ชายเชื้อสายอินเดียในซิดนีย์ผู้หนึ่งถูกนำตัวขึ้นศาลหลังจากถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการจัดการแต่งงานจอมปลอม ที่พุ่งเป้าไปที่คนในชุมชนเอเชียใต้ โดยพัวพันกับกรณีสมัครขอวีซ่าคู่ครองกว่า 150 กรณี ซึ่งผู้สมัครยินยอมจ่ายเงินจำนวนมาก เพื่อให้ได้วีซ่าสำหรับอาศัยอยู่ในออสเตรเลีย
นายจักจิต ซิงห์ วัย 32 ปี ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้จัดแจงหลักของการหลอกลวง และเขาถูกตั้งข้อหาเป็นธุระจัดการเรื่องการแต่งงงานจอมปลอมของชายหญิง 4 คู่ เพื่อให้ได้วีซ่าผู้อยู่อาศัยถาวรในออสเตรเลีย
อย่างไรก็ตาม สำนักงานพิทักษ์พรมแดนแห่งออสเตรเลีย (Australian Border Force) เผยว่า สำนักงานได้ปฏิเสธการออกวีซ่าให้แก่ผู้สมัครขอวีซ่าคู่ครอง 164 ราย หลังจากพบว่าอาจมีความเชื่อมโยงกับแก๊งของนายซิงห์
นอกจากนี้ ยังมีผู้เกี่ยวข้องอีก 4 คน ที่ขึ้นศาล ในข้อหาเกลี้ยกล่อมให้บุคคลสัญชาติออสเตรเลียแต่งงานกับผู้สมัครขอวีซ่าคู่ครอง ซึ่งจ่ายเงินให้พวกเขาเพื่อจะได้เป็นผู้อยู่อาศัยถาวรในออสเตรเลีย บุคคลทั้ง 4 ถูกตั้งข้อหากระทำความผิดภายใต้พระราชบัญญัติการอพยพและความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
นายคลินตัน ซิมส์ ผู้บัญชาการสำนักงานพิทักษ์พรมแดนแห่งออสเตรเลีย กล่าวว่าหญิงชาวออสเตรเลียที่มีความลำบากในชีวิตจำนวนหนึ่ง ถูกล่อลวงให้เข้าร่วมกับการแต่งงานจอมปลอมนี้ โดยหวังว่าจะได้เงินเป็นการตอบแทน
“ผู้หญิงหลายคนที่พัวพันกับการหลอกลวงนี้มีประวัติการใช้สารเสพติด หรือเป็นเหยื่อความรุนแรงในครอบครัว หรือประสบปัญหาทางการเงิน และพวกเธอถูกล่อลวงให้เข้าร่วม โดยมีการสัญญาว่าจะให้เงินจำนวนมากแก่พวกเธอ” ผู้บัญชาการซิมส์ เผยสำหรับนายซิงห์นั้นเผชิญข้อกล่าวหาที่มีโทษคือ การปรับสูงสุด 210,000 ดอลลาร์ หรือจำคุก 10 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
การแต่งงานจอมปลอมเพื่อหวังให้ได้วีซ่าคู่ครองถูกสำนักงานพิทักษ์พรมแดนออสเตรเลียเปิดโปง (Supplied/ ABF) Source: Supplied Australian Border Force
นายคลินตัน ซิมส์ ผู้บัญชาการ สำนักงานพิทักษ์พรมแดนแห่งออสเตรเลีย (Australian Border Force หรือเอบีเอฟ) กล่าวต่อไปว่า การจ่ายเงินเพื่อแต่งงานจอมปลอมเพราะหวังได้วีซ่าคู่ครองนั้นผิดกฎหมายและเป็นการสูญเงินเปล่า
“ผู้ที่พยายามให้ได้วีซ่าผ่านการแต่งงานจอมปลอม จำเป็นต้องเข้าใจว่า การจ่ายเงินให้แก่ผู้จัดหาและดำเนินการเรื่องนี้ให้นั้น จะไม่ช่วยให้พวกเขาซื้อหาทางเข้ามาเป็นผู้อยู่อาศัยถาวรในออสเตรเลียได้ คุณแทบจะไม่สามารถไปไล่เบี้ยขอเงินคืนได้เลยเมื่อการสมัครขอวีซ่าไม่ประสบความสำเร็จ”
“การปกป้องความซื่อสัตย์สุจริตของกระบวนการให้วีซ่าเป็นหน้าที่สำคัญอันดับต้นๆ ของปฏิบัติการของ เอบีเอฟ และหากใครก็ตามที่ถูกพบว่าพัวพัน หรือจัดแจงให้มีการแต่งงานจอมปลอมขึ้น บุคคลนั้นจะก็คาดหวังได้เลยว่าตนจะต้องถูกสอบสวน และจะถูกดำเนินคดีอาญา ทั้งตัวแทนดำเนินการด้านวีซ่าที่จดทะเบียนถูกต้องและผู้ประกอบพิธีแต่งงานที่มีใบอนุญาตก็อาจถูกเพิกถอนการจดทะเบียนหรือถูกเพิกถอนใบอนุญาติได้” นายคลินตัน ซิมส์ ผู้บัญชาการ เอบีเอฟ ย้ำ
เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
‘ผี’ เผยนาทีถูกอิมฯ จับและสภาพวิลลาวูด
เรื่องราวที่น่าสนใจจาก เอสบีเอส ไทย
พบนักเรียนต่างชาติมักถูกโกงค่าแรงแถมไม่กล้าทวงนายจ้าง