เทศกาลคริสต์มาสและวันหยุดช่วงฤดูร้อนกำลังจะมาถึงในไม่ช้า ประชาชนในออสเตรเลียจำนวนไม่น้อยต่างกำลังเตรียมตัวเก็บกระเป๋าเพื่อเดินทางข้ามรัฐไปใช้เวลาในช่วงวันหยุดกับเพื่อนและครอบครัว
แต่เนื่องด้วยกฎเกณฑ์ด้านพรมแดนที่แตกต่างกันใน 8 เขตพื้นที่ปกครองของออสเตรเลีย เช่นเดียวกับการปรับเปลี่ยนมาตรการจำกัดห้ามต่าง ๆ ในการเตรียมพร้อมสำหรับวันหยุดช่วงเทศกาลที่กำลังจะมาถึง อาจเป็นเรื่องยากที่คุณจะรู้ว่าต้องกรอกแบบฟอร์มอะไร ต้องไปตรวจเชื้อหรือไม่ หรือจะต้องกักตัวเมื่อคุณเดินทางมาถึงหรือเปล่า
หากคุณมีแผนจะเดินทางข้ามรัฐหรือมณฑลในออสเตรเลียช่วงฤดูร้อนนี้ ต่อไปนี้คือกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่คุณจำเป็นต้องปฏิบัติตาม
รัฐนิวเซาท์เวลส์
รัฐนิวเซาท์เวลส์เปิดพรมแดนให้กับประชาชนจากทุกรัฐและมณฑลของออสเตรเลีย และไม่ต้องกรอกแบบฟอร์มแจ้งการเดินทางเข้าพรมแดน (entry declaration) ไม่ต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 หรือกักตนเอง (self-isolate)
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีกฎและมาตรการจำกัดที่มีผลบังคับใช้ หากคุณเคยไปพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบ (affected area) หรือพื้นที่ซึ่งมีความน่ากังวล (area of concern) ในช่วง 14 วันที่ผ่านมา
เพื่อตรวจสอบว่าคุณได้เดินทางไปยังสถานที่ซึ่งมีความน่ากังวล จากประกาศของรัฐนิวเซาท์เวลส์ (COVID-19 concerns notice)
หากคุณได้เดินทางไปยังพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบ หรือพื้นที่ซึ่งมีความน่ากังวล คุณจะต้องกรอกแบบฟอร์มแจ้งการเดินทางเข้าพรมแดนภายใน 24 ชั่วโมงก่อนที่คุณจะเดินทางมายังรัฐนิวเซาท์เวลส์ หรือ ณ เวลาที่เข้าพรมแดน
หากคุณเคยอยู่ในพื้นที่ซึ่งมีความน่ากังวล เมื่อเดินทางมาถึงรัฐนิวเซาท์เวลส์แล้ว จะต้องเดินทางไปยังที่พำนักทันที และกักตัวจนกว่าจะผ่านไปเป็นเวลา 14 นับตั้งแต่เคยอยู่ในพื้นที่ซึ่งมีความน่ากังวล หรือจนกว่าประกาศพื้นที่ซึ่งมีความน่ากังวลจะถูกยกเลิก
ในระหว่างนี้ คุณจะสามารถออกจากบ้านได้ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้เท่านั้น
- ไปซื้ออาหาร หรือรับบริการต่าง ๆ
- การเดินทางเพื่อการทำงาน การศึกษา บริการดูแลเด็ก และการดูแลบุตรร่วมกัน
- การเดินทางด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ ไปรับการฉีดวัคซีน เวชภัณฑ์ หรือเพื่อเติมเต็มความรับผิดชอบในการดูแล
- การย้ายบ้าน
- การออกกำลังกายนอกสถานที่เพียงคนเดียว กับสมาชิกในครัวเรือนเดียวกัน หรือกับบุคคลอื่นเพียงคนเดียว
- การให้อาหารสัตว์ หรือเพื่อสวัสดิภาพสัตว์
- ในกรณีฉุกเฉิน
หากคุณเคยไปยังพื้นที่ซึ่งมีความกังวลในระดับสูง (area of high concern) ตรวจสอบประกาศพื้นที่ซึ่งมีความกังวลต่อสถานการณ์โควิด-19 (COVID-19 concern notice) เพื่อตรวจสอบว่าคุณได้รับการระบุให้เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิด (close contact) หรือเป็นผู้สัมผัสชั่วคราว (casual contact) เนื่องจากกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกันในแต่ละกรณี
ส่วนประชาชนรัฐนิวเซาท์เวลส์ที่ได้รับการระบุว่าเป็นผู้สัมผัสชั่วคราว (casual contact) จะต้องไปรับการตรวจหาเชื้อทันทีที่เดินทางกลับมา และจะต้องกักตัวจนกว่าจะได้รับผลการตรวจหาเป็นลบ
หากคุณไม่ใช่ประชาชนรัฐนิวเซาท์เวลส์ แต่ได้รับการระบุว่าเป็นผู้สัมผัสชั่วคราว (casual contact) คุณอาจเดินทางเข้ามายังรัฐนิวเซาท์เวลส์ได้หากได้รับการตรวจหาเชื้อแล้ว และได้รับผลการตรวจหาเชื้อที่เป็นลบ เก็บสำเนาผลการตรวจของคุณไว้เพื่อแสดงกับเจ้าหน้าที่หากจำเป็น
ชาวรัฐนิวเซาท์เวลส์ที่เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิด (close contact) ได้รับอนุญาตให้เข้ารัฐนิวเซาท์เวลส์ได้ คุณจะต้องเดินทางเข้ามายังรัฐและกลับสู่ที่พำนัก หรือสถานที่อื่น ๆ ที่มีความเหมาะสมทันที และกักกันตนเองจนกว่าจะครบ 14 วันหลังจากที่ได้เดินทางไปยังพื้นที่ซึ่งมีความกังวลในระดับสูง แต่หากคุณได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว คุณเพียงต้องกักกันตนเองเป็นระยะเวลา 7 วัน
ส่วนประชาชนที่ไม่ใช่ชาวรัฐนิวเซาท์เวลส์ที่ได้รับการระบุว่าเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิด (close contact) จะได้รับอนุญาตให้เข้ารัฐนิวเซาท์เวลส์ก็ต่อเมื่อได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และเมื่อเดินทางมาถึงแล้วจะต้องกักกันตนเองเป็นเวลา 7 วันนับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่อยู่ในพื้นที่ซึ่งมีความน่ากังวลในระดับสูง (place of high concern)
หากคุณไม่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส และได้รับการระบุว่าเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิด (close contact) คุณไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามายังรัฐนิวเซาท์เวลส์ และต้องปฏิบัติตามกฎของรัฐและมณฑลที่คุณอาศัยอยู่
หากคุณอาศัยอยู่ในภูมิภาครอยต่อระหว่างรัฐนิวเซาท์เวลส์และรัฐวิกตอเรีย คุณไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎอยู่แต่ในบ้าน (stay-at-home rules) เพื่อตรวจสอบว่าพื้นที่ใดบ้างเป็นภูมิภาครอยต่อระหว่างรัฐนิวเซาท์เวลส์และรัฐวิกตอเรีย
หน่วยงานสาธารณสุขรัฐนิวเซาท์เวลส์แนะนำอย่างยิ่งว่า ผู้ใดก็ตามที่จะเดินทางไปยังพื้นที่ห่างไกล และชุมชนชาวอะบอริจินในพื้นที่ห่างไกล ให้ไปรับการฉีดวัคซีน และหลีกเลี่ยงการเดินทางหากรู้สึกไม่สบาย
สำหรับกฎและมาตรการจำกัดล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์ COVID-19 ภายในรัฐนิวเซาท์เวลส์
Australians have found it hard to keep up with evolving border rules in different states and territories. Source: AAP
รัฐวิกตอเรีย
ผู้มาเยือนรัฐวิกตอเรียจากในประเทศไม่จำเป็นต้องขอใบอนุญาตเดินทาง (travel permit) เพื่อเข้ามายังรัฐวิกตอเรีย (นอกจากเคยอยู่ในต่างประเทศในช่วง 14 วันที่ผ่านมา) นอกจากนี้ ผู้มาเยือนรัฐวิกตอเรียไม่จำเป็นต้องไปรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 และไม่ต้องกักตนเอง
หากคุณได้รับการกักตัวในโรงแรมกักกันโรคจากรัฐอื่น และต้องการเข้ามายังรัฐวิกตอเรีย คุณก็ไม่จำเป็นต้องขอใบอนุญาตเดินทางด้วยเช่นกัน
สำหรับกฎและมาตรการจำกัดห้ามล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์ไวรัส COVID-19 ภายในรัฐวิกตอเรีย
มณฑลนครหลวงออสเตรเลีย
ประชาชนทั้งชาวเอซีทีและพื้นที่ส่วนอื่น ๆ ในออสเตรเลีย ที่ไม่ได้เดินทางไปยังพื้นที่ความเสี่ยงสูงทางภูมิศาสตร์ (high-risk geographical area) ภายในช่วง 14 วันที่ผ่านมา จะได้รับอนุญาตให้เข้ามณฑลนครหลวงออสเตรเลียไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม คุณไม่จำเป็นต้องกรอกแบบฟอร์มเพื่อขอยกเว้นการเดินทาง เข้ากักตัว หรือปฏิบัติตามข้อจำกัดอยู่แต่ในบ้าน
หากคุณได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นชาวเอซีทีหรือไม่ก็ตาม แต่เคยเดินทางไปยังพื้นที่ความเสี่ยงสูงในรอบ 14 วันที่ผ่านมา คุณจะต้องกรอกภายในระยะเวลา 72 ชั่วโมงก่อนเดินทางมาถึงมณฑล เมื่อเดินทางมาถึง คุณจะได้รับเอกสารเกี่ยวกับการยกเว้นการเดินทาง คุณจะต้องเฝ้าระวังอาการ และไปรับการตรวจหาเชื้อในทันทีหากมีอาการของโควิด-19 เกิดขึ้น
หากคุณเป็นชาวเอซีทีที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน และเดินทางไปยังพื้นที่ความเสี่ยงสูงในช่วง 14 วันที่ผ่านมา คุณจะต้องกรอกแบบฟอร์มยกเว้นการเดินทางภายในระยะเวลา 72 ชั่วโมงก่อนเดินทางมาถึงมณฑล คุณจะได้รับการออกใบยกเว้นการเดินทาง หลังการยืนยันตัวตน ถิ่นพำนักอาศัย และได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ให้เดินทางออกจากเขตปกครองปัจจุบันที่คุณอาศัยอยู่เรียบร้อยแล้ว
คุณจะต้องอยู่แต่ในบ้านจนกว่าจะครบ 14 วันนับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่อยู่ในพื้นที่ความเสี่ยงสูง และได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านได้ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
- ทำงานที่มีความจำเป็น หรือไปเรียน หากคุณไม่สามารถทำงานหรือเรียนจากที่บ้านได้
- ทำหน้าที่ดูแลเด็กตามปกติ ซึ่งพ่อแม่และผู้ปกครองจำเป็นต้องทำงานที่จำเป็น หรือต้องไปเรียน
- ซื้อของใช้ที่จำเป็น เช่น ของชำ ยา และเสบียงที่จำเป็น
- เหตุผลด้านบริการทางการแพทย์ที่จำเป็น ซึ่งรวมถึงกรณีที่มีเหตุผลน่าเห็นใจ และการดูแลผู้มีความเปราะบาง
- ไปรับการฉีดวัคซีนโควิด-19
- ออกกำลังกายนอกสถานที่ โดยจำกัดให้ทำได้วันละ 1 ชั่วโมง
- เหตุผลด้านสวัสดิภาพสัตว์ที่มีความจำเป็น (เช่น ไปให้อาหารสัตว์เลี้ยง หรือปศุสัตว์ซึ่งอยู่อีกที่หนึ่ง)
- ในกรณีฉุกเฉิน
ประชาชนอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป จะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่อออกจากบ้านโดยเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น ยกเว้นการออกกำลังกายอย่างหนักนอกสถานที่
หากคุณไม่ใช่ชาวเอซีที ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน และเคยเดินทางไปยังพื้นที่ซึ่งมีความเสี่ยงสูงในช่วง 14 วันที่ผ่านมา คุณไม่สามารถเดินทางเข้ามายังมณฑลนครหลวงออสเตรเลียได้ นอกจากได้รับการยกเว้นก่อนเดินทางมาถึง และเมื่อคุณได้รับการยกเว้น ก็จะต้องปฏิบัติตามกฎอยู่แต่ในบ้าน และ/หรือเงื่อนไขใดก็ตามที่ระบุไว้ในเอกสารยกเว้นการเดินทาง
ผู้ร่วมเดินทางที่อายุน้อยกว่า 12 ปี จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดเดียวกับพ่อแม่หรือผู้ปกครองที่เดินทางมาด้วย
ผู้เดินทางอายุน้อยกว่า 12 ปีซึ่งไม่มีผู้เดินทางร่วมด้วย จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามายังมณฑลเอซีที นอกจากจะได้รับการยกเว้นก่อนเดินทางมาถึง โดยจะมีเงื่อนไขแยกเฉพาะเป็นรายกรณี ซึ่งเงื่อนไขเหล่านี้เป็นไปได้ว่าอาจรวมถึงข้อบังคับให้ไปรับการตรวจหาเชื้อเพียงอย่างเดียว
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎพรมแดนของมณฑลนครหลวงออสเตรเลีย สำหรับการเดินทางภายในประเทศ และตรวจสอบจุดสัมผัสเชื้อในทุกเขตปกครองของออสเตรเลีย
สำหรับกฎและมาตรการจำกัดในสถานการณ์ COVID-19 ภายในมณฑลนครหลวงออสเตรเลีย
รัฐควีนส์แลนด์
13 ธ.ค.ที่ผ่านมา รัฐควีนส์แลนด์เปิดพรมแดนให้กับชาวออสเตรเลียที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และมีผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบพีซีอาร์เป็นลบ
ประชาชนทุกคนที่เดินทางมายังรัฐควีนส์แลนด์ จะต้องยื่นขอใบอนุญาตผ่านพรมแดนของรัฐควีนสแลนด์ () และได้รับใบอนุญาตก่อนเดินทางมาถึง
ข้อกำหนดในการเข้าพรมแดน จะขึ้นอยู่กับว่าคุณเคยอยู่ในพื้นที่ฮอตสปอตมาก่อนหรือไม่ในช่วง 14 วันที่ผ่านมา รวมถึงว่าคุณได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสหรือไม่
หากคุณเดินทางมาจากพื้นที่เดินทางปลอดภัย (safe travel zone) หรือพื้นที่สีเขียว (green zone) ไม่มีข้อจำกัดการเดินทาง
หากคุณได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว คุณสามารถเดินทางได้อย่างอิสระจากพื้นที่ชายแดนรัฐนิวเซาท์เวลส์ที่ไม่ถูกจำกัดห้าม (non-restricted NSW border zone) แต่ถ้าหากคุณไม่ได้รับการฉีดวัคซีน คุณจะเดินทางได้
หากคุณได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว คุณสามารถเดินทางจากพื้นที่ชายแดนรัฐนิวเซาท์เวลส์ที่ถูกจำกัดห้าม (restricted NSW border zone) มายังรัฐควีนส์แลนด์ได้ หากคุณไม่ได้รับการฉีดวัคซีน การเดินทางมายังรัฐควีนส์แลนด์จากพื้นจำกัดห้ามจะถูกจำกัดไว้
เพื่อตรวจสอบว่าพื้นที่ปกครองส่วนท้องถิ่นใดที่ได้รับการระบุว่าเป็นพื้นที่ชายแดนที่ไม่ได้รับการจำกัดห้าม (non-restricted border zone)หากคุณเคยอยู่ในพื้นที่ซึ่งได้รับการประกาศให้เป็นพื้นที่ฮอตสปอตในช่วง 14 วันที่ผ่านมา คุณจะสามารถเดินทางมายังรัฐควีนส์แลนด์ได้ในฐานะ “ผู้เดินทางจากพื้นที่ฮอตสปอต (hotspot traveller)” หากคุณได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส และมีผลการตรวจหาเป็นลบในช่วง 72 ชั่วโมงก่อนเดินทางมาถึง และจะต้องไปรับการตรวจหาเชื้อในวันที่ 5 หลังจากที่เดินทางมาถึงรัฐควีนส์แลนด์
Tom Underhill (left) is reunited with family as he arrives from Sydney to Brisbane Domestic Airport as Queensland opens hard borders after 229 days. Source: AAP Image/Jono Searle
หากคุณเดินทางเข้ามายังรัฐควีนส์แลนด์ในฐานะผู้เดินทางจากพื้นที่ฮอตสปอต คุณไม่จำเป็นต้องกักตัว แต่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขรัฐควีนส์แลนด์ยังกำหนดให้คุณจับตารายชื่อสถานบริการในต่างรัฐที่สัมผัสเชื้อในช่วง 14 วันแรกหลังคุณเดินทางมาถึง และไปรับการตรวจเชื้อหากคุณมีอาการใด ๆ ของโควิด-19
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมในการเดินทางเข้ารัฐควีนส์แลนด์จากพื้นที่ฮอตสปอต หรือตรวจสอบว่าสถานที่ใดได้รับการประกาศให้เป็นพื้นที่ฮอตสปอต
หากคุณเคยอยู่ที่สถานบริการในพื้นที่ต่างรัฐที่สัมผัสเชื้อ (สถานที่ใดก็ตามซึ่งผู้ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อโควิด-19 เคยเดินทางไป) ในช่วง 14 วันก่อนเดินทางมาถึงรัฐควีนส์แลนด์ คุณสามารถเข้ามายังรัฐควีนสแลนด์ได้หากคุณฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และมีผลการตรวจหาเป็นลบภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทางมาถึง
คุณจะต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน (หากคุณมีสิทธิ์ที่จะกักตัวจากที่บ้าน) หรืออยู่ในสถานที่พักซึ่งรัฐบาลจัดเตรียมไว้ โดยต้องออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด
สำหรับรายชื่อสถานบริการต่างรัฐที่มีการสัมผัสเชื้อโควิด-19 ล่าสุด (Interstate Exposure Venues หรือ IEVs)
หากคุณอยู่ในรัฐควีนส์แลนด์ และทราบว่าเคยอยู่ในสถานบริการต่างรัฐที่มีการสัมผัสเชื้อโควิด (IEV) คุณควรกักตัวอยู่ที่บ้านและติดต่อสาธารณสุขรัฐควีนส์แลนด์ คุณจำเป็นต้องกักตัวภาคบังคับให้ครบ 14 วัน
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎพรมแดนของรัฐควีนส์แลนด์ สำหรับการเดินทางภายในประเทศ
สำหรับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับกฎและมาตรการจำกัดในสถานการณ์โควิด-19 ของรัฐควีนส์แลนด์
รัฐเซาท์ออสเตรเลีย
รัฐเซาท์ออสเตรเลียเปิดพรมแดนให้กับผู้เดินทางในออสเตรเลียที่ฉีดวัคซีนแล้ว โดยข้อกำหนดด้านการฉีดวัคซีนโควิด-19 จะมีผลกับผู้เดินทางทั้งหมดที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปี 2 เดือนขึ้นไป รวมถึงประชาชนชาวรัฐเซาท์ออสเตรเลียที่เดินทางกลับมาด้วย
หากคุณเดินทางมาถึงรัฐเซาท์ออสเตรเลียจากต่างรัฐ ซึ่งรวมถึงประชาชนของรัฐเซาท์ออสเตรเลียด้วย คุณจะต้องกรอกแบบฟอร์มขอเข้าพรมแดนผ่านระบบ โดยสามารถยื่นล่วงหน้าก่อนการเดินทางได้สูงสุด 14 วัน แนะนำให้คุณยื่นแบบฟอร์มดังกล่าวอย่างน้อย 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง
แบบฟอร์มนี้จะประเมินความเสี่ยงโควิด-19 ของคุณ และให้คำแนะนำถึงเงื่อนไขต่าง ๆ ในการเดินทางเข้ารัฐ คุณอาจต้องเข้ารับการกักตัว เข้ารับการตรวจหาเชื้อ และตรวจสอบอาการโควิด-19 ด้วยการใช้งานแอปพลิเคชัน โดยขึ้นอยู่กับต้นทางที่คุณเดินทางมา และระดับความเสี่ยงโควิด-19 ที่คุณมี
หากคุณไม่ได้รับการฉีดวัคซีน และไม่มีข้อยกเว้นทางการแพทย์ที่ได้รับการยอมรับ คุณไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามายังรัฐเซาท์ออสเตรเลีย แม้จะเป็นประชาชนรัฐเซาท์ออสเตรเลียก็ตาม
จะมีการพิจารณายกเว้นให้ด้วยเหตุผลบางประการ (เช่น การมาร่วมพิธีศพ และการเข้าเยี่ยมผู้ป่วยในช่วงสุดท้ายของชีวิต) โดยจะต้องยื่นแบบคำร้องขอยกเว้นเพิ่มเติมจากแบบฟอร์มขอเข้าพรมแดน
หากการยกเว้นของคุณได้รับการอนุมัติ คุณจะได้รับการแนะนำข้อกำหนดในการกักตัว และไปรับการตรวจหาเชื้อ ผู้เดินทางบางส่วน อาจจำเป็นที่จะต้องกักตัวที่บ้าน โดยใช้งานแอพพลิเคชัน หรือเข้ารับการกักตัวในโรงแรมทางการแพทย์
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎพรมแดนของรัฐเซาท์ออสเตรเลีย สำหรับการเดินทางภายในประเทศ
สำหรับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับกฎและมาตรการจำกัดในสถานการณ์โควิด-19 ในรัฐเซาท์ออสเตรเลีย
รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย
รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียจะเปิดพรมแดนให้กับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส ทั้งที่เดินทางมาจากในประเทศและต่างประเทศ ในวันที่ 5 ก.พ. ปีหน้า หลังจากวันดังกล่าวคุณไม่จำเป็นต้องกักตัวอีกต่อไป
โดยในขณะนี้ มีเพียงผู้เดินทางมาจากรัฐแทสเมเนียเท่านั้น ที่สามารถเข้าไปยังรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียได้โดยไม่ต้องกักตัว ส่วนผู้เดินทางมาจากพื้นที่อื่นของออสเตรเลีย จะต้องกักตัวเองเป็นระยะเวลา 14 วัน
ประชาชนทุกคนที่เดินทางมายังเวสเทิร์นออสเตรเลีย ซึ่งรวมถึงประชาชนของเวสเทิร์นออสเตรเลียเอง จะต้องกรอกใบอนุญาตเข้าพรมแดนผ่านระบบ และจะต้องรอให้ได้รับการอนุมัติก่อนจึงจะเดินทางเข้ามาได้
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎพรมแดนสำหรับการเดินทางภายในประเทศของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย
สำหรับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับกฎและมาตรการจำกัดในสถานการณ์โควิด-19 ในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย
มณฑลนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี
มณฑลนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี อนุญาตให้เฉพาะผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ประชาชนของมณฑลนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี และผู้ที่ไม่สามารถรับการฉีดวัคซีนได้ (เช่น เด็กที่มีอายุน้อยกว่า 12 ปี) สามารถเดินทางเข้ามายังมณฑลได้
ทุกคนที่เดินทางมายังมณฑลจะต้องยื่นแบบฟอร์ม ก่อนเดินทางมาถึงในระยะเวลา 5 วันหรือน้อยกว่า
ประชาชนในประเทศที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และต้องการเดินทางมายังมณฑลจากพื้นที่สีแดงของสถานการณ์โควิด-19 อาจได้รับอนุญาตให้กักตัวอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 7 วัน (หากมีสิทธิ์) โดยคุณจะได้รับคำแนะนำหลังแบบฟอร์มขอเข้าพรมแดนทางออนไลน์ได้รับการประมวลผล
ส่วนชาวมณฑลที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนและเดินทางมาจากพื้นที่สีเขียว จะยังเดินทางเข้ามาในมณฑลได้ แต่จะต้องเดินทางไปยังสถานที่ซึ่งมีความเหมาะสมสำหรับการกักตัว ไปรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 และกักตนเองจนกว่าจะได้รับผลการตรวจหาเชื้อเป็นลบ
ชาวมณฑลที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนซึ่งเดินทางมาจากพื้นที่สีแดง จะต้องเข้ากักตัวภาคบังคับที่อยู่ภายใต้การดูแลเป็นเวลา 14 วัน
หากคุณไม่ได้รับการฉีดวัคซีน และไม่ใช่ชาวมณฑลที่เดินทางกลับมา คุณจะต้องเพื่อเข้ามายังมณฑลนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี และหากคุณสมบัติของคุณตรงกับข้อกำหนดในการเข้าพรมแดน คุณจะต้องเข้ากักตัวภาคบังคับที่อยู่ภายใต้การดูแลเป็นเวลา 14 วัน หากคุณไม่เข้ารับการกักตัวก็จะไม่สามารถเดินทางเข้ามาได้
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎพรมแดนของมณฑลนอร์เทิร์นเทร์ริทอรีสำหรับการเดินทางภายในประเทศ
สำหรับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับกฎและมาตรการจำกัดในสถานการณ์โควิด-19 ในมณฑลนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี
People arrive from Sydney to Brisbane Domestic Airport, Brisbane, Monday, 13 December 2021. Source: AAP Image/Jono Searle
รัฐแทสเมเนีย
ผู้เดินทางมายังรัฐแทสเมเนียทุกคน รวมถึงชาวรัฐที่เดินทางกลับมา จะต้องให้ข้อมูลติดต่อ และรายละเอียดการเดินทางก่อนเข้าพรมแดนผ่านระบบ
ผู้เดินทางและชาวรัฐที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนทุกคน จะต้องได้รับการอนุมัติก่อนเดินทางเข้ามายังรัฐแทสเมเนีย
แบบคำร้องของคุณจะต้องมีหลักฐานเกี่ยวกับสถานที่ซึ่งเหมาะสมที่คุณจะกักตนเองได้ หรือคุณอาจต้องติดต่อโรงแรมกักกันโรค (มีค่าใช้จ่าย) นอกจากนี้ คุณยังต้องแสดงหลักฐานผลการตรวจหาเชื้อแบบพีซีอาร์ที่เป็นลบ ซึ่งได้ไปทำการตรวจภายในเวลา 72 ชั่วโมงก่อนออกเดินทางมายังรัฐแทสเมเนีย (ข้อกำหนดนี้มีผลกับผู้เดินทางทุกคนที่อายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป)
ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.เป็นต้นไป หากคุณฉีดวัคซีนครบโดส และไม่เคยเดินทางไปยังพื้นที่ความเสี่ยงสูงหรือสูงมาก คุณไม่จำเป็นต้องไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 หรือกักตัว คุณเพียงต้องลงทะเบียนการเดินทางของคุณกับระบบ
หากคุณฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว แต่เคยใช้เวลาในพื้นที่ใดก็ตามซึ่งมีความเสี่ยงสูงหรือสูงมากภายใน 14 วันก่อนที่คุณจะเดินทางมายังรัฐแทสเมเนีย คุณจะต้องได้รับผลการตรวจหาโควิด-19 แบบพีอาร์เป็นลบภายใน 72 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง
ผู้เดินทางมายังรัฐแทสเมเนียทุกคนที่เคยใช้เวลาในพื้นที่ความเสี่ยงสูงมาก ภายในเวลา 14 วันก่อนที่คุณจะเดินทางมาถึงรัฐแทสเมเนีย จะต้องยื่นขออนุมัติให้เข้ารัฐแทสเมเนีย หากได้รับการอนุมัติแล้ว จะมีเงื่อนไขเพิ่มเติมซึ่งรวมถึงข้อกำหนดด้านการตรวจหาเชื้อและการกักตัว
ผู้เดินทางที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน จะต้องยื่นขออนุมัติเพื่อเดินทางเข้ามายังรัฐแทสเมเนีย ไม่ว่าว่าจะเคยอยู่ที่ไหนก็ตามก่อนเดินทางมาถึง
หากคุณมีอาการของไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ให้ติดต่อขอรับการตรวจเชื้อได้ด้วยการโทรศัพท์ไปยังแพทย์ประจำตัวของคุณ หรือโทรศัพท์ติดต่อสายด่วนให้ข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (Coronavirus Health Information Hotline) ที่หมายเลข 1800 020 080
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจจาก เอสบีเอส ไทย
ออสฯ เปิดพรมแดนให้ผู้ถือวีซ่าอีกครั้งในรอบเกือบ 2 ปี