เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ และ รัสเซียกล่าวเมื่อวานนี้ (พุธ 27 มิ.ย.) ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน จะพบปะกัน และมีรายงานว่ารายละเอียดต่างๆ ของการประชุมจะได้รับการสรุปลงในวันนี้
หลังจากที่นายปูตินได้หารือกับที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ นายจอห์น โบลตัน ที่พระราชวังเครมลินเมื่อวานนี้ ผู้ช่วยด้านนโยบายต่างประเทศของฝั่งเครมลิน นายยูริ อูชาคอฟ ก็กล่าวว่าการประชุมผู้นำดังกล่าวจะเกิดขึ้น ณ ประเทศที่สามซึ่งสะดวกสำหรับทุกฝ่าย และจำเป็นจำต้องใช้เวลาเตรียมการอีกหลายสัปดาห์
“มีการเตรียมการประชุมนี้มาเป็นเวลายาวนานแล้ว” นายอูชาคอฟ กล่าว
“มันมีความสำคัญอย่างใหญ่หลวงต่อทั้งรัสเซียและอเมริกา ทว่ามัน(ก็)มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อสถานการณ์ระดับนานาชาติโดยรวมด้วย ผมคิดว่ามันจะเป็นเหตุการณ์นานาชาติที่สำคัญที่สุดของฤดูร้อนนี้”การประชุมผู้นำดังกล่าวนั้นคาดว่าจะสร้างความไม่พอใจให้กับพันธมิตรของสหรัฐฯ ซึ่งต้องการที่จะให้นายปูตินนั้นอยู่อย่างโดดเดี่ยว เช่นประเทศอังกฤษ ซึ่งวิตกกังวลเกี่ยวกับทัศนคติของนายทรัมป์ต่อรัสเซีย
ประธานาธิบดีรัสเซีย นายวลาดิเมียร์ ปูติน และรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย นายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ (AP Pool) Source: AP
การประชุมดังกล่าวยังอาจไม่เป็นที่น่าพึงพอใจในหมู่นักวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งพวกเขานั้นได้ตั้งข้อกังขาเกี่ยวกับความผูกมัดของนายทรัมป์ที่มีให้กับ NATO และหวั่นเกรงต่อความต้องการของนายทรัมป์ที่จะสร้างความสัมพันธ์กับมอสโคว์ขึ้นอีกครั้ง ทั้งๆ ที่กรุงวอชิงตันนั้นกวดขันการคว่ำบาตร(ต่อรัสเซีย)มากขึ้น
การประชุมผู้นำในครั้งนี้จะรวมทั้งการพูดคุยตัวต่อตัวระหว่างประธานาธิบดีทั้งสอง ตลอดจนการพบปะกันอย่างเป็นวงกว้าง และจะสิ้นสุดลงด้วยการแถลงข่าวต่อสื่อร่วมกัน นายอูชาคอฟกล่าว เขายังเผยเพิ่มเติมว่านายทรัมป์และนายปูตินนั้นคาดว่าจะออกแถลงการณ์ร่วมกันอีกด้วย
การประชุมนี้คาดว่าจะเกิดขึ้นหลังจากที่นายทรัมป์เข้าร่วมประชุมสุดยอด NATO และเยี่ยมเยือนประเทศอังกฤษในเดือนหน้า
นายโบลตันกล่าวในการการแถลงต่อสื่อภายหลังโดยไม่ได้อธิบายเพิ่มเติมใดๆ ว่า ผู้นำทั้งสองนั้นจะพบปะกันในประเทศที่สาม
“ผมคิดว่า มันเป็นความจริงที่ว่าการประชุมนี้ โดยตัวของมันเองนั้นน่าจะสามารถจะจัดกันให้เกิดขึ้นมาได้” นายโบลตันกล่าว
“มีปัญหามากมายสั่งสมมาที่จะต้องพูดคุยถึง และผมคิดว่านี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลต่างๆ ที่ทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์เชื่ออย่างแข็งขันว่า มันถึงเวลาแล้วที่จะต้องพบปะกันในลักษณะนี้ และอย่างที่คุณก็เห็น ประธานาธิบดีปูตินก็เห็นด้วย”
ในขณะเดียวกัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ นายไมค์ พอมเพโอ ก็กล่าวกับคณะกรรมการวุฒิสภาว่า นายทรัมป์นั้นจะเน้นย้ำระหว่างการพบปะกับปูตินไม่ว่าจะในครั้งใดก็ตามว่าการเข้าแทรกแซงการเลือกตั้งของสหรัฐฯ นั้นเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้”
เมื่อถูกถามว่ารัสเซียควรจะเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มประเทศผู้นำด้านอุตสาหกรรม G7 หรือไม่ นายพอมเพโอกล่าวว่า นายทรัมป์ควรจะเป็นฝ่ายพูดเรื่องนี้เอง
“ท่านประธานาธิบดีนั้นเชื่ออย่างลึกซึ้งว่า การมีรัสเซียเป็นส่วนร่วมในการสนทนายุทธศาสตร์-ภูมิศาสตร์ (geo-strategic conversations) ต่างๆ ที่สำคัญๆ เหล่านี้นั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และก็มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมาในเรื่องนี้”
นายทรัมป์ กล่าวยินดีต่อนายปูตินทางโทรศัพท์เมื่อเดือนมีนาคม หลังจากที่ผู้นำรัสเซียคนดังกล่าวได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายอีกครั้งหนึ่ง และก็กล่าวว่าทั้งสองคนนั้นจะพบปะกันในเร็วๆ นี้
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่อยู่แล้วระหว่างกรุงวอชิงตันและกรุงมอสโคว์ก็ทรุดลงไปอีกเนื่องจากความขัดแย้งในประเทศซีเรียและการวางยาพิษอดีตสายลับรัสเซียในประเทศอังกฤษ ซึ่งได้ก่อให้เกิดการขับไล่นักการทูตต่างๆ ครั้งใหญ่ขึ้นในทั้งสองประเทศ
กรุงวอชิงตันและกรุงมอสโคว์ยังมีความเห็นไม่ตรงกันเกี่ยวกับเรื่องของประเทศยูเครน และข้อกล่าวหาที่ว่ารัสเซียเข้าแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี ค.ศ. 2016 ซึ่งทางรัสเซียนั้นปฏิเสธ
ความคาดหวังต่างๆ ต่อผลสำเร็จที่จะเกิดขึ้นจากการประชุมผู้นำใดๆ ระหว่างนายปูติน-ทรัมป์นั้น จึงอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ ถึงแม้ว่านายทรัมป์จะเคยกล่าวก่อนหน้าที่เข้าจะได้รับการเลือกตั้งเข้ามาว่า เขาต้องการที่จะปรับปรุงความสัมพันธ์อันบอบช้ำระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซีย
เรื่องราวที่น่าสนใจจากเอสบีเอสไทย
คิม จอง-อึน ผูกมัด ‘ปลดอาวุธนิวเคลียร์ โดยสิ้นเชิง’ หลังประชุมผู้นำ