ชายชาวรัฐวิกตอเรียผู้หนึ่งพบผลการตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นบวก หลังกักตัวในโรงแรมแห่งหนึ่งที่เพิร์ท ก่อนเดินทางกลับมายังเมลเบิร์นเมื่อต้นสัปดาห์นี้
ชายคนดังกล่าวเดินทางถึงเมลเบิร์นเมื่อวันพุธ และได้รับแจ้งเมื่อมาถึงว่า เขาเป็นผู้พบปะใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อคนหนึ่งในโรงแรมดังกล่าว
นายมาร์ติน โฟลีย์ รัฐมนตรีสาธารณสุขของวิกตอเรีย กล่าวว่า ชายผู้นั้นได้แยกตัวจากผู้อื่นเพื่อกักโรคนับตั้งแต่เดินทางมาถึงรัฐวิกตอเรีย การพบผู้ติดเชื้อล่าสุดนี้ยุติระยะเวลา 55 วันติดกันที่รัฐวิกตอเรียไม่พบผู้ติดเชื้อในชุมชนเลย
“เราได้นำมาตรการด้านสาธารณสุขออกมาดูแลเรื่องนี้แล้ว และสมาชิกในครอบครัวผู้ติดเชื้อได้ถูกตรวจเชื้อทันทีเมื่อเช้านี้” นายโฟลีย์ กล่าว
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกำลังติดต่อผู้โดยสารคนอื่นๆ ที่เดินทางมาในเที่ยวบินควอนตัส QF778 จากเพิร์ท ในวันพุธที่ 21 เมษายน ซึ่งจะต้องไปรับการตรวจเชื้อและแยกตัวจากผู้อื่น 14 วัน ชายคนดังกล่าวมีสมาชิกในครัวเรือนเดียวกัน 3 คน
นายโฟลีย์ กล่าวต่อไปว่า ชายคนดังกล่าวสวมหน้ากากอนามัยขณะเดินทางในเที่ยวบินดังกล่าว และเดินทางผ่านสนามบิน
“เราจะตรวจสอบความเคลื่อนไหวของเขาเพื่อจุดประสงค์ในการติดตามหาผู้อาจพบปะใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ และเพื่อดูว่าอาจมีสถานที่เสี่ยงที่ผู้ติดเชื้อได้เดินทางไปอื่นๆ อีกหรือไม่”
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของเวสเทิร์นออสเตรเลีย เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (22 เม.ย.) ว่า มีการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 เกิดขึ้นภายในโรงแรมเมอร์เคียวร์ สาขาเพิร์ท ซึ่งเป็นสถานที่กักตัวผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ
ผู้เข้าพัก 2 รายที่พักอยู่ในห้องตรงข้ามกัน พบผลการตรวจเชื้อเป็นบวก ซึ่งจากผลการตรวจลำดับสารพันธุกรรมของเชื้อพบว่ามีความเชื่อมโยงกัน สาธารณสุขเวสเทิร์น ออสเตรเลีย ระบุในคำแถลง
ก่อนหน้านี้ ผู้เข้าพักที่พักอยู่ในชั้น 6 ของโรงแรม ซึ่งเป็นชั้นเดียวกันกับผู้ติดเชื้อ 2 รายดังกล่าว ได้กักตัวครบกำหนดและเดินทางกลับบ้านไปแล้ว หลังมีผลการตรวจเชื้อเป็นลบ
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจจากเอสบีเอส ไทย
รัฐบาลไทยเชื่อมั่นวิกฤตโควิดจะคลี่คลาย