เชื้อโควิด-19 อีกสายพันธุ์หนึ่งผุดขึ้นในการระบาดที่รัฐวิกตอเรีย ส่งผลให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของรัฐเตรียมการเฝ้าระวัง
จากการตรวจหาลำดับพันธุกรรมของเชื้อ (Genomic sequencing) จากผู้ติดเชื้อ 2 รายในครอบครัวหนึ่งที่อาศัยอยู่ทางตะวันตกของเมลเบิร์นพบว่า พวกเขาติดเชื้อไวรัสโคโรนา ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ถูกตรวจพบครั้งแรกในอินเดีย โดยเชื้อที่ว่านี้เป็นสายพันธุ์ที่แตกต่างจากเชื้อที่พบในผู้ติดเชื้อรายอื่นๆ ในการระบาดที่กำลังเกิดขึ้น
“มันเป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวลอย่างมาก” ศ.แบรตต์ ซัตตัน ประธานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขวิกตอเรีย กล่าว
ยังคงไม่รู้แน่ชัดว่าครอบครัวนี้ ซึ่งได้เดินทางไปยังพื้นที่เจอร์วิส เบย์ (Jervis Bay) ในนิวเซาท์เวลส์ ติดเชื้อได้อย่างไร
ผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ประกาศในวันศุกร์ (4 มิ.ย.) มีทั้งหมด 4 ราย ในจำนวนนั้น 3 รายเชื่อมโยงกับครอบครัวนี้ ส่งผลให้การติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนในเมลเบิร์นตะวันตกมีผู้ติดเชื้อรวมขณะนี้ 7 ราย
“น่าวิตกที่มันไม่ได้เชื่อมโยงกับผู้ติดเชื้อรายอื่นๆ แต่เรากำลังเร่งตามหาผู้คนหลักๆ ที่ได้พบปะกับครอบครัวนี้และกำลังตรวจสอบว่าพวกเขาอาจได้ติดเชื้อจากที่ใด” ศ.ซัตตัน กล่าว
ผู้ติดเชื้อรายใหม่อีกรายหนึ่งเป็นผู้พบปะใกล้ชิดในกลุ่มที่มีความเสี่ยงติดเชื้อสูงสุด ของผู้ติดเชื้ออีกรายหนึ่งที่พบก่อนหน้านี้ ส่งผลให้การระบาดของเชื้อโควิด-19 ในรัฐวิกตอเรียครั้งนี้มีผู้ติดเชื้อรวมกว่า 60 รายแล้ว
ในวันพฤหัสบดี (3 มิ.ย.) มีการยืนยันว่า ผู้ที่ถูกระบุว่าติดเชื้อก่อนหน้านี้ในการระบาดครั้งนี้ 2 ราย พบผลการตรวจเชื้อเป็นบวกอย่างผิดพลาด (false positive)
ก่อนหน้านั้น เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเชื่อว่า หญิงผู้หนึ่งติดเชื้อโควิด-19 ขณะไปที่บ้านตัวอย่างในหมู่บ้านจัดสรรที่ มิกเคแลม (Mickleham) และเคยเชื่อว่าชายอีกผู้หนึ่งติดเชื้อไวรัสนี้ในลักษณะเดียวกันที่ร้านอาหารและบาร์ ไบรตัน บีช โฮเทล (Brighton Beach Hotel)
แต่ต่อมา คณะผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์พบว่า ไม่ได้เป็นเช่นนั้น
อย่างไรก็ตาม นายเจมส์ เมอร์ลิโน รักษาการมุขมนตรีรัฐวิกตอเรีย กล่าวว่า แม้กรณีการติดเชื้อของบุคคลทั้งสองนี้จะพบผลเป็นบวกอย่างผิดพลาด แต่รัฐบาลวิกตอเรียยังไม่มีแผนที่จะปรับระยะเวลาการล็อกดาวน์ของเมลเบิร์นให้สั้นลง
“คำตอบของเราคือเรื่องนี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงและยังไม่ควรเปลี่ยน” นายเมอร์ลิโน กล่าว
“คำแนะนำจากสาธารณสุขยังคงเป็นเช่นเดิม”
ในเช้าวันศุกร์วันนี้ สาธารณสุขวิกตอเรียได้ออกคำแถลงระบุว่า ยังคงมีผู้ติดเชื้ออีก 8 รายที่ติดเชื้อจากผู้ที่ไม่ได้พบปะใกล้ชิด แต่เพียงแค่ไปอยู่ในสถานที่แห่งเดียวกัน
สาธารณสุขวิกตอเรียยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ยังคงมีสถานที่เสี่ยงแพร่เชื้อ 5 แห่งที่เชื้อไวรัสแพร่กระจายไปในหมู่ผู้คนที่ไม่รู้จักกัน
นอกจากนี้ในวันศุกร์ นายเมอร์ลิโน กล่าวว่า รัฐบาลสหพันธรัฐจะพยายามช่วยเหลือวิกตอเรียให้มีวัคซีนต้านเชื้อโควิดให้เพียงพอกับความต้องการฉีดวัคซีนของประชาชนที่เพิ่มมากขึ้น
วิกตอเรียต้องการวัคซีนแอสตราเซเนกาในจำนวนมากขึ้นสองเท่าเพื่อจัดให้แก่คลินิกแพทย์จีพีฉีดให้ประชาชน และต้องการวัคซีนไฟเซอร์เพิ่มอีก 100,000 โดสตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป เพื่อฉีดให้แก่ประชาชนที่ศูนย์ฉีดวัคซีนต่างๆ ของรัฐ
ขณะเดียวกัน รัฐบาลสหพันธรัฐและรัฐบาลวิกตอเรีย ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ หรือเอ็มโอยู เพื่อสร้างสถานกักตัวผู้เดินทางจากต่างประเทศที่แยกเป็นเอกเทศและสร้างขึ้นเพื่อการนี้โดยเฉพาะ โดยดูเหมือนว่ารัฐบาลสหพันธรัฐจะอยากให้สร้างขึ้นในย่านอะวาลอน (Avalon) มากกว่าในพื้นที่อื่น
รัฐบาลสหพันธรัฐ กล่าวว่า สถานกักตัวแห่งใหม่นี้จะมีระบบที่เหนือกว่าระบบกักตัวในโรงแรมที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งนายเมอร์ลิโนระบุว่า การกักตัวผู้เดินทางจากต่างประเทศในโรงแรมจะมีความเสี่ยงในระดับหนึ่งเสมอ
“เราได้เห็นเกิดขึ้นทั่วประเทศ คือมีการรั่วไหลจากโรงแรมที่กักตัว 21 ครั้ง ข้อโต้แย้งที่แข็งแกร่งของเราคือ เราต้องมีทางเลือกอื่นที่เป็นเหมือนศูนย์ฮาเวิร์ด สปริงส์ ที่เป็นสถานที่กักตัวที่สร้างขึ้นมาเฉพาะสำหรับบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงสุด” นายเมอร์ลิโน กล่าวในวันศุกร์วันนี้
ในช่วง 24 ชั่วโมงจนถึงเวลาเที่ยงคืนของวันพฤหัสบดี ในรัฐวิกตอเรียมีผู้ไปรับการตรวจเชื้อไวรัสโคโรนา 49,439 คน และมีผู้ไปรับการฉีดวัคซีนมากเป็นประวัติการณ์ที่ 24,169 คน
หากคุณมีอาการของไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ให้ติดต่อขอรับการตรวจเชื้อได้ด้วยการโทรศัพท์ไปยังแพทย์ประจำตัวของคุณ หรือโทรศัพท์ติดต่อสายด่วนให้ข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (Coronavirus Health Information Hotline) ที่หมายเลข 1800 020 080
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
เมลเบิร์นล็อกดาวน์ต่อเจ็ดวันหลังพบผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มหกราย