เจ้าหน้าที่พบผู้เสียชีวิต 2 ราย ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นพ่อและลูก จากเหตุไฟป่าในพื้นที่ชายฝั่งตอนใต้ของรัฐนิวเซาท์เวลส์
นางแกลดีส์ เบเรจิเกลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์กล่าวว่า เหยื่อไฟป่าทั้งสองรายเสียชีวิตในเมืองโคบาร์โก (Cobargo)
“บุคลลรายที่ 3 ยังคงสูญหายในพื้นที่ทางตะวันตกของเมืองนารูมา (Narooma) ซึ่งเจ้าหน้าที่กังวลอย่างมากในด้านความปลอดภัย” นางเบเรจิเกลียนกล่าว
“กรุณาปฏิบัติตามขั้นตอน อย่าทำอะไรที่ทำให้ความปลอดภัยของคุณและคนรอบข้างตกอยู่ในอันตราย”
นายแกรี วอร์บอยส์ (Gary Worboys) รองผู้บัญชาการตำรวจรัฐนิวเซาท์เวลส์เชื่อว่า ผู้เสียชีวิตทั้งสองเป็นพ่อและลูกชาย
“มันเป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนใจพวกเขาพยายามอย่างดีที่สุดเมื่อไฟลุกลามมาถึงที่ในช่วงเช้า” เจ้าหน้าที่วอร์บอยส์กล่าว
“อีกรายหนึ่งที่เราพยายามเข้าไปหา อยู่ทางพื้นที่ตะวันตกของเมืองนารูมา (Narooma) เราคิดว่าคงติดอยู่ในไฟป่าเช่นกันขณะกำลังพยายามปกป้องบ้านเรือน”
หน่วยงานดับเพลิงพื้นที่ชนบทรัฐนิวเซาท์เวลส์ (RFS NSW) ระบุว่า มีรายงานผู้สูญหายจากเหตุไฟป่าในพื้นที่ชายฝั่งตอนใต้ของรัฐนิวเซาท์เวลส์ โดย นายเชน ฟิตซ์ซิมมอนส์ (Shane Fitzsimmonds) หัวหน้าหน่วยดับเพลิง RFS NSW กล่าวว่า “มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดความสูญเสีย”
นายฟิตซ์ซิมมอนด์กล่าวกับสื่อมวลชนในวันนี้ (31 ธ.ค.) ว่า มีผู้สูญหาย 2 ราย โดยรายแรกอยู่ในเมืองโคบาร์โก (Cobargo) ส่วนอีกรายนั้นอยู่ในเมืองเบโลวรา (Belowra)
นอกจากนี้ นายฟิซซิมมอนส์กล่าวว่า มันเป็นฤดูกาลไฟป่าที่ “เลวร้ายที่สุด”
“ไม่ว่าจุดไหน ตั้งแต่เมืองโนวรา (Nowra) ลงใต้ไปจนถึงชายแดนรัฐวิกตอเรีย อย่างเมืองทูมุต (Tumut) และเมืองทัมบารัมบา (Tumbarumba) เป็นแนวยาวลงไป เราพบเห็นพฤติการณ์ของไฟป่าที่รุนแรงและอันตราย” นายฟิตซ์ซิมมอนด์กล่าว
ไฟป่ากว่า 100 จุดยังคงลุกไหม้อย่างต่อเนื่องในรัฐนิวเซาท์เวลส์ โดยมีไฟป่าที่ยังควบคุมไม่ได้นับสิบจุด ขณะที่มี 8 จุดที่ความอันตรายอยู่ในระดับฉุกเฉิน
ไฟป่าได้ลุกไหม้ในเมืองประวัติศาสตร์โคบาร์โก (Cobargo) ทาตะวันออกของเมืองเบอร์มากิวอิ (Bermagui) มีอาคารบ้านเรือนหลายหลังบนถนนสายหลักได้รับความเสียหาย ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยงานดับเพลิงในพื้นที่ชนบทรัฐนิวเซาท์เวลส์ (RFS NSW) พยายามต่อสู้กับไฟป่าอย่างยากลำบากเพื่อปกป้องอาคารบ้านเรือน โดยประชากรในเมืองดังกล่าวได้อพยพออกจากพื้นที่เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (31 ธ.ค.)
มีการแจ้งเตือนอันตรายจากไฟป่าในระดับสูงสุด (Extreme) ในพื้นที่เซาเทิร์นเรนเจส (Southern Ranges) อิลาวารา (Illawarra) และเขตนครหลวงออสเตรเลีย (ACT) ในวันนี้ ซึ่งเป็นช่วงส่งท้ายปี ขณะที่พื้นที่ซึ่งอยู่รอบบริเวณ อย่างนครซิดนีย์ และภูมิภาคฮันเตอร์ (Hunter Region) รวมถึงพื้นที่ชายฝั่งทางตอนใต้ของรัฐนิวเซาท์เวลส์นั้น ได้รับการประกาศอันตรายจากไฟป่าในระดับรุนแรง (Severe)
พื้นที่ควบคุมดูแลอันตรายจากไฟป่ากว่า 21 พื้นที่ ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของพื้นทั้งหมดในรัฐนิวเซาท์เวลส์ได้รับการประกาศห้ามจุดไฟในที่โล่งแจ้งในวันนี้
ขณะที่ไฟป่าบนภูเขาไคลด์ (Clyde Mountain) และไฟป่าในเมืองเคอร์โรแวน (Currowan) ซึ่งลุกไหม้กินพื้นที่กว่า 200,000 เฮคเตอร์ กำลังส่งผลกระทบกับประชาชนในพื้นที่เมืองเบทแมนส์ เบย์ (Batemans Bay) ซึ่งการจราจรบนถนนบีช (Beach Road) ในเขตเมืองนั้นติดขัด เต็มไปด้วยผู้สัญจรที่ต้องการอพยพออกจากตัวเมือง
ขณะที่ประชาชนในท้องถิ่นได้รับแจ้งให้อพยพลงไปอยู่บนชายหาด และมีรายงานว่าบ้านเรือนเสียหายจากไฟป่า
จากแผนที่คาดการแนวไฟป่าได้แสดงให้เห็นว่า ไฟป่าบริเวณกรีน วอทเทิล ครีก (Green Wattle Creek Fire) ซึ่งลุกไหม้กินพื้นที่ไปกว่า 227,000 เฮคเตอร์นั้น อาจข้ามไปถึงทางหลวงแผ่นดินฮูม ไฮเวย์ (Hume Highway) ใกล้กับเมืองเบโลวรา (Belowra)
มีผู้สูญหาย 4 รายในไฟป่ารัฐวิกตอเรีย
นายแดเนียล แอนดริวส์ มุขมนตรีรัฐวิกตอเรียยืนยันว่ามีผู้สูญหายในการแถลงต่อสื่อมวลชนเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (31 ธ.ค.) ในนครเมลเบิร์น
“มีผู้สูญหาย 4 ราย เรายังไม่สามารถยืนยันได้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน” นายแอนดริวส์กล่าว ขณะที่ยืนยันว่า ผู้สูญหายไม่ใช่เจ้าหน้าที่ดับไฟป่า
มีรายงานว่า นายแอนดริวส์ มุขมนตรีรัฐวิกตอเรีย ได้ส่งข้อความทางโทรศัพท์มือถือไปยัง นายสกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย เมื่อช่วงเช้าวันนี้ เพื่อขอการสนับสนุนและเยียวยา
“ผมจะพูดคุยกับเขา (นายกรัฐมนตรี) หลังจากเสร็จภารกิจที่นี่ เราได้ทำการขอกำลังสนับสนุนและความช่วยเหลือในการประเมินความเสียหายจากกองทัพออสเตรเลีย นอกจากนี้ ยังมีบางชุมชนที่ถูกตัดขาดสามารถเข้าถึงพื้นที่ได้ทางทะเล” นายแอนดริวส์กล่าว
“เรามีแผนรับมือที่ได้ตระเตรียมไว้แล้วด้วยตนเอง แต่มันยังพอมีทางที่กองทัพจะสามารถสนับสนุนเราได้”
นอกจากนี้ มุขมนตรีรัฐวิกตอเรียยังได้ขอกำลังสนับสนุนนักดับเพลิง 70 คน ไปยังประเทศแคนาดาและสหรัฐฯ โดยขณะนี้ เจ้าหน้าที่อยู่ในระหว่างการประเมินความเสียหายของอาคารและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อช่วงคืนวานนี้ (30 ธ.ค.) จากระบบสภาพอากาศที่ก่อตัวขึ้นเอง ซึ่งก่อนให้เกิดฟ้าผ่าท่ามกลางอากาศแห้ง
ข้อมูลผู้สูญหายปรากฏในเวลาเดียวกับช่วงที่ประชาชนในท้องถิ่นว่า 4,000 คน อพยพลงไปบนชายหาดในเมืองมัลลาคูตา (Mallacoota) ซึ่งถูกไฟป่าสร้างความเสียหายในพื้นที่ เมื่อเวลาประมาณ 8:30 น. ของวันนี้ (31 ธ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น
“ทุกคนลงไปอยู่ในน้ำทะเลบนชายหาดอย่างมีความหวัง” นายดอน แอชบี (Don Ashby) กล่าวกับเอบีซี ขณะที่เสียงไซเรนเตือนเหตุฉุกเฉินได้ดังขึ้นในพื้นที่
มีบ้านเรือนถูกทำลายหลายหลัง แต่ในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารระบุตัวเลขที่แน่ชัดได้
ไฟป่าที่ลุกลาม ทำให้กระแสไฟฟ้าถูกตัดขาด โดยระบบรายงานบริการไฟฟ้าของออสเน็ต (AusNet) ได้รับงานว่า มีสิ่งปลูกสร้าง 5,700 แห่งในพื้นที่อีสต์ กิปส์แลนด์นั้นไม่มีไฟฟ้าใช้จากเหตุไฟป่า และในพื้นที่ทางตอนเหนือของรัฐวิกตอเรียอีก 1,800 หลังคาเรือน นอกจากนี้ ยังมีหลายพื้นที่ซึ่งโทรศัพท์พื้นฐานและโทรศัพท์มือถือใช้งานไม่ได้เนื่องจากสัญญาณล่ม
“มันไม่ได้น่าพิสมัยเลย ที่นี่มืดสนิท รถบริการฉุกเฉินวิ่งหายไปในควัน” นางฟรานเซสกา วินเทอร์สัน (Francesca Winterson) ประชาชนในพื้นที่ และนักจัดรายการวิทยุชุมชนในท้องถิ่นกล่าวกับเอบีซี
“ไฟฟ้าเข้ามาไม่ถึงที่นี่มานานมากแล้ว และแสงอาทิตย์กำลังจะหมดไป บ้านของฉันอยู่ในทางไฟป่า ฉันกำลังจะไม่มีบ้าน มันคงต้องเป็นแบบนี้ เราต้องพยายามและใจเย็น ๆ”
นายสตีฟ วอร์ริงตัน (Steve Warrington) หัวหน้าหน่วยดับเพลิงพื้นที่ชนบทรัฐวิกตอเรีย (CFA) กล่าวว่า เขาได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงในพื้นที่ โดยพวกเขาบอกว่า กำลังพบเจอกับสภาพไฟป่าที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน
“ผมพูดคุยกับพวกเขาอีกครั้งเมื่อเช้า พวกเขาบอกว่าสภาพไฟป่ามันน่ากลัวชนิดขวัญผวา” นายวอร์ริงตันกล่าว
"อย่าคิดว่าพวกเขาไม่กลัวอะไรเพราะเป็นนักผจญเพลิง แม้พวกเขาจะใส่เครื่องแบบ แต่พวกเขาก็เป็นมนุษย์ พวกเขาทำงานช่วยเหลือชุมชนและก็เพื่อทำให้พวกเขาปลอดภัยด้วยเช่นกัน”
รายการ เอสบีเอส ไทย ออนไลน์ ออกอากาศสดหนึ่งชั่วโมงเต็ม กดฟังได้ที่เว็บไซต์ ทุกจันทร์และพฤหัสบดี 22.00 น. (เวลาซิดนีย์/เมลเบิร์น) หลังจากนั้นฟังซ้ำได้ทุกเมื่อ
ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่
เรื่องราวที่น่าสนใจจาก เอสบีเอส ไทย
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงอาสารัฐนิวเซาท์เวลส์เสียชีวิตอีกราย