม์ (full time) พาร์ทไทม์ (part time) และชั่วคราว (casual) ลูกจ้างในช่วงทดลองงาน (probationary employees) เด็กฝึกงาน (apprentices) หรือผู้ที่อยู่ในช่วงอบรมงาน (trainees) และผู้ที่ถูกว่าจ้างในช่วงเวลาที่กำหนดตามสัญญา
คุณแพทริก เทิร์นเนอร์ (Patrick Turner) ผู้ช่วยอาวุโสที่เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเรื่องการจ้างงานและอุตสาหกรรมที่ มอริส แบล็กเบิร์น ลอว์เยอร์ส (Maurice Blackburn Lawyers) ที่บริสเบน กล่าวว่า “การกระทำอันไม่พึงประสงค์ (adverse action)” เป็นศัพท์กฎหมายและอ้างอิงถึงการกระทำ เช่น การไล่ออก การออกคำสั่งที่กระทบต่อการทำงาน และการเปลี่ยนตำแหน่งโดยมีอคติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายหากไม่มีเหตุผลรองรับที่เพียงพอ
“ตัวอย่างเช่น การลดค่าจ้าง การลดตำแหน่ง การออกคำเตือน สิ่งเหล่านี้เป็นการสร้างผลกระทบต่อการทำงาน หรือการเปลี่ยนตำแหน่งลูกจ้างอย่างมีอคติ นอกจากนี้ยังรวมถึงการเลือกปฏิบัติต่อพนักงาน การกระทำอันไม่พึงประสงค์ยังรวมถึง การข่มขู่ว่าจะทำการอันไม่พึงประสงค์อีกด้วย”
คุณเมแกน พาปา (Meghann Papa) ทนายความอาวุโสที่แอนเดอร์สัน เกรย์ ลอว์เยอร์ส (Anderson Gray Lawyers) ที่ซิดนีย์ กล่าวว่า กฎหมายในออสเตรเลียคุ้มครองผู้คนจากการถูกเลือกปฏิบัติและละเมิดสิทธิ์ในระดับรัฐบาลกลางและระดับมลรัฐหรือมณฑลรัฐ
การเลือกปฏิบัติอย่างผิดกฎหมายในที่ทำงานคือ การที่บุคคลเอื้อต่อพนักงานคนใดคนหนึ่งน้อยกว่าพนักงานคนอื่น เนื่องจากพวกเขามีลักษณะเฉพาะ เช่น เพศ เชื้อชาติ ความทุพพลภาพ หรืออายุ
คุณพาปากล่าวว่าสถานการณ์ของแต่ละบุคคลต้องได้รับการพิจารณาเป็นรายกรณี เพื่อที่จะตัดสินใจว่าการเลือกปฏิบัตินั้นผิดกฎหมายหรือไม่
“ตัวอย่างของการเลือกปฏิบัติคือ กรณีที่มีบุคคลประสงค์ให้พนักงานปฏิบัติตามข้อกำหนดหรือเงื่อนไข โดยที่พนักงานไม่สามารถปฏิบัติตามได้ เนื่องจากเหตุผลด้านเชื้อชาติ อายุ เพศ หรือความทุพพลภาพ และข้อกำหนดหรือเงื่อนไขนั้นมีแนวโน้มหรือมีผลกระทบหรือผลเสียต่อพนักงานคนนั้น อาจเป็นคนที่มีลูก พวกเขาอาจต้องไปรับลูกจากโรงเรียนหรือสถานรับเลี้ยงเด็ก ดังนั้น สิ่งที่นายจ้างต้องทำคือ ต้องมีการปรับเปลี่ยนตามเหตุผลอันสมควร เพื่อที่จะอนุญาตให้บุคคลนั้นสามารถไปรับลูกจากสถานรับเลี้ยงเด็กหรือจากโรงเรียนได้”
แต่ลูกจ้างต้องแน่ใจว่า พวกเขาได้แจ้งให้นายจ้างทราบถึงสถานการณ์ของพวกเขา เพื่อให้การปรับเปลี่ยนเป็นไปอย่างเหมาะสมตามความจำเป็น
พนักงานในอุตสาหกรรมที่แตกต่างกันก็มีประสบการณ์ที่แตกต่างกัน พนักงานในธุรกิจด้านการเงินและการบริการรายงานถึงความหลากหลายและการนับรวมกลุ่มเป็นอย่างสูง ในขณะที่พนักงานในอุตสาหกรรมการผลิตรายงานว่าได้รับการสนับสนุนในระดับต่ำ
ภายใต้กฎหมายของการทำงานในออสเตรเลีย (Fair Work Act) หากนายจ้างไม่เลือกปฏิบัติต่อพนักงาน เนื่องจากลักษณะเฉพาะของพวกเขา จะไม่ถือว่าเป็นการกระทำอันไม่พึงประสงค์
ตัวอย่างเช่น การจัดการเรื่องประสิทธิภาพของการทำงานเป็นเรื่องที่แตกต่างกัน ตามที่คุณลิซ่า แอนนีส (Lisa Annese) ผู้บริหารระดับสูงของสภาความหลากหลายแห่งออสเตรเลียกล่าว
“การวัดผลของการทำงานรายบุคคลที่ได้รับผลว่าไม่เป็นที่พึงพอใจไม่ถือว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ นายจ้างไม่ควรกังวลหากพวกเขาวัดผลของการทำงานรายบุคคล ตราบใดที่นายจ้างไม่วัดผลของการทำงานจากพื้นฐานที่อ้างอิงคุณลักษณะที่หลากหลาย และการที่ลูกจ้างไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพได้เนื่องจากมีคุณลักษณะที่หลากหลาย” นายเทิร์นเนอร์กล่าวว่าการเลือกปฏิบัตินั้นบ่อยครั้งเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน แต่มีบางกรณีที่ไม่นับว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ
พนักงานทำงานเพศชาย Source: Pexels/Ron Lach
“หากคุณมาทำงานด้วยความมึนเมา และนายจ้างมีนโยบายว่า ‘คุณต้องไม่ทำงานในขณะมึนเมา’ และคุณได้รับคำเตือน ตราบใดที่คุณได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกับพนักงานคนอื่นๆ เพียงเพราะว่าคุณอาจมีภูมิหลังทางเชื้อชาติที่แตกต่างหรือทุพพลภาพ นั่นอาจไม่ใช่การเลือกปฏิบัติ นอกจากคุณสามารถหาหลักฐานที่บ่งชี้ว่าคุณได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างจากคนอื่นในสถานการณ์เหล่านั้นได้”
แต่หากคุณถูกเลือกปฏิบัติจริงๆ จะทำอย่างไร?
นางพาปากล่าวว่า สิ่งสำคัญคือต้องแจ้งเรื่องโดยตรงต่อนายจ้าง และหากสิ่งนั้นไม่ได้ผล ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
“นายจ้างส่วนใหญ่มีระบบร้องเรียนหรือร้องทุกข์อยู่แล้ว พนักงานควรรายงานปัญหาทันที เพื่อให้นายจ้างพยายามแก้ปัญหา หากปัญหาไม่สามารถแก้ไขได้ในที่ทำงาน ฉันแนะนำว่าขั้นต่อไปให้หาคำแนะนำจากทนายความด้านการจ้างงาน ทนายด้านการต่อต้านการเลือกปฏิบัติ หรืออีกทางเลือกหนึ่ง หากพวกเขาเป็นสมาชิกของสหภาพแรงงาน พวกเขาสามารถพูดกับสหภาพฯ และขอคำแนะนำในเรื่องนั้นได้” นายเทิร์นเนอร์กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือทุกคนควรตระหนักว่าออสเตรเลียมีกฎหมายที่เข้มงวดในเรื่องการห้ามการเลือกปฏิบัติ เขายังเน้นถึงการเรียกร้องการเลือกปฏิบัติที่ได้รับผลลัพธ์ที่แตกต่างกันในบางราย
ทนายความกำลังจดบันทึก Source: Pexels/Andrea Piacquadio
“ในบางกรณี คุณอาจได้งานคืน คุณอาจได้กลับไปทำงานในตำแหน่งของคุณ คุณอาจได้รับเงินชดเชย อาจเป็นเงินชดเชยจากการสูญเสียรายได้ หากคุณสูญเสียงานของคุณ และไม่สามารถกลับไปทำงานได้ คุณอาจได้รับเงินชดเชยจากการบาดเจ็บที่คุณประสบ จากความทุกข์และความอัปยศอดสู นั่นเป็นสิ่งที่เกี่ยวกับว่ามันทำให้คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง มีสิ่งอื่นๆ ที่ศาลออกคำสั่งได้ ในบางกรณี นายจ้างอาจถูกปรับ ศาลอาจสั่งให้นายจ้างกล่าวคำขอโทษ หรือศาลอาจสั่งให้นายจ้างมีการฝึกอบรมเพิ่มเติม เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก”
คุณลิซ่า แอนนีส จากสภาความหลากหลายกล่าวว่า สถานที่ทำงานจะสามารถนับรวมทุกกลุ่มได้เมื่อเป็นสถานที่ที่ให้เกียรติและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพนักงาน
“การนับรวมทุกกลุ่มคือการผสมผสานให้ทุกคนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นการสร้างสภาพแวดล้อมที่ให้ทุกคนมีส่วนร่วมหรือสำหรับผู้คนที่มีพื้นฐานที่หลากหลาย เป็นกิจกรรมเชิงรุกที่ทุกองค์กรควรทำ และเหตุผลที่สำคัญสำหรับองค์กรคือความหลากหลายนำไปสู่นวัติกรรมที่ดี และการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ การทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าและได้ประสิทธิผลดีกว่า และสามารถลดความเสี่ยงได้”
หาข้อมูลหรือความช่วยเหลือเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของผู้ตรวจการเพื่อการจ้างงานที่เป็นธรรม หรือโทรสอบถามข้อมูลได้ที่ 13 13 94
หากคุณต้องการความช่วยเหลือด้านภาษา โทรรับบริการแปลและล่ามฟรีที่ 13 14 50
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่