1. วีซ่าคู่ครองนั้นมีค่าใช้จ่ายสูง
วีซ่าคู่ครองและวีซ่าคู่หมั้น (หรือที่เรียกว่าวีซ่าพรอสเป็คทีฟ แมร์ริเอจ, Prospective Marriage visa) ของออสเตรเลียนั้นติดอันดับราคาแพงที่สุดในโลก โดยตามความเป็นจริงนั้น ค่าใช้จ่ายของวีซ่าเหล่านี้ได้เพิ่มสูงขึ้นกว่าสี่เท่าตัวภายในระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมา
ในปี ค.ศ. 2018 วีซ่าทั้งสองประเภทนี้มีค่าใช้จ่ายเบื้องต้นอยู่ที่ $7,160 ต่อคน และเพิ่มเติมอีก $3,585 ต่อคนสำหรับผู้ร่วมสมัครแต่ละคนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีเป็นต้นไป และอีก $1,795 ต่อคนสำหรับผู้ร่วมสมัครแต่ละคนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
นอกจากค่าธรรมเนียนมการสมัครแล้ว ผู้สมัครยังจำเป็นจะต้องจ่ายค่าตรวจสอบประวัติกับตำรวจ (ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายถึง $50 ดอลลาร์) และค่าตรวจร่างกาย (ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ระหว่าง $220 ถึง $280 ดอลลาร์ ขึ้นอยู่กับว่าท่านพักอาศัยอยู่ที่ใด และจำเป็นจะต้องมีการตรวจอะไรบ้าง)
กรมตรวจคนเข้าเมืองและพิทักษ์พรมแดน ยังจะให้ท่านนั้นนำเอกสารต่างๆ ไปผ่านการรับรอง ซึ่งก็จะทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นมาอีก หากว่าบริการรับเป็นพยานให้กับเอกสารที่ท่านเลือกใช้นั้นเรียกเก็บเงินตามจำนวนหน้ากระดาษ
นอกจากนั้นยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอื่นๆ สำหรับผู้สมัครที่อาจใช้บริการความช่วยเหลือของทนายความหรือตัวแทนด้านการตรวจคนเข้าเมือง
2. ใช้เวลานาน
กล่าวกันว่าทางกรมฯ กำลังพยายามที่จะเร่งใบสมัครวีซ่าคู่ครองให้รวดเร็วขึ้น แต่หากดูตามปัจจุบัน ต่อไปนี้เป็นระยะเวลาที่ใช้ในการประเมินสำหรับวีซ่าคู่ครองประเภทต่างๆ
สำหรับผู้ยื่นสมัครจากต่างประเทศ
i. วึซ่าคู่ครอง (ชั่วคราว) (ซับคลาส 309)
75% ของผู้สมัครได้รับการประเมินใน 13 เดือน
90% ของผู้สมัครได้รับการประเมินใน 17 เดือน
ii. วีซ่าคู่ครอง (ถาวร) (ซับคลาส 100)
75% ของผู้สมัครได้รับการประเมินใน 17 เดือน
90% ของผู้สมัครได้รับการประเมินใน 25 เดือน
สำหรับผู้ยื่นสมัครภายในประเทศ
i. วีซ่าคู่ครอง (ชั่วคราว) (ซับคลาส 820)
75% ของผู้สมัครได้รับการประเมินใน 21 เดือน
90% ของผู้สมัครได้รับการประเมินใน 26 เดือน
ii. วีซ่าคู่ครอง (ถาวร) (ซับคลาส 801)
75% ของผู้สมัครได้รับการประเมินใน 18 เดือน
90% ของผู้สมัครได้รับการประเมินใน 24 เดือน
หากท่านจะยื่นสมัครทางออนไลน์ ท่านควรพยายามให้แน่ใจว่าได้แจ้งให้ทางกรมฯ ทราบเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงสำคัญต่างๆ ในชีวิตของท่าน (เช่นการตั้งครรภ์ การซื้อบ้าน) เพื่อเป็นการพิสูจน์เพิ่มเติมว่าความสัมพันธ์ของท่านนั้นเป็นความจริงและดำเนินต่อเนื่อง
3. ความยาวนานของความสัมพันธ์ของท่านมีความสำคัญ
การมีความสำพันธ์ที่เป็นความจริงและดำเนินต่อเนื่องเป็นระยะยาว และการมีบุตร จะทำให้ระยะเวลาประเมินวีซ่านั้นรวดเร็วขึ้น
หากว่าคู่ครองอยู่ในความสัมพันธ์ระยะยาว เมี่อทำการยื่นขอวีซ่าคู่ครองแบบถาวร ผู้สมัครก็มีโอกาสได้รับอนุมัติก่อนระยะเวลาสองปีที่กำหนดไว้ คำจำกัดความของความสัมพันธ์ระยะยาวนั้นหมายถึงยังคงดำเนินอยู่โดยเป็นเวลาอย่างน้อยสามปี หรือสองปีหากทั้งคู่มีบุตรด้วยกัน
4. ความสัมพันธ์ในฉันท์คู่ครองโดยพฤตินัย (De facto relationships) จะต้องเป็นความจริงและต่อเนื่องอย่างน้อยหนึ่งปี
หากท่านยังไม่ได้แต่งงานแต่อยู่ด้วยกันในฐานะคู่ครอง ท่านจำเป็นจะต้องหาพยานหลักฐานว่าความสัมพันธ์ของท่านนั้นเป็นความจริงและดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งปี
พยานหลักฐานสำหรับความสัมพันธ์ในลักษณะนี้รวมไปถึง หลักฐานด้านการเงินต่างๆ ที่มีการใช้ชื่อร่วมกัน การเขียนประวัติหรือ การเรียบเรียงเวลาที่มีการติดต่อสื่อสารระหว่างกันในความสัมพันธ์ (ตลอดจน) การยอมรับ หรือการรับรองความสัมพันธ์โดยผู้อื่น ฯลฯ
5. ท่านสามารถจดทะเบียนความสัมพันธ์ฉันท์คู่ครองโดยพฤตินัยและยื่นวีซ่าคู่ครองได้ แม้ว่าในทางกฎหมายแล้วท่านยังสมรสอยู่กับผู้อื่นอยู่ (แต่ว่าต้องแยกกันอยู่แล้ว)
ภายใต้กฎหมายของออสเตรเลีย ท่านไม่สามารถจะแต่งงานกับคู่ครองของท่านได้หากว่าท่านนั้นยังสมรสกับผู้อื่นอยู่
อย่างไรก็ตาม ในด้านของการตรวจคนเข้าเมือง ความสัมพันธ์ฉันท์คู่ครองโดยพฤตินัยของท่านนั้นจะได้รับการยอมรับ ตราบใดก็ตามที่ผู้ซึ่งสมรสแล้วได้แยกกันอยู่ตามกฎหมายแล้วจากสามีหรือภรรยา
ท่านสามารถได้วีซ่าคู่ครอง ถ้าหากว่าท่านหรือคู่ครองของท่านสามารถพิสูจน์ได้ว่า การสมรสดังกล่าวก่อนหน้านี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว
พยายานหลักฐานต่างๆ ก็จะเกี่ยวข้องกับหลักฐานเพื่อพิสูจน์ว่าทั้งสองฝ่ายได้แยกกันอยู่โดยถาวร และความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองนั้น ไม่ได้มีลักษณะใดๆ ของการสมรสแล้ว
เรื่องราวที่น่าสนใจจากเอสบีเอสไทย
‘ผี’ แฉถูกหลอกแต่งงาน