ไม่นานมานี้ ชื่อเสียงของวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) ได้รับผลกระทบจากความเชื่อมโยงกับกรณีลิ่มเลือดอุดตันซึ่โอกาสเกิดขึ้นมีน้อยมาก และการเปลี่ยนแปลงคำแนะนำด้านสุขภาพเพื่อไม่ให้ใช้กับชาวออสเตรเลียที่มีอายุน้อยกว่า 60 ปี
แต่สิ่งที่หน่วยงานการแพทย์และรัฐบาลบอกเป็นเสียงเดียวกันคือ วัคซีนนี้เป็นหนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดที่ชาวออสเตรเลียมี ในการป้องกันอาการที่รุนแรง การเข้ารักษาในโรงพยาบาล และการเสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19
แต่เกิดอะไรขึ้นกับวัคซีนที่ครั้งหนึ่งถูกกำหนดว่า “มีประสิทธิภาพ” ซึ่งจะได้รับการฉีดให้กับประชาชนส่วนใหญ่ในออสเตรเลีย แล้วเราจะทำอย่างไรต่อจากการเปลี่ยนแปลงคำแนะนำในการฉีดวัคซีนนี้
มีอะไรเปลี่ยนไปเมื่อเร็ว ๆ นี้
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลสหพันธรัฐได้ประกาศว่า วัคซีนแอสตราเซเนกา ได้รับการแนะนำให้ฉีดสำหรับสำหรับชาวออสเตรเลียที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ตามคำแนะนำล่าสุด จากกลุ่มที่ปรึกษาทางเทคนิคด้านการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันแห่งออสเตรเลีย (ATAGI)
หน่วยงานสาธารณสุขออสเตรเลียระบุว่า สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนโดสแรกของแอสตราเซเนกาไปแล้ว ยังคงได้รับการกำชับเพื่อไม่ให้ยกเลิกนัดหมายในการไปรับการฉีดวัคซีนโดสที่ 2 และไปพบแพทย์
อย่างไรก็ตาม จากกรณีของผู้ที่มีภาวะลิ่มเลือดอุดตันเกือบทั้งหมดที่ได้มีการรายงานจนถึงขณะนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ได้รับการฉีดวัคซีนโดสแรก
“ผู้ที่ได้รับวัคซีนโดสแรกโดยไม่มีผลข้างเคียงที่รุนแรง สามารถมั่นใจได้ในการไปรับวัคซีนโดสที่ 2” คำแนะนำของ ATAGI ระบุ
เหตุผลของการเปลี่ยนแปลงคำแนะนำในการฉีดวัคซีนนี้ มีพื้นฐานมาจากการประเมินที่พบความเสี่ยงในระดับสูงที่จะเกิดภาวะเลือดแข็งตัวผิดปกติ (blood clotting disorder) ภาวะเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือด (thrombosis) และภาวะลิ่มเลือดอุดตันด้วยภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (thrombocytopenia syndrome หรือ TTS)
“มันสำคัญที่จะระลึกว่า คำแนะนำนี้สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้ในทั้งสองทิศทาง ขณะที่สถานการณ์โควิดยังคงมีความคืบหน้า” นายพอล กริฟฟิน (Paul Griffin) ผู้อำนวยการด้านโรคระบาด จากบริการสุขภาพเมเทอร์ (Mater Health Services) ในนครซิดนีย์ กล่าว
อนาคตของ AstraZeneca ในออสเตรเลียจะเป็นอย่างไร
รัฐบาลออสเตรเลียตกลงซื้อวัคซีนของแอสตราเซเนกาเพิ่มเติมจำนวน 53.8 ล้านโดส โดยได้มีการวางแผนเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ในการผลิตวัคซีนเพิ่มอีก 50 ล้านโดสภายในประเทศ
โดยวัคซีนนี้จะยังสามารถเข้าถึงได้โดยชาวออสเตรเลียที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป ซึ่งแตกต่างจากแผนเดิมของรัฐบาลในตอนแรกที่จะฉีดให้กับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
ศาสตราจารย์จิล คาร์ (Jill Carr) นักไวรัสวิทยาจากวิทยาลัยแพทยศาสตร์และสาธารณสุข มหาวิทยาลัยฟลินเดอส์ (Flinders University) กล่าวว่า การจำกัดวัคซีนให้เฉพาะผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป จะกระทบกับความสามารถของออสเตรเลีย ในการบรรลุการสร้างภูมิคุ้มกันในชุมชนในระดับที่ดีอย่างรวดเร็ว
“แอสตราเซเนกา เป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ของเราในตอนแรก แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่ารัฐบาลจะมีแผนการอย่างอื่น ในการครอบคลุมสต็อกวัคซีนที่ไม่เพียงพอสำหรับผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 60 ปี” ศาสตราจารย์คารร์ กล่าว
โดยในตอนนี้ วัคซีนของไฟเซอร์ (Pfizer) กำลังจะมีบทบาทสำคัญในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของออสเตรเลีย
พล.ท.จอห์น ฟรีเวน (John Frewen) ผู้ประสานงานการเปิดตัววัคซีนโควิด-19 ของออสเตรเลีย กล่าวเมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ที่ผ่านมาว่า สต๊อกวัคซีนของไฟเซอร์นั้น กำลังได้รับการจัดการ “อย่างระมัดระวัง” ก่อนที่จะมีการเร่งเพิ่มจำนวนโดสวัคซีนอีกครั้ง ในเดือนสิงหาคมนี้
ทางการออสเตรเลีย ระบุว่า ประโยชน์ของการฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาให้กับผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปมีมากกว่าความเสี่ยง
ทำไมไม่เลิกใช้วัคซีน AstraZeneca ไปเสียทีเดียว
เหตุผลก็คือ แม้จะเกิดภาวะลิ่มเลือดแข็งตัวจากการฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกา อย่างไรก็ดี วัคซีนดังกล่าวได้รับการยกย่องว่า สามารถให้การปกป้องในระดับสูงจากการเสียชีวิต และการรักษาตัวในโรงพยาบาลจากอาการต่าง ๆ ของไวรัสโควิด-19
อธิบายโดยละเอียดก็คือ ความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากลิ่มเลือดอุดตันด้วยภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (TTS) หลังจากการรับวัคซีนนั้น อยู่ที่ 1 ต่อ 2,000,000 โดส ซึ่งเป็นความเป็นไปได้เดียวกับการเสียชีวิตด้วยการถูกฟ้าผ่า
เช่นเดียวกับที่ผู้เชี่ยวชาญได้ตั้งข้อสังเกตว่า คุณอาจเสียชีวิตจากการเดินบนท้องถนน มากกว่าการจมน้ำ หรือประสบอุบัติเหตุรถยนต์
“เมื่อคุณรับรู้ว่าความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือดอุดตันด้วยภาวะเกล็ดเลือดต่ำนั้นมีน้อยเพียงใด การตัดสินใจเพื่อไปรับวัคซีนของแอสตราเซเนกา เพื่อปกป้องคุณและผู้อื่นจึงเป็นเรื่องง่าย” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ฮัสซาน วัลลีย์ (Hassan Vally) จากหน่วยงานสาธารณสุขของมหาวิทยาลัยลา โทรบ (La Trobe University)
เรามีวัคซีนของ Pfizer พอไหม
อีกเหตุผลหนึ่งที่เราไม่สามารถยกเลิกวัคซีนของแอสตราเซเนกาไปทั้งหมดได้ นั่นเพราะว่าเรามีวัคซีนของไฟเซอร์ไม่เพียงพอสำหรับประชากรทั้งประเทศในตอนนี้
โดยจนถึงขณะนี้ ออสเตรเลียได้สั่งซื้อวัคซีนของไฟเซอร์เป็นจำนวน 40 ล้านโดส ซึ่งเป็นวัคซีนแบบฉีดโดสแรก และโดสที่สองเพื่อเป็นการกระตุ้น เช่นเดียวกับของแอสตราเซเนกา โดยมีการให้คำมั่นว่า วัคซีนของไฟเซอร์จำนวนครึ่งหนึ่งของทั้งหมดจะได้รับการจัดส่งมายังออสเตรเลียภายในไตรมาส 4 ของปีนี้
โดยสต๊อกของวัคซีนไฟเซอร์ยังคงมีจำกัดในตอนนี้ และเราจะยังไม่ได้รับวัคซีนของโมเดอร์นา (Moderna) และโนวาแวกซ์ (Novavax) ไปจนกระทั่งช่วงปลายปีนี้
“โชคไม่ดี ที่รัฐบาลสหพันธรัฐได้เทความสนใจทั้งหมดไปที่วัคซีนของแอสตราเซเนกา ซึ่งในตอนนี้มันกำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่” นายเอเดรียน เอสเตอร์แมน (Adrian Esterman) ประธานชีวสถิติ จากมหาวิทยาลัยเซาท์ออสเตรเลีย (University of South Australia) กล่าวขณะที่ ศาสตราจารย์จูลี ลีสก์ (Julie Leask) จากภาควิชาการพยาบาลและผดุงครรภ์ มหาวิทยาลัยซิดนีย์ (University of Sydney) ซึ่งมีความสนใจด้านโรคระบาด และการสร้างภูมิคุ้มกัน กล่าวว่า ความต้องการวัคซีนของไฟเซอร์มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น ในอีกไม่กี่สัปดาห์ หรืออีกไม่กี่เดือนนี้
"จนกว่าเราจะได้รับสต๊อกวัคซีนเพียงพอ ผู้คนบางส่วนอาจไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนของไฟเซอร์ได้เมื่อพวกเขาต้องการ โดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่นหนุ่มสาว" ศาสตราจารย์ลีสก์ กล่าว
"ปัญหาเรื่องสต๊อกวัคซีนจะรุนแรงขึ้น หากเกิดการระบาดอีกครั้ง ซึ่งตอนนั้นเราจะพบกับความต้องการวัคซีนที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ เราหวังว่าเขตปกครองส่วนท้องถิ่นจะสามารถจัดการกับความต้องการวัคซีนที่เพิ่มมากขึ้นได้ จนกว่าเราจะเห็นการเร่งเพิ่มสต๊อกวัคซีนในช่วงหลังของปีนี้"
แล้วประเทศอื่นกำลังทำอะไรกันอยู่
หลายประเทศมีการตอบสนองต่อการวางแผนในการฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาให้กับประชาชนที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะด้วยเกณฑ์เรื่องเพศ เรื่องอายุ หรืออาจจำกัดห้ามไม่ให้ฉีดในบางประเทศ
ในสหราชอาณาจักร วัคซีนของแอสตราเซเนกาสามารถเข้าถึงได้โดยประชาชนอายุมากกว่า 40 ปีส่วนที่เกาหลีใต้ ได้กำหนดให้ใช้เฉพาะประชากรที่มีอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป
ขณะที่เยอรมนี ตอนนี้ไม่มีการจำกัดอายุผู้ที่รับวัคซีนของแอสตราเซเนกา หลังเมื่อไม่นานมานี้ได้ยกเลิกข้อจำกัด ที่จะฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาให้กับผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 60 ปี
ส่วนที่ประเทศชิลี เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีการเพิ่มอายุขั้นต่ำที่ประชาชนเพศชายจะสามารถรับวัคซีนของแอสตราเซเนกาเป็น 45 ปีขึ้นไปเช่นเดียวกับเพศหญิง จากเดิมที่กำหนดให้สามารถฉีดได้กับประชาชนอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
ส่วนในอิตาลีนั้น ก็มีการกำหนดเช่นเดียวกับออสเตรเลีย ที่ได้หยุดการฉีดวัคซีนให้กับผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 60 ปี เมื่อไม่นานมานี้ โดยรัฐบาลอิตาลีได้ประกาศว่า วัยรุ่นหนุ่มสาวชาวอิตาเลียนที่ได้รับวัคซีนโดสแรกเป็นของแอสตราเซเนกาไปแล้ว จะได้รับวัคซีนจากผู้ผลิตที่แตกต่างกันในเข็มที่ 2
ในประเทศสเปน ได้มีการจำกัดให้ใช้วัคซีนของแอสตราเซเนกาสำหรับผู้ทีมีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปเช่นเดียวกัน
เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ประเทศเดนมาร์ก กลายเป็นประเทศแรกที่หยุดการใช้วัคซีนแอสตราเซเนกากับประชาชนทุกกลุ่มอายุ โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของเดนมาร์กได้ขอให้รัฐบาลทบทวนมาตรการจำกัดห้ามนี้อีกครั้ง
ส่วนที่ประเทศนอร์เวย์ ได้มีการนำวัคซีนของแอสตราเซเนกาออกจากโครงการฉีดวัคซีนระดับประเทศ
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจจาก เอสบีเอส ไทย
วัคซีนโควิด-19 ในออสเตรเลีย 'ฉีดฟรี' ไม่จำกัดประเภทวีซ่า