กลุ่มสิทธิมนุษยชนได้เรียกร้องให้ชาวออสเตรเลียเข้าใจสิทธิของตน ขณะมีข้อจำกัดด้านระยะห่างทางสังคมที่เข้มข้นมากขึ้น และมีการกำหนดบทลงโทษใหม่ขึ้นมาเพื่อบังคับใช้ข้อกำจัดเหล่านี้
โดยสารจากเจ้าหน้าที่นั้นบอกว่า อย่าออกจากบ้านนอกจากมีความจำเป็นจริงๆ ซึ่งนั้นหมายความว่าประชาชนได้รับอนุญาตให้เดินทางไปทำงานและเรียนหากไม่สามารถทำได้จากบ้าน ออกไปซื้อของกินของใช้ที่จำเป็น ออกไปรับบริการทางการแพทย์ หรือออกไปออกกำลังกาย
การรวมกลุ่มทั้งในภายในอาคาร (indoor) และภายนอกอาคาร (outdoor) ถูกจำกัดให้ทำได้เพียง 2 คน ตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา (31 มี.ค.) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่เพิ่มเติมเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนากฎนี้จะถูกบังคับใช้อย่างไร
Police officers inform beachgoers that the beach is closed. Source: AAP
การละเมิดกฎข้อบังคับนี้ในปัจจุบันมีโทษปรับอย่างหนัก โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเตือนว่า พวกเขาไม่ลังเลที่จะบังคับใช้มาตรการนี้
โดยในรัฐนิวเซาท์เวลส์ หากใครก็ตามที่ออกจากบ้านโดยไม่มี “เหตุผลที่ยอมรับได้” อาจต้องเผชิญกับโทษจำคุก 6 เดือน หรือค่าปรับที่ออกให้ทันที่ที่ทำผิด สูงถึง 11,000 ดอลลาร์
ขณะที่รัฐอื่นๆ กำหนดบทลงโทษดังต่อไปนี้
- รัฐวิกตอเรีย: โทษปรับ 1,600 ดอลลาร์ หรือมากกว่านั้น
- รัฐเซาท์ออสเตรเลีย: เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่บังคับให้ปฏิบัติตามคำสั่งแห่งชาติ (เอสบีเอสไทย: รัฐและมณฑลบางแห่งจะดำเนินการตามกฎและมาตรการของตน)
- มณฑลนครหลวงออสเตรเลีย: ออกใบแจ้งเตือน และตามมาด้วยโทษปรับสูงสุด 8,000 ดอลลาร์
- รัฐควีนส์แลนด์: โทษปรับ 1,330 ดอลลาร์ สำหรับลงโทษบุคคล
- รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย: โทษปรับ 1,000 ดอลลาร์ สำหรับลงโทษบุคคล
- มณฑลนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่บังคับให้ปฏิบัติตามคำสั่งแห่งชาติ
- รัฐแทสมาเนีย: เจ้าหน้าที่มีอำนาจที่สั่งปรับ
นายสตีเฟน แบลนซ์ โฆษกสภาสิทธิเสรีภาพพลเรือนแห่งนิวเซาท์เวลส์ (NSW Council of Civil Liberties) บอกกับ เอสบีเอสนิวส์ ว่า มาตรการเหล่านี้จะมี “ผลกระทบร้ายแรงที่สุด” ต่อเสรีภาพของประชาชน และเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนและตำรวจถึงขั้นมูลฐานทีเดียว
“วิธีการบังคับใช้กฎเหล่านี้จะมีผลกระทบอย่างมาก ว่าชุมชนจะยังคงให้การสนับสนุนกฎหมายเหล่านี้ต่อไปหรือไม่” เขากล่าว
“การออกโทษปรับนั้นต้องเป็นวิธีการสุดท้าย เมื่อการปฎิบัติตามกฎข้อบังคับไม่สามารถทำได้ในหนทางอื่น”
คุณมีสิทธิ์อะไรบ้างหากถูกตำรวจเรียกให้หยุด
กลุ่มสิทธิมนุษยชนบอกว่าเอสบีเอสนิวส์ว่า ตำรวจมีสิทธิ์ที่จะซักถามประชาชนถึงเหตุผลที่พวกเขาออกจากบ้าน
นายแบลนซ์ กล่าวว่า ถ้าประชาชนถูกตำรวจเรียกให้หยุด พวกเขาจะถูกถามหา “เหตุผลที่ยอมรับได้” ว่าทำไมพวกเขาถึงเดินทางออกมาจากที่พักอาศัย
“ชัดเจนว่าถ้าประชาชนหลีกเลี่ยงการตอบคำถาม ตำรวจอาจใช้อำนาจที่มีให้ปฏิบัติตาม” เขากล่าว
“ตำรวจมีอำนาจพิเศษตามกฎหมายที่สามารถใช้ได้ และพวกเขาอาจใช้อำนาจนั้นกับคนที่ไม่ให้ความร่วมมือ”อะไรคือการออกจากเคหสถานตาม “ข้อยกเว้นที่มีเหตุผลยอมรับได้”
Police speak with beachgoers. Source: AAP
ผู้นำรัฐบาลสหพันธรัฐและจากรัฐต่างๆ สรุปให้เข้าใจง่ายๆ ได้ว่า เหตุผลที่ยอมรับได้ในการออกจากบ้าน คือการไปทำงานหรือไปเรียน ออกไปซื้อของกินของใช้ที่จำเป็น ออกไปรับบริการทางการแพทย์ หรือการออกไปออกกำลังกาย
แต่ภายใต้คำสั่งด้านสาธารณสุขแห่งนิวเซาท์เวลส์ ได้บรรจุ “ข้อแก้ตัว” 16 ข้อ ที่ประชาชนสามารถใช้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจในการออกจากบ้านได้
ได้แก่ การออกไปซื้อหาอาหารหรือสิ่งของหรือบริการ (รวมไปถึงของสัตว์เลี้ยง) ส่งลูกไปยังสถานรับเลี้ยงเด็ก ออกไปทำตามหน้าที่รับผิดชอบของการดูแลผู้อื่น เข้าร่วมงานแต่งงานหรืองานศพ ย้ายบ้าน ให้ความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน และการออกไปบริจาคเลือด
และมันยังรวมไปถึงการดำเนินการตามภาระผูกพันตามกฎหมาย การออกไปรับบริการสาธารณะ เช่น บริการด้านเงินสวัสดิการสังคม หรือบริการช่วยเหลือด้านความรุนแรงในครอบครัว และยังอนุญาตให้เด็กๆ ไปเยี่ยมพ่อแม่หรือพี่น้องของพวกเขา ถ้าไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน
และท้ายที่สุด อนุญาตให้นักเทศน์ นักบวช ของศาสนาต่างๆ ไปยังสถานที่สักการะบูชาของตนหรือให้การดูแลทางศาสนา การหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บหรือเจ็บป่วย และเพื่อเหตุฉุกเฉินหรือเพื่อเหตุผลอื่นๆ ที่น่าเห็นใจทั้งนี้กฎการรวมกลุ่มเกิน 2 คนไม่ได้บังคับใช้กับผู้ที่อาศัยอยู่ในครัวเรือนเดียวกันกับคุณ นั่นหมายความว่าสมาชิกครอบครัวโดยตรงยังสามารถอยู่ด้วยกันได้
Police have promised to enforce social distancing requirements. Source: AAP
กฎเหล่านี้จะถูกบังคับใช้ไปอีกนานเท่าไหร่
กลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างบอกกับเอสบีเอสนิวส์ว่า ข้อจำกัดที่ไม่เคยมีมาก่อนเป็นที่ยอมรับ เนื่องจากภัยคุกคามด้านสาธารณสุข
แต่พวกเขาเตือนว่า อำนาจที่เพิ่มมากขึ้นมานั้นควรมีข้อจำกัดของเวลา มีการบังคับใช้อย่างเป็นธรรม และไม่เลือกปฏิบัติกับสมาชิกที่เปราะบางของสังคม
ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ที่กำหนดมาตรการปิดเมืองคล้ายกัน อย่างประเทศสหรัฐอเมริกา หรือสหราชอาณาจักร ได้กำหนดวันที่ตั้งใจจะยกเลิกมาตรการดังกล่าว แต่ประเทศออสเตรเลียยังดำเนินการมาตรการเหล่านี้อย่างไม่มีกำหนดสิ้นสุด
นายราจาน เวนคาทารามัน รองประธานสภาเสรีภาพพลเรือนสิทธิมนุษยชนของออสเตรเลียกล่าวว่า สำคัญอย่างยิ่งที่มาตรการดังกล่าวจะไม่ถูกบังคับใช้ “นานเกินว่าที่มีความจำเป็นจริงๆ”
นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน บอกว่า คาดว่าผลกระทบจากการระบาดใหญ่ของเชื้อไวรัสโคโรนาอาจกินเวลานานราว 6 เดือน แต่การบังคับใช้มาตรการเหล่านี้ไปอีกนานเท่าไหร่นั้นส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับความสำเร็จของการลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
นายเวนคาทารามัน กล่าวว่า ข้อจำกัดต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น อาจเพิ่มความวิตกกังวลของประชาชน แม้ว่ามันจะถูกออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยของประชาชนก็ตาม
“มันมีความเสี่ยงในเรื่องนั้นอยู่เสมอ และอย่างที่กล่าวไปแล้วคืออำนาจใหม่ที่พิเศษนี้ มันเป็นไปได้อย่างแน่นอนว่าคนอาจรู้สึกหวั่นเกรงจากการที่มีกำลังตำรวจให้เห็นมากขึ้น หรือการถูกซักถามจากตำรวจ” เขากล่าว
นายกรัฐมนตรีบอกว่า ออสเตรเลียยังไม่ได้ “ปิดเมือง (lockdown)”
นิวเซาท์เวลส์ เอซีที และวิกตอเรีย เป็นเพียงพื้นไม่กี่พื้นที่ที่ไม่ได้บังคับให้ผู้เดินทางระหว่างรัฐต้องพบกับการกักบริเวณเพื่อคุมโรคเป็นเวลา 14 วัน ตั้งแต่พวกเขาเดินทางมาถึง
เวสเทิร์นออสเตรเลีย ไม่เพียงแต่ปิดพรมแดนของรัฐ แต่ยังกำหนดข้อจำกัดการเดินทางภายในรัฐ ตั้งแต่เที่ยงคืนวันอังคาร (31 มี.ค.) ซึ่งหมายความว่าประชาชนจะไม่สามารถเดินทางออกนอกภูมิภาคที่ได้กำหนด (designated region) ไว้ของตน
ยังมีมาตรการอื่นๆ ที่ถูกกำหนดขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้เดินทางเข้าไปยังชุมชนพื้นเมืองที่อยู่ห่างไกลของนอร์เทิร์นเทร์ริทอร์รีและเซาท์ออสเตรเลีย
การแพร่ระบาดใหญ่ของเชื้อไวรัสโคโรนาทำให้มีการบังคับใช้มาตรการ “ปิดเมือง (lockdown)” ไปทั่วโลก รวมไปถึง สหราชอาณาจักร นิวซีแลนด์ อินเดีย อิตาลี และเปรู
แต่นายมอร์ริสันเตือนให้ระวังการใช้คำว่า “ปิดเมือง (lockdown)” โดยบอกว่าเขาไม่ต้องการจะสร้าง “ความวิตกกังวลที่ไม่จำเป็น”
รายการ เอสบีเอส ไทย ออนไลน์ ออกอากาศสดหนึ่งชั่วโมงเต็ม กดฟังได้ที่เว็บไซต์ ทุกจันทร์และพฤหัสบดี 22.00 น. (เวลาซิดนีย์/เมลเบิร์น) หลังจากนั้นฟังซ้ำได้ทุกเมื่อ
ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่
เรื่องราวที่น่าสนใจ
เกือบ 6 หมื่นธุรกิจขอรับเงินชดเชยค่าจ้างให้ลูกจ้างจากรัฐบาล