ได้มีการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่รวม 4 รายในครอบครัวหนึ่งที่อาศัยอยู่ทางเหนือของนครเมลเบิร์น
นายมาร์ติน โฟลีย์ รัฐมนตรีด้านสุขภาพของวิกตอเรีย เผยว่า มีการยืนยันว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารายใหม่อีก 2 รายจากผลการตรวจเชื้อล่าสุด ซึ่งเพิ่มจาก 2 รายที่ประกาศไปแล้วก่อนหน้านี้ในวันจันทร์วันนี้ (24 พ.ค.)
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของวิกตอเรียได้รับแจ้งกรณีติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนครั้งนี้ หลังชายที่อาศัยอยู่ในเมือง วิตเทิลซี (Whittlesea) ผู้หนึ่งไปรับการตรวจเชื้อในวันอาทิตย์และพบผลการตรวจเชื้อเป็นบวก
เขาและญาติผู้ชายอีกคนหนึ่งซึ่งมีเชื้อแต่ไม่แสดงอาการป่วยมาจากคนละครัวเรือนกัน แต่ทั้งคู่พบผลการตรวจเชื้อเป็นบวก
หญิงอีกคนหนึ่งและเด็กอายุน้อยอีกคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ในครอบครัวของชายชาวเมืองวิตเทิลซี (Whittlesea) ผู้นี้ ยังพบผลการตรวจเชื้อโควิด-19 ที่ยืนยันแล้วว่าเป็นบวกเช่นกัน
นายโฟลีย์ กล่าวว่า ไม่มีสิ่งใดที่ระบุชี้ว่า ครอบครัวที่สมาชิกติดเชื้อโควิดเหล่านี้เชื่อมโยงกับสถานที่เสี่ยงที่ระบุในกรณีของชายชาวรัฐวิกตอเรีย ที่ติดเชื้อขณะกักตัวในโรงแรมที่รัฐเซาท์ออสเตรเลีย
การพบผู้ที่มีแนวโน้มว่าติดเชื้อรายใหม่นี้มีขึ้น หลังสาธารณสุขวิกตอเรียยอมรับเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ระบุชื่อซูเปอร์มาร์เก็ตซึ่งเป็นสถานที่เสี่ยงผิดพลาด ขณะพบกรณีผู้ติดเชื้อเมื่อต้นเดือนนี้
ประชาชนได้รับการแจ้งเตือนว่า วูลเวิร์ตส์ (Woolworths) ในย่านเอพปิง (Epping) เป็นสถานที่เสี่ยงแพร่เชื้อเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน หลังชายชาวรัฐวิกตอเรียผู้หนึ่งติดเชื้อไวรัสโคโรนาขณะกักตัวในโรงแรมที่นครแอดิเลด หลังเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ
หลังจากนั้น กระทรวงพบความผิดพลาด และได้แจ้งเตือนสถานที่เสี่ยงที่ถูกต้องว่า คือ วูลเวิร์ตส์ (Woolworths) ในย่านเอพปิง นอร์ท (Epping North) ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากร้านที่ระบุในครั้งแรก 3 กิโลเมตร
สาธารณสุขวิกตอเรีย กล่าวว่า ผู้ใดที่ได้รับยัง วูลเวิร์ตส์ (Woolworths) สาขาเอพปิง นอร์ท ในวันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม ระหว่างเวลา 17.40-18.38 น. ต้องรับการตรวจเชื้อและแยกตัวจากผู้อื่นจนกว่าจะพบผลการตรวจเชื้อเป็นลบ
นพ.เบรตต์ ซัตตัน ประธานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขวิกตอเรีย กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า อาจมีผู้ติดเชื้อที่ไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้ออยู่ในพื้นที่ทางเหนือของเมลเบิร์น หลังจากพบซากไวรัสในน้ำเสียในย่านเอพปิงและวอลเลิร์ต (Wollert) ในวันพฤหัสบดีสัปดาห์ที่แล้ว
หากมีการยืนยันว่าผู้ที่มีแนวโน้มว่าติดเชื้อทั้งสองรายติดเชื้อจริง จะส่งผลให้การไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในชุมชนเลยติดต่อกัน 86 วันของรัฐวิกตอเรียสิ้นสุดลง
ตรวจเข้มการสวมหน้ากากอนามัยในรถขนส่งสาธารณะ
ผู้โดยสารรถไฟและรถรางในรัฐวิกตอเรียที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยระหว่างเดินทาง อาจถูกปรับ 200 ดอลลาร์
นับตั้งแต่เมลเบิร์นผ่านพ้นการล็อกดาวน์เพราะโควิด-19 ระลอกสองในเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นมา การปฏิบัติตามข้อบังคับให้สวมหน้ากากอนามัยเมื่อใช้บริการรถไฟและรถรางได้ลดลงจากร้อยละ 88 เหลือไม่ถึงร้อยละ 50
จำนวนผู้ปฏิบัติตามข้อบังคับด้านสุขภาพที่ลดลง ทำให้ตั้งแต่วันจันทร์วันนี้ (24 พ.ค.) รัฐบาลวิกตอเรียจะเริ่มการออกตรวจตราเพื่อให้ประชาชนปฏิบัติตามข้อบังคับนี้อย่างเคร่งครัด
นายเบน คาร์รอลล์ รัฐมนตรีด้านการขนส่งสาธารณะ กล่าวว่า ผู้ใดที่ปฏิเสธไม่ยอมสวมหน้ากากอนามัยที่เจ้าหน้าที่หยิบยื่นให้ จะถูกปรับ โดยนี่จะเป็นปฏิบัติการตรวจเข้มเป็นเวลา 2 สัปดาห์จากนี้
“เราจะไปแจกหน้ากากอนามัยให้ประชาชนตามสถานีรถไฟต่างๆ 70 แห่งในพื้นที่เขตมหานครของเมลเบิร์น และที่สถานีรถไฟวี/ไลน์ (V/Line) และที่ป้ายรถรางรวมราว 50 แห่ง” นายคาร์รอลล์ บอกกับผู้สื่อข่าวในวันอาทิตย์
“หากคุณมีเจ้าหน้าที่บริการปกป้องชุมชน (PSO) หรือตำรวจยื่นหน้ากากอนามัยให้ ขอให้รับมันไปสวมใส่ หากคุณไม่ยอมสวมหน้ากากอนามัย คุณจะถูกปรับ”
มีข้อบังคับให้ประชาชนต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่อใช้บริการขนส่งสาธารณะในรัฐวิกตอเรียนับตั้งแต่กลางปี 2020 เป็นต้นมา แม้ว่าการสั่งปรับในทันที ณ ที่เกิดเหตุ 200 ดอลลาร์จะเกิดขึ้นน้อยมากในช่วงไม่นานมานี้
นายคาร์รอล กล่าวว่า ข้อบังคับให้สวมหน้ากากอนามัยดังกล่าว “จะคงอยู่ต่อไปสำหรับอนาคตอันใกล้นี้” แม้ว่าอัตราการฉีดวัคซีนจะเพิ่มขึ้น
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
รัฐวิกตอเรียไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่สองวันติด
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่