แทสเมเนีย ครั้งหนึ่งเคยเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับวัยเกษียณ ตอนนี้กำลังเป็นจุดหมายปลายทางใหม่ของคนหนุ่มสาว
ข้อมูลล่าสุดชี้ว่า ลักษณะทางประชากรและความสนใจที่เปลี่ยนไป ทำให้รัฐแทสเมเนีย ไม่ใช่จุดหมายพำนักพักพิงของวัยเกษียณเพียงอย่างเดียว
ผู้คนที่ต้องการเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตจากจากเมืองใหญ่สู่ชนบท ครั้งหนึ่งมักเป็นกลุ่มวัยเกษียณ ตอนนี้มีกลุ่มคนหนุ่มสาวที่บ้างก็มีครอบครัวก็เข้ามารวมอยู่ด้วย พวกเขาเลือกรูปแบบการใช้ชีวิตที่อยู่กับพื้นที่ในชนบท ใกล้ชายฝั่งทะเล ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่เพียงในแทสเมเนียเท่านั้นแน่นอนว่า สถานที่อย่าง Sunbelt Coast รอบๆ Byron Bay ทางตอนเหนือของรัฐควีนส์แลนด์นั้นมีความคล้ายคลึงกับแทสเมเนียในเรื่องของการดึงดูดกลุ่มวัยเกษียณยุค Baby-boomer ที่กำลังอยากเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต
Byron Bay in northern New South Wales is a popular spot for seachangers. Source: Paulina Vidal
อย่างไรก็ตาม การศึกษาวิจัยของเรานั้นได้เปิดเผยให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานในเรื่องนี้ โดยเราพบว่า 3 กลุ่มอายุขนาดใหญ่ที่ย้ายไปอยู่อาศัยในพื้นที่ลักษณะเดียวกันนี้ ต่างเป็นประชากรที่มีอายุน้อยกว่า 35 ปี
นี่ทำให้เกิดคำถามที่ว่า บรรดาผู้เสาะหารูปแบบชีวิตใหม่เหล่านี้เป็นใครกันแน่
นอกจากออสเตรเลียจะพบปัญหาแรงกดดันจากปริมาณประชากรที่เพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ราคาที่พักอาศัย และความแออัดของเมืองที่เพิ่มขึ้น ยังมีปัญหาในเรื่องของกลุ่มประชากรที่เริ่มมีอายุมาก และการกระจายประชากรที่ไม่ทั่วถึงไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ
รัฐบาลทั้งจากรัฐต่างๆ และรัฐบาลสหพันธรัฐเองนั้นก็มีการพูดถึงนโยบายที่จะกระจายผู้คนออกไปจากพื้นที่ซึ่งขยายตัวอย่างรวดเร็วอย่างนครซิดนีย์ และเมลเบิร์น ไปยังพื้นที่ซึ่งมีการขยายตัวชาหรือแทบไม่มีเลย เช่น รัฐเซาท์ออสเตรเลีย และรัฐแทสเมเนียเมื่อไม่นานมานี้
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ผู้เชี่ยวชาญผังเมืองเชื่อให้ผู้อพยพไปอยู่ชนบทแก้ปัญหาเมืองแน่นได้ไม่มาก
แม้จะมีการประกาศยุทธศาสตร์การกระจายประชากรเมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อคลายความแออัดในเมืองใหญ่ แต่เมื่อไม่มีนโยบายในการจัดการประชากรที่ครอบคลุม วาทกรรมทางการเมืองเหล่านี้ก็ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
นอกเหนือไปจากข้อมูลโดยรวมแล้ว มันมีความเข้าใจที่น้อยนิด ในเรื่องการตอบรับของผู้คนต่อการเปลี่ยนแปลงทางประชากร และการตัดสินใจที่จะย้ายไปอยู่ที่อื่น แต่สิ่งที่เรารู้ก็คือ ผู้คนย้ายถิ่นที่อยู่ไปในทางที่การสรุปของเราเกี่ยวกับเรื่องการอพยพย้ายถิ่นภายในประเทศนั้นไม่สามารถอธิบายได้
ลาก่อนซิดนีย์...สวัสดีแทสเมเนีย
ในรัฐแทสเมเนีย การย้อนทางของการอพยพย้ายถิ่นระหว่างรัฐ และอัตราการเติบโตของประชากรต่อปีที่เร็วที่สุดในรอบหลายสิบปี เมื่อเดือนมีนาคม 2018 กำลังได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน อยากไรก็ตาม หากมองภาพรวมในระดับชาติแล้ว การอพยพย้ายถิ่นออกจากสองเมืองใหญ่ๆ ในออสเตรเลีย มีอะไรบางอย่างที่น่าสนใจ
ที่นครซิดนีย์ก็ได้รับความสนใจจากสื่อในเรื่องการอพยพย้ายถิ่นออกจากตัวเมืองที่เพิ่มขึ้น ทั้งที่เป็นจำนวนตามจริงและแผนการอพยพออก จากพื้นที่รอบเมืองหลวงของรัฐ 5 กลุ่ม (หรือ SA4s) ในออสเตรเลียที่มีอัตราการย้ายออกโดยรวมมากที่สุดนั้น มี 4 พื้นที่อยู่ในนครซิดนีย์ คือ Inner South West, Eastern Suburbs, Paramatta และ Inner Westสถานการณ์ราคาที่พักอาศัย สภาพการจราจรที่ติดขัด และความแออัดของเมืองในรูปแบบอื่นๆ คือสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อรูปแบบการใช้ชีวิต และความสะดวกสบาย เป็นเหตุผลส่วนใหญ่ที่ทำให้ผู้คนย้ายออกจากพื้นที่
Traffic is often cited as a reason people decide to leave an area. Source: AAP
ขณะที่นายบาร์นาบี จอยซ์ มองว่าการอพยพย้ายถิ่นเข้าไปในพื้นที่อย่างเมืองแทมเวิร์ธ รัฐนิวเซาท์เวลส์นั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้เมืองนั้นแออัด แต่อันที่จริงแล้ว พื้นที่ชายฝั่งทะเลอย่างโกลด์โคสท์ ซันไชน์โคสท์ และจีลอง คือสถานที่ซึ่งดึงดูดชาวออสเตรเลียให้อพยพย้ายถิ่นเข้าไปอยู่ได้ดีกว่าพื้นที่อื่นๆ ในออสเตรเลีย
ก่อนหน้านี้ รัฐแทสเมเนียนั้น เป็นที่พูดถึงในเรื่องการดึงดูดกลุ่มคนวัยเกษียณยุค Baby boomer ให้ย้ายเข้าไปอยู่ เนื่องจากราคาที่พักอาศัยที่ย่อมเยาว์กว่า ค่าครองชีพที่ถูกกว่า และบรรยากาศธรรมชาติและการทำอาหารการกินเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการไปใช้ช่วงเวลาชีวิตหลังเกษียณ
แต่ทั้งนี้ ภาวะสมองไหลในกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่เกิดขึ้นในเมืองใหญ่ที่เพรียบพร้อมไปด้วยโอกาส กำลังจะทำให้แทสเมเนียนั้นเปลี่ยนไป และแน่นอนว่า เรื่องนี้ไม่ได้มีเฉพาะในออสเตรเลียเท่านั้น เพราะนักวิจัยในต่างประเทศได้พบแนวคิดต่อต้านการเป็นเมือง (Counter-urbanisation) ที่เกิดขึ้นมาแล้วหลายสิบปี
ทั้งนี้ ในที่อื่นๆ ทั่วโลก รวมถึงในออสเตรเลีย ผู้คนต่างเสาะหาที่จะหลีกหนีชีวิตอันวุ่นวายและกดดันในเมืองใหญ่ เพื่อออกไปมีชีวินที่เรียบง่ายกว่าในพื้นที่ชนบทหรือพื้นที่ติดทะเลในต่างประเทศ เราได้เห็นสิ่นที่เรียกกันว่า “การโยกย้ายรูปแบบชีวิต (Lifestyle migration)” ในหมู่ชนชั้นกลางที่มองหาชีวิตที่ดีกว่า บ่อยครั้งที่พวกเขาเหล่านั้นเลือกไปอยู่ในที่อย่างพื้นที่ชนบทในฝรั่งเศส รวมถึงสถานที่ “หลบภัย” จากภาวะโลกร้อนอย่างนิวซีแลนด์ในหมู่คนรวยมากๆ
The tulip fields at Table Cape Tulip Farm in north-west Tasmania. Source: AAP
เหล่าผู้เสาะหาชีวิตใหม่ในออสเตรเลียเป็นคนหนุ่มสาวมากขึ้น
เพื่อที่จะหาว่าเหล่าผู้เสาะหารูปแบบชีวิตใหม่ในออสเตรเลียนั้นเป็นใคร จากการใช้ข้อมูลการสำรวจสำมะโนครัวประชากรและเคหะ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติของออสเตรเลีย (ABS) เมื่อปี 2016 เราสามารถพัฒนาลักษณะของผู้ที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในแทสเมเนีย หรือในพื้นที่อย่างซันเบลท์เป็นเวลา 1 ปีก่อนหน้านั้นได้
กลุ่มอายุใหญ่ที่สุดที่ย้ายเข้าไปอยู่ในรัฐแทสเมเนียนั้นอยู่ระหว่างอายุ 25-29 ปี (ร้อยละ 14 ของประชากรที่ย้ายเข้าไปอาศัยทั้งหมด) ตามด้วยกลุ่มอายุ 20-24 ปี (ร้อยละ 11.8) และกลุ่มอายุ 30-34 ปี (ร้อยละ 10.2)
ส่วนที่เมืองซันเบลท์ ในรัฐนิวเซาท์เวลส์นั้น มีลักษณไม่ต่างกัน โดยกลุ่มอายุใหญ่ที่สุดนั้นคือ 25-29 ปี (ร้อยละ 12.9) ตามมาด้วยกลุ่มอายุ 20-24 ปี (ร้อยละ 10.5) และ 30-34 ปี (ร้อยละ 10.2)ความแตกต่างระหว่างที่รัฐแทสเมเนีย และที่เมืองซันเบลท์นั้น อยู่ที่ถิ่นกำเนิดเดิมของผู้ย้ายถิ่น ทั้งสองที่นั้นดึงดูดผู้อพยพมาจากต่างประเทศเป็นส่วนมาก (ร้อยละ 27 ในรัฐแทสเมเนีย และร้อยละ 16.2 ในเมืองซันเบลท์)
Seachangers’ age structure for Tasmania and the Sunbelt. Author calculation using ABS Census of Population and Housing data. Source: The Conversation
สำหรับในแทสเมเนียนั้น กลุ่มผู้ย้ายมาตั้งถิ่นฐานที่ใหญ่ที่สุดมาจากพื้นที่นครเมลเบิร์น (ร้อยละ 13.8) และพื้นที่ของรัฐควีนสแลนด์ (ร้อยละ 12.6) ส่วนในเมืองซันเบลท์นั้น ประชากรที่ย้ายมาตั้งถิ่นฐานส่วนมากเมื่อเร็วๆ นี้ มาจากพื้นที่ตอนในของนครซิดนีย์ (ร้อยละ 23.7) และพื้นที่ส่วนที่เหลือในรัฐนิวเซาท์เวลส์ (ร้อยละ 22.3) และพื้นที่รัฐควีนส์แลนด์ (ร้อยละ 12.7)
อะไรที่ดึงดูดผู้แสวงหารูปแบบชีวิตใหม่
คำถามสำคัญต่อไปก็คือ เพราะเหตุใดผู้คนจึงย้ายไปอาศัยในที่ซึ่งขาดแคลนทรัพยากรและการจ้างงาน ในการวิจัยเป็นระยะเวลากว่าสิบปีของเรานั้นพบโดยชัดเจนว่าไม่มีตัวแปรใดที่โดดเด่น
ปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่เราพบบ่อยๆ คือปัจจัยทางสุนทรียภาพและเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงเรื่องที่เห็นได้ชัดอย่างราคาที่พักอาศัย หนี้จากสินเชื่อบ้าน ความเครียดและการทำงานหนัก ส่วนปัจจัยอื่นๆ นั้น คือความเสี่ยงในการอาศัยอยู่ในเมือง การได้เลี้ยงดูบุตรในสภาพแวดล้อมที่เรียบง่าย มีเวลาที่มีคุณภาพมากขึ้นเนื่องจากใช้เวลาเดินทางน้อยลง และความสงบสุขที่ได้จากการอาศัยในพื้นที่ประชากรไม่หนาแน่น รวมถึงความสุนทรีย์ของสิ่งแวดล้อมที่น่าอยู่
และเมื่อเรามองไปในเรื่องสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง เราสามารถเห็นการโยกย้ายถิ่นอาศัยด้วยเหตุผลทางสภาพอากาศมากขึ้นเราระวังอยู่เสมอว่าการพัฒนาที่อยู่อาศัยบริเวณชายฝั่งเองนั้นมีเรื่องที่น่าวิตก มีบ้านหลายหลังถูกสร้างในพื้นที่มีความเสี่ยงสูง และที่สำคัญ จากการพูดคุยร่วมกับรัฐมนตรีด้านเมือง สาธารณูปโภค และประชากรแห่งสหพันธรัฐ ในการหารือเพื่อแก้ปัญหาประชากรล้นเมือง เราอาจต้องวิเคราะห์พฤิกรรมของผู้ที่โยกย้ายออกจากเมืองเพื่ออกไปหารูปแบบชีวิตใหม่เหล่านั้น
Seachangers’ place of origin. Author calculations using ABS Census of Population and Housing 2016 data. Source: The Conversation
จากการศึกษาโดยสถาบันแกรทแทนที่พบว่า เมืองใหญ่หลายเมืองกำลัง “รับมือ” และ “ปรับตัว” ขณะที่คำเหล่านั้นกำลังถูกใช้อย่างมาก มันมีหลักฐานยิบย่อยที่จะทำให้ผู้คนเมินเฉยกับปัญหา อย่างน้อยที่สุด การรับมือนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนปรารถนาที่จะพบเจอในสภาพแวดล้อมการทำงานและการดำรงชีวิต
การหาทางพูดถึงเรื่องเล่านี้ในการอภิปรายถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องสำคัญในการเปลี่ยนแปลงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการขยายตัวที่ใหญ่ขึ้นของออสเตรเลีย
เรื่องราวที่น่าสนใจจากเอสบีเอส ไทย
งานใดบ้างในออสเตรเลียที่จะทำให้คุณได้เป็นประชากรถาวร