ลูกของคุณแพ้ถั่วลิสงอยู่รึเปล่า? ล่าสุดแพทย์ค้นพบตัวช่วยลดอาการ

Peanut allergy

Peanut allergy. Conceptual image. Source: iStockphoto - Getty Images

เจ้าหน้าที่สำนักงานอาหารและยาสหรัฐอเมริกา รับรองยาตัวแรกที่ช่วยลดอาการแพ้ถั่วลิสงในเด็ก โรคภูมิแพ้ที่มีเด็กเป็นมากเป็นอันดับสองของออสเตรเลีย


กดปุ่ม (▶) ด้านบนเพื่อฟังพอดคาสต์นี้

เจ้าหน้าที่สํานักงานอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา ได้รับรองยาตัวแรกที่ช่วยลดอาการแพ้ต่อถั่วลิสงในเด็ก

แม้ว่ามันไม่ใช่การรักษาโรคแพ้ถั่วลิสงให้หายขาด แต่ผู้เชี่ยวชาญเห็นว่านี่คือการเปิดประตูสู่การบำบัดรักษาในอนาคตอีกมากมาย 

โรคแพ้ถั่วลิสงเป็นโรคภูมิแพ้ที่เด็กในประเทศออสเตรเลียเป็นมากเป็นอันดับสอง และกำลังเพิ่มขึ้นอยู่เรื่อยๆ

โรคนี้พบได้ในเด็กหนึ่งคนจากเด็กทุกๆ 50 คน และผู้ใหญ่หนึ่งคนในทุกๆ 200 คน

ถั่วลิสงเป็นอาหารที่มีแนวโน้มจะก่อให้เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงเรียกว่าปฏิกิริยาภูมิแพ้รุนแรงอย่างเฉียบพลัน หรือ anaphylaxis และคาดว่ามีผู้เสียชีวิตหนึ่งคนจากผู้ที่เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้รุนแรงอย่างเฉียบพลันทุกๆ 200 คน

ประมาณ 1 ใน 4 ของเด็กที่มีอาการแพ้ถั่วลิสงจะลงเอยด้วยการต้องถูกส่งไปที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลทุกปี

คุณนีนา นิโคลส์ อายุ 18 ปี เป็นโรคแพ้ถั่วลิสงมาเกือบตลอดชั่วชีวิตของเธอ

“ฉันค้นพบว่าตัวเองเป็นโรคแพ้ถั่วลิสงตั้งแต่อายุ 2 ขวบ เพื่อนให้แครกเกอร์เนยถั่วที่ริมสระว่ายน้ำกับฉันด้วยความไม่รู้ และก็จบลงด้วยการเกิดอาการแพ้ภายในไม่กี่นาทีหลังจากนั้น”

คุณมาเรีย ลอรา แม่ของของคุณนิโคลส์กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นตามมานั้นน่ากลัวมาก 

“ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยผื่นลมพิษ ตาของเธอนั้นปูดบวมจนปิด เธออาเจียนและเริ่มส่งเสียงฟืดฟ้าดระหว่างที่หายใจ”

คุณนิโคลส์ได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการทดลองทางการแพทย์ในสหรัฐอเมริกาเพื่อบำบัดโรคแพ้ถั่วลิสงด้วยการรับสารถั่วลิสงวันละน้อยๆ หรือ Palforzia โดยเธอรับประทานผงถั่วลิสงที่ได้จัดเตรียมมาอย่างพิเศษในปริมาณน้อยๆ ทุกวัน โดยจะค่อยๆ เพิ่มปริมาณขึ้นในช่วงหลายเดือน

กระบวนการนี้จะฝึกร่างกายของเด็กๆ ให้มีความต้านทานต่อถั่วลิสงมากขึ้น เพื่อที่ว่าเมื่อพวกเขาบังเอิญทานถั่วลิสงเข้าไป จะทำให้มีแนวโน้มน้อยลงที่จะการเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงหรือเสียชีวิตในกรณีที่อาการสาหัส

หัวหน้าศูนย์โรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกันวิทยาโรงพยาบาลเด็กแห่งชาติ ณ กรุงวอชิงตันดี.ซี ดอกเตอร์เฮแมนท์ ชาร์มา กล่าวว่า

“นี่ไม่ใช่การรักษาโรคแพ้ถั่วลิสง แม้แต่ผู้ป่วยที่ได้การบำบัดอาการจากผลิตภัณฑ์ถั่วลิสงนี้พวกเขาก็จะจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงถั่วลิสงอยู่ดี”

ดอกเตอร์ชาร์มา ยังบอกอีกว่าการบำบัดเช่นนี้ไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน

“Palforzia สามารถก่อให้เกิดผลข้างเคียงรวมไปถึงอาการแพ้อย่างรุนแรงเป็นครั้งคราวและถ้าเยาวชนหยุดรับสารถั่วลิสงประจำวันจะทำให้พวกเขาสูญเสียการป้องกันนั้นไป”

ในบางกรณี ยานั้นกลับไปกระตุนให้เกิดอาการแพ้อย่างหนักจากสิ่งที่มันถูกแบบมาให้ป้องกัน

แต่มีการบำบัดอีกวิธี ที่กำลังได้รับการพิจารณาจากโดยสํานักงานอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา ที่อาจจะกลายมาเป็นคู่แข่งของ Palforzia

มันเป็นแผ่นแปะผิวหลัง พัฒนาโดยสถาบันการแพ้อาหารเอลเลียทและโรสลิน เจฟฟี (Elliot and Roslyn Jaffe Food Allergy Institute) ที่โรงพยาบาลเมาท์ไซไน ในนครนิวยอร์ก 

ดอกเตอร์สกอตต์ สิเชเลอร์ ผู้อำนวยการสถาบันกล่าวว่า

“มันใกล้เคียงกับแผ่นแปะนิโคตินแต่ใช้สำหรับการแพ้อาหาร มีโปรตีนถั่วปริมาณน้อยฝั่งอยู่ในนั้น โดยแปะไว้บนร่างกายตลอดเวลา จนถึงขณะนี้การศึกษาดังกล่าวอาจจะบอกได้ว่ามันไม่ได้มีกำลัง ไม่ได้มีประสิทธิภาพมากเท่ากับการให้วัคซีนเพื่อรักษาโรคภูมิแพ้ทางปาก แต่มันค่อนข้างดีและมีผลข้างเคียงน้อยกว่า”

ทุกวันจันทร์และวันพฤหัสบดี เวลา 22.00 น.

Share