ขณะนี้ ผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศเข้ามายังออสเตรเลียทุกคน ถูกบังคับให้ต้องแยกตัวเพื่อกักโรคเมื่อเดินทางมาถึงเป็นเวลา 14 วัน หลังนายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน เพิ่มมาตรการคุมเข้ม เพื่อพยายามควบคุมการระบาดของเชื้อโควิด-19
มาตรการกักโรคที่เข้มงวดนี้เริ่มมีผลบังคับตั้งแต่เที่ยงคืนของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (15 มี.ค.) ส่งผลให้ผู้คนส่วนหนึ่งเร่งเดินทางเข้ามาให้ถึงออสเตรเลียก่อนกฎดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับ
แต่ขณะนี้ สำหรับนักท่องเที่ยวและชาวออสเตรเลียที่เดินทางกลับบ้าน การแยกตัวเพื่อกักโรค (self-isolation) มีความหมายอย่างไร และจะมีการบังคับให้ปฏิบัติตามอย่างไร?
เมื่อเดินทางเข้ามาถึงสนามบิน จะมีการกระตุ้นให้ประชาชนใช้พาหนะส่วนตัว เช่น รถยนต์ เพื่อเดินทางกลับบ้าน จะได้ลดโอกาสในการนำเชื้อไปแพร่ให้แก่บุคคลอื่น
ผู้ที่มีไม่ได้มีอาการป่วย ไม่ถูกบังคับให้ต้องสวมหน้ากากอนามัย ยกเว้นแต่ว่า พวกเขากำลังสงสัยว่าอาจมีเชื้อไวรัสโคโรนา หรือได้เดินทางผ่านไปยังภูมิภาคที่มีความเสี่ยง
จากความต้องการในการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ แท็กซี่ และบริการรถโดยสารผ่านแอปพลิเคชัน (ride-sharing) ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มีคำแนะนำให้ผู้โดยสารเหล่านี้ต้องสวมสิ่งปกคลุมบริเวณปากและจมูก หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้อื่น และฝึกสุขนิสัยที่ดีในการล้างมือ และเมื่อไอและจาม
แนวทางปฏิบัติจากกระทรวงสุขภาพ อธิบายว่า การแยกตัวเพื่อกักโรค หมายความว่า ผู้ที่กำลังถูกกักโรคจำเป็นต้อง “อยู่บ้าน” โดยห้ามใครมาเยี่ยมที่บ้านด้วย
มาตรการนี้ กำหนดให้พวกเขาต้องไม่ไปยังสถานที่สาธารณะ รวมทั้ง ไม่ให้ไปทำงาน ไม่ให้ไปโรงเรียน ไม่ให้ไปสถานดูแลเด็ก หรือมหาวิทยาลัย และให้อยู่บ้าน ส่วนผู้อื่นที่โดยปกติอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน ก็ให้อาศัยอยู่ที่นั่นต่อไป
ครอบครัว หรือผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันกับผู้ที่ต้องแยกตัวเพื่อกักโรค ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตนเช่นเดียวกัน นอกเสียจากว่า พวกเขาเริ่มมีอาการของการติดเชื้อไวรัสโคโรนา
โทษหากฝ่าฝืนการแยกตัวเพื่อกักโรค
ผู้ที่ฝ่าฝืนการแยกตัวเพื่อกักโรค อาจเผชิญโทษปรับสูงสุด 50,000 ดอลลาร์ และอาจมีโทษจำคุกด้วย ภายใต้อำนาจของรัฐบาลของรัฐต่างๆ หากมีการฝ่าฝืนกฎการแยกตัวเพื่อกักโรค
บางรัฐมีอำนาจในการบังคับให้ผู้คนแยกตัวเพื่อกักโรคอยู่แล้วผ่านกฎในการลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายด้านสาธารณสุข ขณะที่ในบางรัฐ รวมทั้งควีนส์แลนด์ และเซาท์ออสเตรเลีย ได้อนุมัติกฎหมายใหม่เพื่อดำเนินการเรื่องนี้โดยเฉพาะ
ในเวสเทิร์นออสเตรเลีย ผู้ที่ละเมิดกฎการแยกตัวเพื่อกักโรค จะเผชิญค่าปรับเป็นเงินจำนวนมาก ตั้งแต่ 5,000-50,000 ดอลลาร์
บทลงโทษดังกล่าวอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติสาธารณสุขและพระราชบัญญัติการบริหารจัดการเหตุฉุกเฉิน
ประชาชนในนิวเซาท์เวลส์ อาจถูกปรับสูงสุด 11,000 ดอลลาร์ หรือถูกจำคุก หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งการแยกตัวเพื่อกักโรค
อำนาจพิเศษดังกล่าวนี้ มีอยู่แล้วภายใต้พระราชบัญญัติบริการเหตุฉุกเฉินแห่งรัฐ และพระราชบัญญัติสาธารณสุข ที่อนุญาตให้ตำรวจสามารถบังคับให้ประชาชนปฏิบัติตามได้
ในรัฐวิกตอเรีย ผู้ฝ่าฝืนอาจคำสั่งด้านสาธารณสุขอาจถูกปรับสูงสุด 19,826 ดอลลาร์ หลังมุขมนตรีแดเนียล แอนดรูว์ ประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งรัฐ ภายใต้พระราชบัญญัติสาธารณสุขและสวัสดิภาพ เมื่อวันจันทร์ (16 มี.ค.)ในควีนส์แลนด์ อำนาจการบังคับให้ผู้เดินทางเข้าประเทศต้องแยกตัวเพื่อกักโรค อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติสาธารณสุขของรัฐ โดยมีโทษปรับสูงสุด 13,345 ดอลลาร์
Victorian Premier Daniel Andrews speaks to the media during a press conference at the State Control Centre in Melbourne. Source: AAP
ขณะเดียวกัน ภายใต้พระราชบัญญัติสาธารณสุขของเซาท์ออสเตรเลีย ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ อาจถูกปรับสูงสุด 25,000 ดอลลาร์
ในนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี นายไมเคิล กันเนอร์ หัวหน้ารัฐมนตรีของที่นั่น กล่าวว่า ผู้ที่ละเมิดคำสั่งการแยกตัวเพื่อกักโรค อาจถูกจำคุกสูงสุด 6 เดือน
ขณะที่ ภายใต้มาตรา 42 ของพระราชบัญญัติสาธารณสุขของทัสมาเนีย ค่าปรับสุงสุดสำหรับความผิดนี้คือ 8,400 ดอลลาร์
ทางการจะรู้ได้อย่างไรหากคุณออกจากบ้าน
มาตรการแยกตัวเพื่อกักโรคทำให้เกิดคำถามตามมาทันทีว่า ทางการจะดำเนินการบังคับให้ผู้คนปฏิบัติตามคำสั่งนี้ได้อย่างไร
แม้จะมีการตั้งค่าปรับที่สูงลิ่ว เจ้าหน้าที่ทางการหวังว่าจะไม่ต้องได้ใช้บทลงโทษเหล่านี้ โดยบอกว่า จนถึงขณะนี้ อัตราของการปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐควีนส์แลนด์อยู่ที่ร้อยละ 99
แต่รัฐต่างๆ ระบุว่าจะมีการตรวจตราจากตำรวจเป็นประจำ เพื่อพยายามทำให้แน่ใจได้ว่า ประชาชนกักตัวเองอยู่ในบ้านของตน
นายกรัฐมนตรียังแนะนำระบบให้คนอื่น “ฟ้องเข้ามา” โดยให้ประชาชนแจ้งกับเจ้าหน้าที่ หาก “สหายของพวกเขาเพิ่งกลับจากบาหลี” และมาทำงาน โดยให้บอกกับคนเหล่านั้นว่า “พวกเขากำลังทำผิดกฎหมาย”
นางกลาดิส เบเรจิกเลียน มุขมนตรีนิวเซาท์เวลส์ ยังอีกร้องให้ผู้คน “ฟ้องเกี่ยวกับผู้ฝ่าฝืน” เข้ามาด้วย โดยบอกว่าผู้ที่ฝ่าฝืนการแยกตัวเพื่อกักโรค กำลังทำให้ผู้อื่นตกอยู่ในอันตราย โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ
“นี่เป็นเรื่องความเป็นความตาย” นางเบเรจิกเลียน กล่าวมุขมนตรี แอนนาสตาเซีย พาลาส์เชค์ ของควีนส์แลนด์ กล่าวว่า ตำรวจจะมีการสุ่มตรวจ เพื่อดูแลให้ผู้คนปฏิบัติตาม
NSW Premier Gladys Berejiklian and Prime Minister Scott Morrison. Source: AFP
แต่ความเห็นทั่วไปจากผู้นำรัฐบาลต่างๆ ของออสเตรเลียขณะนี้ เห็นว่า บทลงโทษต่างๆ เหล่านี้นั้น มีเพื่อให้ผู้คนเกรงกลัวและปฏิบัติตามคำสั่งเท่านั้น
จะออกจากบ้านเพื่อพาสุนัขไปเดินเล่นได้ไหม?
ผู้ที่มีพื้นที่สวนนอกบ้าน ได้รับอนุญาตให้ออกนอกบ้านไปยังสวนในบริเวณบ้านของตนได้ แต่ผู้ที่อยู่ในตึกอะพาร์ตเมนต์ ถูกกำหนดให้ต้อง “สวมหน้ากากอนามัย” ขณะออกไปยังพื้นที่ที่ใช้ร่วมกันกับผู้อยู่อาศัยในตึกคนอื่นๆ
คำแนะนำคือ คุณไม่ควรออกจากบ้านเพื่อพาสุนัขไปเดินเล่น มีคำแนะนำให้ผู้มีสัตว์เลี้ยง ควรให้เพื่อนบ้าน เพื่อน หรือญาติ หรือจ้างคนอื่น พาสุนัขไปเดินเล่นแทน
หากคุณต้องออกจากบ้าน เช่น ต้องออกไปหาหมอ มีคำแนะนำให้คุณต้องสวมหน้ากากอนามัย หรือให้ระวังอย่าไอหรือจามใส่ผู้อื่น
ผู้ที่แยกตัวเพื่อกักโรค ต้องคอยสังเกตอาการของตนอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอาการมีไข้สูง ไอ หรือหายใจลำบาก
อาการอื่นๆ ในระยะต้นของการติดเชื้อไวรัสโคโรนา ได้แก่ อาการหนาวสั่น เจ็บปวดกล้ามเนื้อ เจ็บคอ มีน้ำมูก
มีคำแนะนำให้ผู้ที่แยกตัวเพื่อกักโรค ขอให้ผู้อื่นนำอาหาร หรือของใช้จำเป็นอื่นๆ มาให้แทนการออกไปซื้อหาของเหล่านั้นด้วยตัวเอง
เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
วิกตอเรียกับเอซีทีประกาศภาวะฉุกเฉินจัดการวิกฤตโคโรนา
มีความช่วยเหลืออะไรบ้างสำหรับผู้ที่แยกตัวเพื่อกักโรค
มีการรวมตัวกันในชุมชนเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ต้องแยกตัวเพื่อกักโรค เช่น ห้องสนทนาออนไลน์ที่ในย่านต่างๆ ที่มีการโพสต์ข้อความเสนอให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ต้องการ
องค์กรการกุศล อย่าง เรด ครอสส์ (Red Cross) ยังเสนอให้ความช่วยเหลือแก่ผู้คนที่ต้องแยกตัวจากผู้อื่นเพื่อกักโรคด้วย
การมีน้ำใจช่วยเหลือซึ่งกันและกันยิ่งสำคัญมากขึ้นไปอีก เมื่อมีการแนะนำว่า ผู้สูงอายุอาจจำเป็นต้องแยกตัวเองจากผู้อื่นแบบสมัครใจไปสักระยะ เพื่อปกป้องตนเองไม่ให้ติดเชื้อ
นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน กล่าวว่า เขาต้องอาศัยชาวออสเตรเลีย ให้ใช้สามัญสำนึกของตน
“ขณะนี้ ชาวออสเตรเลียสามารถรับมือเรื่องนี้ได้” นายมอร์ริสัน กล่าวเมื่อวันอาทิตย์
“พวกเราสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในชีวิตประจำวันของเราได้ พวกเราสามารถรับมือกับความประหลาดใจที่อาจเกิดขึ้นเมื่อเรามีข้อมูลเพิ่มขึ้นได้”
รัฐวิกตอเรีย เซาท์ออสเตรเลีย และเขตนครหลวงของออสเตรเลีย (เอซีที) ได้ประกาศ “ภาวะฉุกเฉินแห่งรัฐ”ขึ้น เพื่อเพิ่มมาตรการเข้มงวด ในการรับมือกับการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา หรือเชื้อโควิด-19 นี้
อ่านข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นภาษาไทย ได้จากเว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุขนิวเซาท์เวลส์
เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
สถานการณ์ “ร้านอาหารไทย” ท่ามกลางวิกฤตโคโรนา
ติดตามฟังรายการ เอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ ทุกวันจันทร์และวันพฤหัสบดี เวลา 22.00 น.