Explainer

ไปไหนได้บ้างในออสเตรเลีย กฎโควิดแต่ละรัฐและมณฑลเป็นอย่างไร

ขณะที่หลายรัฐและมณฑลในออสเตรเลียเริ่มทยอยเปิดพรมแดนสำหรับการเดินทางในประเทศมากขึ้น นี่คือสรุปมาตรการและข้อกำหนดต่าง ๆ ที่ควรทราบ หากคุณมีแผนที่จะเดินทางข้ามรัฐหรือมณฑลในช่วงเทศกาลวันหยุดส่งท้ายปี

Each Australian state and territory has different border restrictions for domestic travellers this summer.

Thousands of Australians will be travelling interstate over the festive period. Source: SBS News

เทศกาลคริสต์มาสและวันหยุดช่วงฤดูร้อนกำลังจะมาถึงในไม่ช้า ประชาชนในออสเตรเลียจำนวนไม่น้อยต่างกำลังเตรียมตัวเก็บกระเป๋าเพื่อเดินทางข้ามรัฐไปใช้เวลาในช่วงวันหยุดกับเพื่อนและครอบครัว

แต่เนื่องด้วยกฎเกณฑ์ด้านพรมแดนที่แตกต่างกันใน 8 เขตพื้นที่ปกครองของออสเตรเลีย เช่นเดียวกับการปรับเปลี่ยนมาตรการจำกัดห้ามต่าง ๆ ในการเตรียมพร้อมสำหรับวันหยุดช่วงเทศกาลที่กำลังจะมาถึง อาจเป็นเรื่องยากที่คุณจะรู้ว่าต้องกรอกแบบฟอร์มอะไร ต้องไปตรวจเชื้อหรือไม่ หรือจะต้องกักตัวเมื่อคุณเดินทางมาถึงหรือเปล่า

หากคุณมีแผนจะเดินทางข้ามรัฐหรือมณฑลในออสเตรเลียช่วงฤดูร้อนนี้ ต่อไปนี้คือกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่คุณจำเป็นต้องปฏิบัติตาม

รัฐนิวเซาท์เวลส์

รัฐนิวเซาท์เวลส์เปิดพรมแดนให้กับประชาชนจากทุกรัฐและมณฑลของออสเตรเลีย และไม่ต้องกรอกแบบฟอร์มแจ้งการเดินทางเข้าพรมแดน (entry declaration) ไม่ต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 หรือกักตนเอง (self-isolate)

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีกฎและมาตรการจำกัดที่มีผลบังคับใช้ หากคุณเคยไปพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบ (affected area) หรือพื้นที่ซึ่งมีความน่ากังวล (area of concern) ในช่วง 14 วันที่ผ่านมา

เพื่อตรวจสอบว่าคุณได้เดินทางไปยังสถานที่ซึ่งมีความน่ากังวล จากประกาศของรัฐนิวเซาท์เวลส์ (COVID-19 concerns notice)

หากคุณได้เดินทางไปยังพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบ หรือพื้นที่ซึ่งมีความน่ากังวล คุณจะต้องกรอกแบบฟอร์มแจ้งการเดินทางเข้าพรมแดนภายใน 24 ชั่วโมงก่อนที่คุณจะเดินทางมายังรัฐนิวเซาท์เวลส์ หรือ ณ เวลาที่เข้าพรมแดน

หากคุณเคยอยู่ในพื้นที่ซึ่งมีความน่ากังวล เมื่อเดินทางมาถึงรัฐนิวเซาท์เวลส์แล้ว จะต้องเดินทางไปยังที่พำนักทันที และกักตัวจนกว่าจะผ่านไปเป็นเวลา 14  นับตั้งแต่เคยอยู่ในพื้นที่ซึ่งมีความน่ากังวล หรือจนกว่าประกาศพื้นที่ซึ่งมีความน่ากังวลจะถูกยกเลิก

ในระหว่างนี้ คุณจะสามารถออกจากบ้านได้ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้เท่านั้น

  • ไปซื้ออาหาร หรือรับบริการต่าง ๆ
  • การเดินทางเพื่อการทำงาน การศึกษา บริการดูแลเด็ก และการดูแลบุตรร่วมกัน
  • การเดินทางด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ ไปรับการฉีดวัคซีน เวชภัณฑ์  หรือเพื่อเติมเต็มความรับผิดชอบในการดูแล
  • การย้ายบ้าน
  • การออกกำลังกายนอกสถานที่เพียงคนเดียว กับสมาชิกในครัวเรือนเดียวกัน หรือกับบุคคลอื่นเพียงคนเดียว
  • การให้อาหารสัตว์ หรือเพื่อสวัสดิภาพสัตว์
  • ในกรณีฉุกเฉิน
หากคุณเคยไปยังพื้นที่ซึ่งมีความกังวลในระดับสูง (area of high concern) ตรวจสอบประกาศพื้นที่ซึ่งมีความกังวลต่อสถานการณ์โควิด-19 (COVID-19 concern notice) เพื่อตรวจสอบว่าคุณได้รับการระบุให้เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิด (close contact) หรือเป็นผู้สัมผัสชั่วคราว (casual contact) เนื่องจากกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกันในแต่ละกรณี

ส่วนประชาชนรัฐนิวเซาท์เวลส์ที่ได้รับการระบุว่าเป็นผู้สัมผัสชั่วคราว (casual contact) จะต้องไปรับการตรวจหาเชื้อทันทีที่เดินทางกลับมา และจะต้องกักตัวจนกว่าจะได้รับผลการตรวจหาเป็นลบ

หากคุณไม่ใช่ประชาชนรัฐนิวเซาท์เวลส์ แต่ได้รับการระบุว่าเป็นผู้สัมผัสชั่วคราว (casual contact) คุณอาจเดินทางเข้ามายังรัฐนิวเซาท์เวลส์ได้หากได้รับการตรวจหาเชื้อแล้ว และได้รับผลการตรวจหาเชื้อที่เป็นลบ เก็บสำเนาผลการตรวจของคุณไว้เพื่อแสดงกับเจ้าหน้าที่หากจำเป็น

ชาวรัฐนิวเซาท์เวลส์ที่เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิด (close contact) ได้รับอนุญาตให้เข้ารัฐนิวเซาท์เวลส์ได้ คุณจะต้องเดินทางเข้ามายังรัฐและกลับสู่ที่พำนัก หรือสถานที่อื่น ๆ ที่มีความเหมาะสมทันที และกักกันตนเองจนกว่าจะครบ 14 วันหลังจากที่ได้เดินทางไปยังพื้นที่ซึ่งมีความกังวลในระดับสูง แต่หากคุณได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว คุณเพียงต้องกักกันตนเองเป็นระยะเวลา 7 วัน

ส่วนประชาชนที่ไม่ใช่ชาวรัฐนิวเซาท์เวลส์ที่ได้รับการระบุว่าเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิด (close contact) จะได้รับอนุญาตให้เข้ารัฐนิวเซาท์เวลส์ก็ต่อเมื่อได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และเมื่อเดินทางมาถึงแล้วจะต้องกักกันตนเองเป็นเวลา 7 วันนับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่อยู่ในพื้นที่ซึ่งมีความน่ากังวลในระดับสูง (place of high concern)

หากคุณไม่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส และได้รับการระบุว่าเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิด (close contact) คุณไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามายังรัฐนิวเซาท์เวลส์ และต้องปฏิบัติตามกฎของรัฐและมณฑลที่คุณอาศัยอยู่

หากคุณอาศัยอยู่ในภูมิภาครอยต่อระหว่างรัฐนิวเซาท์เวลส์และรัฐวิกตอเรีย คุณไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎอยู่แต่ในบ้าน (stay-at-home rules) เพื่อตรวจสอบว่าพื้นที่ใดบ้างเป็นภูมิภาครอยต่อระหว่างรัฐนิวเซาท์เวลส์และรัฐวิกตอเรีย

หน่วยงานสาธารณสุขรัฐนิวเซาท์เวลส์แนะนำอย่างยิ่งว่า ผู้ใดก็ตามที่จะเดินทางไปยังพื้นที่ห่างไกล และชุมชนชาวอะบอริจินในพื้นที่ห่างไกล ให้ไปรับการฉีดวัคซีน และหลีกเลี่ยงการเดินทางหากรู้สึกไม่สบาย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎพรมแดนรัฐนิวเซาท์เวลส์

สำหรับกฎและมาตรการจำกัดล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์ COVID-19 ภายในรัฐนิวเซาท์เวลส์
Queensland is opening its border to fully vaccinated domestic travellers
Australians have found it hard to keep up with evolving border rules in different states and territories. Source: AAP

รัฐวิกตอเรีย

ผู้มาเยือนรัฐวิกตอเรียจากในประเทศไม่จำเป็นต้องขอใบอนุญาตเดินทาง (travel permit) เพื่อเข้ามายังรัฐวิกตอเรีย (นอกจากเคยอยู่ในต่างประเทศในช่วง 14 วันที่ผ่านมา) นอกจากนี้ ผู้มาเยือนรัฐวิกตอเรียไม่จำเป็นต้องไปรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 และไม่ต้องกักตนเอง

หากคุณได้รับการกักตัวในโรงแรมกักกันโรคจากรัฐอื่น และต้องการเข้ามายังรัฐวิกตอเรีย คุณก็ไม่จำเป็นต้องขอใบอนุญาตเดินทางด้วยเช่นกัน

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎพรมแดนของรัฐวิกตอเรียสำหรับผู้เดินทางภายในประเทศ

สำหรับกฎและมาตรการจำกัดห้ามล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์ไวรัส COVID-19 ภายในรัฐวิกตอเรีย

มณฑลนครหลวงออสเตรเลีย

ประชาชนทั้งชาวเอซีทีและพื้นที่ส่วนอื่น ๆ ในออสเตรเลีย ที่ไม่ได้เดินทางไปยังพื้นที่ความเสี่ยงสูงทางภูมิศาสตร์ (high-risk geographical area) ภายในช่วง 14 วันที่ผ่านมา จะได้รับอนุญาตให้เข้ามณฑลนครหลวงออสเตรเลียไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม คุณไม่จำเป็นต้องกรอกแบบฟอร์มเพื่อขอยกเว้นการเดินทาง เข้ากักตัว หรือปฏิบัติตามข้อจำกัดอยู่แต่ในบ้าน

หากคุณได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นชาวเอซีทีหรือไม่ก็ตาม แต่เคยเดินทางไปยังพื้นที่ความเสี่ยงสูงในรอบ 14 วันที่ผ่านมา คุณจะต้องกรอกภายในระยะเวลา 72 ชั่วโมงก่อนเดินทางมาถึงมณฑล เมื่อเดินทางมาถึง คุณจะได้รับเอกสารเกี่ยวกับการยกเว้นการเดินทาง คุณจะต้องเฝ้าระวังอาการ และไปรับการตรวจหาเชื้อในทันทีหากมีอาการของโควิด-19 เกิดขึ้น

หากคุณเป็นชาวเอซีทีที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน และเดินทางไปยังพื้นที่ความเสี่ยงสูงในช่วง 14 วันที่ผ่านมา คุณจะต้องกรอกแบบฟอร์มยกเว้นการเดินทางภายในระยะเวลา 72 ชั่วโมงก่อนเดินทางมาถึงมณฑล คุณจะได้รับการออกใบยกเว้นการเดินทาง หลังการยืนยันตัวตน ถิ่นพำนักอาศัย และได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ให้เดินทางออกจากเขตปกครองปัจจุบันที่คุณอาศัยอยู่เรียบร้อยแล้ว

คุณจะต้องอยู่แต่ในบ้านจนกว่าจะครบ 14 วันนับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่อยู่ในพื้นที่ความเสี่ยงสูง และได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านได้ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

  • ทำงานที่มีความจำเป็น หรือไปเรียน หากคุณไม่สามารถทำงานหรือเรียนจากที่บ้านได้
  • ทำหน้าที่ดูแลเด็กตามปกติ ซึ่งพ่อแม่และผู้ปกครองจำเป็นต้องทำงานที่จำเป็น หรือต้องไปเรียน
  • ซื้อของใช้ที่จำเป็น เช่น ของชำ ยา และเสบียงที่จำเป็น
  • เหตุผลด้านบริการทางการแพทย์ที่จำเป็น ซึ่งรวมถึงกรณีที่มีเหตุผลน่าเห็นใจ และการดูแลผู้มีความเปราะบาง
  • ไปรับการฉีดวัคซีนโควิด-19
  • ออกกำลังกายนอกสถานที่ โดยจำกัดให้ทำได้วันละ 1 ชั่วโมง
  • เหตุผลด้านสวัสดิภาพสัตว์ที่มีความจำเป็น (เช่น ไปให้อาหารสัตว์เลี้ยง หรือปศุสัตว์ซึ่งอยู่อีกที่หนึ่ง)
  • ในกรณีฉุกเฉิน
ประชาชนอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป จะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่อออกจากบ้านโดยเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น ยกเว้นการออกกำลังกายอย่างหนักนอกสถานที่

หากคุณไม่ใช่ชาวเอซีที ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน และเคยเดินทางไปยังพื้นที่ซึ่งมีความเสี่ยงสูงในช่วง 14 วันที่ผ่านมา คุณไม่สามารถเดินทางเข้ามายังมณฑลนครหลวงออสเตรเลียได้ นอกจากได้รับการยกเว้นก่อนเดินทางมาถึง และเมื่อคุณได้รับการยกเว้น ก็จะต้องปฏิบัติตามกฎอยู่แต่ในบ้าน และ/หรือเงื่อนไขใดก็ตามที่ระบุไว้ในเอกสารยกเว้นการเดินทาง

ผู้ร่วมเดินทางที่อายุน้อยกว่า 12 ปี จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดเดียวกับพ่อแม่หรือผู้ปกครองที่เดินทางมาด้วย

ผู้เดินทางอายุน้อยกว่า 12 ปีซึ่งไม่มีผู้เดินทางร่วมด้วย จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามายังมณฑลเอซีที นอกจากจะได้รับการยกเว้นก่อนเดินทางมาถึง โดยจะมีเงื่อนไขแยกเฉพาะเป็นรายกรณี ซึ่งเงื่อนไขเหล่านี้เป็นไปได้ว่าอาจรวมถึงข้อบังคับให้ไปรับการตรวจหาเชื้อเพียงอย่างเดียว

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎพรมแดนของมณฑลนครหลวงออสเตรเลีย สำหรับการเดินทางภายในประเทศ และตรวจสอบจุดสัมผัสเชื้อในทุกเขตปกครองของออสเตรเลีย

สำหรับกฎและมาตรการจำกัดในสถานการณ์ COVID-19 ภายในมณฑลนครหลวงออสเตรเลีย

รัฐควีนส์แลนด์

13 ธ.ค.ที่ผ่านมา รัฐควีนส์แลนด์เปิดพรมแดนให้กับชาวออสเตรเลียที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และมีผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบพีซีอาร์เป็นลบ

ประชาชนทุกคนที่เดินทางมายังรัฐควีนส์แลนด์ จะต้องยื่นขอใบอนุญาตผ่านพรมแดนของรัฐควีนสแลนด์ () และได้รับใบอนุญาตก่อนเดินทางมาถึง

ข้อกำหนดในการเข้าพรมแดน จะขึ้นอยู่กับว่าคุณเคยอยู่ในพื้นที่ฮอตสปอตมาก่อนหรือไม่ในช่วง 14 วันที่ผ่านมา รวมถึงว่าคุณได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสหรือไม่

หากคุณเดินทางมาจากพื้นที่เดินทางปลอดภัย (safe travel zone) หรือพื้นที่สีเขียว (green zone) ไม่มีข้อจำกัดการเดินทาง

หากคุณได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว คุณสามารถเดินทางได้อย่างอิสระจากพื้นที่ชายแดนรัฐนิวเซาท์เวลส์ที่ไม่ถูกจำกัดห้าม (non-restricted NSW border zone) แต่ถ้าหากคุณไม่ได้รับการฉีดวัคซีน คุณจะเดินทางได้

หากคุณได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว คุณสามารถเดินทางจากพื้นที่ชายแดนรัฐนิวเซาท์เวลส์ที่ถูกจำกัดห้าม (restricted NSW border zone) มายังรัฐควีนส์แลนด์ได้ หากคุณไม่ได้รับการฉีดวัคซีน การเดินทางมายังรัฐควีนส์แลนด์จากพื้นจำกัดห้ามจะถูกจำกัดไว้

เพื่อตรวจสอบว่าพื้นที่ปกครองส่วนท้องถิ่นใดที่ได้รับการระบุว่าเป็นพื้นที่ชายแดนที่ไม่ได้รับการจำกัดห้าม (non-restricted border zone)
Sydney to Brisbane Domestic Airport, Brisbane
Tom Underhill (left) is reunited with family as he arrives from Sydney to Brisbane Domestic Airport as Queensland opens hard borders after 229 days. Source: AAP Image/Jono Searle
หากคุณเคยอยู่ในพื้นที่ซึ่งได้รับการประกาศให้เป็นพื้นที่ฮอตสปอตในช่วง 14 วันที่ผ่านมา คุณจะสามารถเดินทางมายังรัฐควีนส์แลนด์ได้ในฐานะ “ผู้เดินทางจากพื้นที่ฮอตสปอต (hotspot traveller)” หากคุณได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส และมีผลการตรวจหาเป็นลบในช่วง 72 ชั่วโมงก่อนเดินทางมาถึง และจะต้องไปรับการตรวจหาเชื้อในวันที่ 5 หลังจากที่เดินทางมาถึงรัฐควีนส์แลนด์

หากคุณเดินทางเข้ามายังรัฐควีนส์แลนด์ในฐานะผู้เดินทางจากพื้นที่ฮอตสปอต คุณไม่จำเป็นต้องกักตัว แต่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขรัฐควีนส์แลนด์ยังกำหนดให้คุณจับตารายชื่อสถานบริการในต่างรัฐที่สัมผัสเชื้อในช่วง 14 วันแรกหลังคุณเดินทางมาถึง และไปรับการตรวจเชื้อหากคุณมีอาการใด ๆ ของโควิด-19

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมในการเดินทางเข้ารัฐควีนส์แลนด์จากพื้นที่ฮอตสปอต หรือตรวจสอบว่าสถานที่ใดได้รับการประกาศให้เป็นพื้นที่ฮอตสปอต

หากคุณเคยอยู่ที่สถานบริการในพื้นที่ต่างรัฐที่สัมผัสเชื้อ (สถานที่ใดก็ตามซึ่งผู้ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อโควิด-19 เคยเดินทางไป) ในช่วง 14 วันก่อนเดินทางมาถึงรัฐควีนส์แลนด์ คุณสามารถเข้ามายังรัฐควีนสแลนด์ได้หากคุณฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และมีผลการตรวจหาเป็นลบภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทางมาถึง

คุณจะต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน (หากคุณมีสิทธิ์ที่จะกักตัวจากที่บ้าน) หรืออยู่ในสถานที่พักซึ่งรัฐบาลจัดเตรียมไว้ โดยต้องออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด

สำหรับรายชื่อสถานบริการต่างรัฐที่มีการสัมผัสเชื้อโควิด-19 ล่าสุด (Interstate Exposure Venues หรือ IEVs)

สำหรับข้อมูลในการเตรียมตัวเพื่อเข้าสู่การกักตัวในรัฐควีนส์แลนด์

หากคุณอยู่ในรัฐควีนส์แลนด์ และทราบว่าเคยอยู่ในสถานบริการต่างรัฐที่มีการสัมผัสเชื้อโควิด (IEV) คุณควรกักตัวอยู่ที่บ้านและติดต่อสาธารณสุขรัฐควีนส์แลนด์ คุณจำเป็นต้องกักตัวภาคบังคับให้ครบ 14 วัน

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎพรมแดนของรัฐควีนส์แลนด์ สำหรับการเดินทางภายในประเทศ

สำหรับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับกฎและมาตรการจำกัดในสถานการณ์โควิด-19 ของรัฐควีนส์แลนด์

รัฐเซาท์ออสเตรเลีย

รัฐเซาท์ออสเตรเลียเปิดพรมแดนให้กับผู้เดินทางในออสเตรเลียที่ฉีดวัคซีนแล้ว โดยข้อกำหนดด้านการฉีดวัคซีนโควิด-19 จะมีผลกับผู้เดินทางทั้งหมดที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปี 2 เดือนขึ้นไป รวมถึงประชาชนชาวรัฐเซาท์ออสเตรเลียที่เดินทางกลับมาด้วย

หากคุณเดินทางมาถึงรัฐเซาท์ออสเตรเลียจากต่างรัฐ ซึ่งรวมถึงประชาชนของรัฐเซาท์ออสเตรเลียด้วย คุณจะต้องกรอกแบบฟอร์มขอเข้าพรมแดนผ่านระบบ โดยสามารถยื่นล่วงหน้าก่อนการเดินทางได้สูงสุด 14 วัน แนะนำให้คุณยื่นแบบฟอร์มดังกล่าวอย่างน้อย 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง

แบบฟอร์มนี้จะประเมินความเสี่ยงโควิด-19 ของคุณ และให้คำแนะนำถึงเงื่อนไขต่าง ๆ ในการเดินทางเข้ารัฐ คุณอาจต้องเข้ารับการกักตัว เข้ารับการตรวจหาเชื้อ และตรวจสอบอาการโควิด-19 ด้วยการใช้งานแอปพลิเคชัน โดยขึ้นอยู่กับต้นทางที่คุณเดินทางมา และระดับความเสี่ยงโควิด-19 ที่คุณมี

หากคุณไม่ได้รับการฉีดวัคซีน และไม่มีข้อยกเว้นทางการแพทย์ที่ได้รับการยอมรับ คุณไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามายังรัฐเซาท์ออสเตรเลีย แม้จะเป็นประชาชนรัฐเซาท์ออสเตรเลียก็ตาม

จะมีการพิจารณายกเว้นให้ด้วยเหตุผลบางประการ (เช่น การมาร่วมพิธีศพ และการเข้าเยี่ยมผู้ป่วยในช่วงสุดท้ายของชีวิต) โดยจะต้องยื่นแบบคำร้องขอยกเว้นเพิ่มเติมจากแบบฟอร์มขอเข้าพรมแดน

หากการยกเว้นของคุณได้รับการอนุมัติ คุณจะได้รับการแนะนำข้อกำหนดในการกักตัว และไปรับการตรวจหาเชื้อ ผู้เดินทางบางส่วน อาจจำเป็นที่จะต้องกักตัวที่บ้าน โดยใช้งานแอพพลิเคชัน หรือเข้ารับการกักตัวในโรงแรมทางการแพทย์

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎพรมแดนของรัฐเซาท์ออสเตรเลีย สำหรับการเดินทางภายในประเทศ

สำหรับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับกฎและมาตรการจำกัดในสถานการณ์โควิด-19 ในรัฐเซาท์ออสเตรเลีย

รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย

รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียจะเปิดพรมแดนให้กับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส ทั้งที่เดินทางมาจากในประเทศและต่างประเทศ ในวันที่ 5 ก.พ. ปีหน้า  หลังจากวันดังกล่าวคุณไม่จำเป็นต้องกักตัวอีกต่อไป

โดยในขณะนี้ มีเพียงผู้เดินทางมาจากรัฐแทสเมเนียเท่านั้น ที่สามารถเข้าไปยังรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียได้โดยไม่ต้องกักตัว ส่วนผู้เดินทางมาจากพื้นที่อื่นของออสเตรเลีย จะต้องกักตัวเองเป็นระยะเวลา 14 วัน

ประชาชนทุกคนที่เดินทางมายังเวสเทิร์นออสเตรเลีย ซึ่งรวมถึงประชาชนของเวสเทิร์นออสเตรเลียเอง จะต้องกรอกใบอนุญาตเข้าพรมแดนผ่านระบบ และจะต้องรอให้ได้รับการอนุมัติก่อนจึงจะเดินทางเข้ามาได้

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎพรมแดนสำหรับการเดินทางภายในประเทศของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย

สำหรับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับกฎและมาตรการจำกัดในสถานการณ์โควิด-19 ในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย

มณฑลนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี

มณฑลนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี อนุญาตให้เฉพาะผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ประชาชนของมณฑลนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี และผู้ที่ไม่สามารถรับการฉีดวัคซีนได้ (เช่น เด็กที่มีอายุน้อยกว่า 12 ปี) สามารถเดินทางเข้ามายังมณฑลได้

ทุกคนที่เดินทางมายังมณฑลจะต้องยื่นแบบฟอร์ม ก่อนเดินทางมาถึงในระยะเวลา 5 วันหรือน้อยกว่า

ประชาชนในประเทศที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และต้องการเดินทางมายังมณฑลจากพื้นที่สีแดงของสถานการณ์โควิด-19 อาจได้รับอนุญาตให้กักตัวอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 7 วัน (หากมีสิทธิ์) โดยคุณจะได้รับคำแนะนำหลังแบบฟอร์มขอเข้าพรมแดนทางออนไลน์ได้รับการประมวลผล

ส่วนชาวมณฑลที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนและเดินทางมาจากพื้นที่สีเขียว จะยังเดินทางเข้ามาในมณฑลได้ แต่จะต้องเดินทางไปยังสถานที่ซึ่งมีความเหมาะสมสำหรับการกักตัว ไปรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 และกักตนเองจนกว่าจะได้รับผลการตรวจหาเชื้อเป็นลบ

ชาวมณฑลที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนซึ่งเดินทางมาจากพื้นที่สีแดง จะต้องเข้ากักตัวภาคบังคับที่อยู่ภายใต้การดูแลเป็นเวลา 14 วัน

สำหรับรายชื่อพื้นที่สีแดงและพื้นที่สีเขียว

หากคุณไม่ได้รับการฉีดวัคซีน และไม่ใช่ชาวมณฑลที่เดินทางกลับมา คุณจะต้องเพื่อเข้ามายังมณฑลนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี และหากคุณสมบัติของคุณตรงกับข้อกำหนดในการเข้าพรมแดน คุณจะต้องเข้ากักตัวภาคบังคับที่อยู่ภายใต้การดูแลเป็นเวลา 14 วัน หากคุณไม่เข้ารับการกักตัวก็จะไม่สามารถเดินทางเข้ามาได้

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎพรมแดนของมณฑลนอร์เทิร์นเทร์ริทอรีสำหรับการเดินทางภายในประเทศ

สำหรับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับกฎและมาตรการจำกัดในสถานการณ์โควิด-19 ในมณฑลนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี
brisb airport
People arrive from Sydney to Brisbane Domestic Airport, Brisbane, Monday, 13 December 2021. Source: AAP Image/Jono Searle

รัฐแทสเมเนีย

ผู้เดินทางมายังรัฐแทสเมเนียทุกคน รวมถึงชาวรัฐที่เดินทางกลับมา จะต้องให้ข้อมูลติดต่อ และรายละเอียดการเดินทางก่อนเข้าพรมแดนผ่านระบบ

ผู้เดินทางและชาวรัฐที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนทุกคน จะต้องได้รับการอนุมัติก่อนเดินทางเข้ามายังรัฐแทสเมเนีย

แบบคำร้องของคุณจะต้องมีหลักฐานเกี่ยวกับสถานที่ซึ่งเหมาะสมที่คุณจะกักตนเองได้ หรือคุณอาจต้องติดต่อโรงแรมกักกันโรค (มีค่าใช้จ่าย) นอกจากนี้ คุณยังต้องแสดงหลักฐานผลการตรวจหาเชื้อแบบพีซีอาร์ที่เป็นลบ ซึ่งได้ไปทำการตรวจภายในเวลา 72 ชั่วโมงก่อนออกเดินทางมายังรัฐแทสเมเนีย (ข้อกำหนดนี้มีผลกับผู้เดินทางทุกคนที่อายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป)

ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.เป็นต้นไป หากคุณฉีดวัคซีนครบโดส และไม่เคยเดินทางไปยังพื้นที่ความเสี่ยงสูงหรือสูงมาก คุณไม่จำเป็นต้องไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 หรือกักตัว คุณเพียงต้องลงทะเบียนการเดินทางของคุณกับระบบ

หากคุณฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว แต่เคยใช้เวลาในพื้นที่ใดก็ตามซึ่งมีความเสี่ยงสูงหรือสูงมากภายใน 14 วันก่อนที่คุณจะเดินทางมายังรัฐแทสเมเนีย คุณจะต้องได้รับผลการตรวจหาโควิด-19 แบบพีอาร์เป็นลบภายใน 72 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง

ผู้เดินทางมายังรัฐแทสเมเนียทุกคนที่เคยใช้เวลาในพื้นที่ความเสี่ยงสูงมาก ภายในเวลา 14 วันก่อนที่คุณจะเดินทางมาถึงรัฐแทสเมเนีย จะต้องยื่นขออนุมัติให้เข้ารัฐแทสเมเนีย หากได้รับการอนุมัติแล้ว จะมีเงื่อนไขเพิ่มเติมซึ่งรวมถึงข้อกำหนดด้านการตรวจหาเชื้อและการกักตัว

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานที่ซึ่งมีการจำกัดห้าม และระดับของความเสี่ยง

ผู้เดินทางที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน จะต้องยื่นขออนุมัติเพื่อเดินทางเข้ามายังรัฐแทสเมเนีย ไม่ว่าว่าจะเคยอยู่ที่ไหนก็ตามก่อนเดินทางมาถึง

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎพรมแดนสำหรับการเดินทางภายในประเทศของรัฐแทสเมเนีย

เพื่ออ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎต่าง ๆ หลังวันที่ 15 ธ.ค.

สำหรับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับกฎและมาตรการจำกัดในสถานการณ์โควิด-19 ในรัฐแทสเมเนีย


คุณสามารถอ่านข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) เป็นภาษาไทยได้

หากคุณมีอาการของไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ให้ติดต่อขอรับการตรวจเชื้อได้ด้วยการโทรศัพท์ไปยังแพทย์ประจำตัวของคุณ หรือโทรศัพท์ติดต่อสายด่วนให้ข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (Coronavirus Health Information Hotline) ที่หมายเลข 1800 020 080

คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 
เรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจจาก เอสบีเอส ไทย

ออสฯ เปิดพรมแดนให้ผู้ถือวีซ่าอีกครั้งในรอบเกือบ 2 ปี


Share
Published 16 December 2021 12:22pm
Updated 16 December 2021 12:46pm
By Caroline Riches
Presented by Tinrawat Banyat
Source: SBS News


Share this with family and friends