ประเด็นสำคัญในบทความ
- รัฐบาลออสเตรเลียจะเพิ่มจำนวนสูงสุดในการรับผู้ย้ายถิ่นฐานให้เป็น 195,000 คนต่อปี เพิ่มขึ้นจากเดิม 35,000 คน
- นาย แอนดรูว์ ไจล์ส รัฐมนตรีด้านการย้ายถิ่นฐาน กล่าวว่า รัฐบาลจะให้งบ36.1 ล้านดอลลาร์เพื่อสะสางวีซ่าที่คั่งค้างในระบบ
นางแคลร์ โอนีล รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของออสเตรเลีย กล่าวว่ารัฐบาลออสเตรเลียจะเพิ่มจำนวนสูงสุดในการรับผู้ย้ายถิ่นฐานให้เป็น 195,000 คนต่อปี เพิ่มขึ้น 35,000 คนจากก่อนหน้านี้ที่จำกัดอยู่ไม่เกิน 160,000 คน
การประกาศของนางโอนีลตรงกับความเห็นของนายกรัฐมนตรี แอนโทนี อัลบานีซี ที่กล่าวเมื่อเช้าวันศุกร์ว่า มี "ฉันทามติ" เกี่ยวกับความจำเป็นที่จะต้องมีการรับผู้ย้ายถิ่นฐานถาวรมากขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน
"ฉันต้องการเน้นย้ำว่าหนึ่งในวาระสำคัญลำดับต้นๆ ของพรรคแรงงาน คือการเปลี่ยนจากการมุ่งเน้นไปที่ผู้ย้ายถิ่นฐานระยะสั้น ไปยังการย้ายถิ่นฐานถาวร การได้เป็นพลเมือง และการร่วมกันสร้างชาติ" นางโอนีลกล่าวในวันที่สองของการประชุมสุดยอดเรื่องงานและทักษะ
นางแคลร์ โอนีล รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของออสเตรเลีย Source: AAP / MICK TSIKAS
นาย แอนดรูว์ ไจล์ส รัฐมนตรีด้านการย้ายถิ่นฐาน กล่าวว่า รัฐบาลจะให้งบประมาณ 36.1 ล้านดอลลาร์เพื่อสะสางการพิจารณาวีซ่าที่คั่งค้างอยู่ในระบบ
“เราจะลงทุน 36.1 ล้านดอลลาร์สำหรับการดำเนินการพิจารณาวีซ่า เพื่อเพิ่มจำนวนพนักงานอีก 500 คนภายในช่วง 9 เดือนข้างหน้า” นายไจล์ส กล่าว
"นอกเหนือจากการสะสางวีซ่าที่คั่งค้างแล้ว นี่จะช่วยในการทำให้โครงการรับผู้ย้ายถิ่นฐานถาวรบรรลุความสำเร็จ"
นายอัลบานีซีบอกกับรายการ News Breakfast ของเอบีซี ว่า ภาคแรงงานของออสเตรเลียนั้นมีความ "เปราะบาง" เกินไป เนื่องจากพึ่งพาการรับผู้ย้ายถิ่นฐานชั่วคราว ซึ่งเขากล่าวว่าเรื่องนี้เห็นได้ชัดเจนในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด-19
“มีฉันทามติว่ามีความจำเป็นต้องเพิ่ม (การรับผู้อพยพ) และยังมีความเห็นพ้องว่านี่ไม่ใช่แค่เรื่องจำนวนเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับระบบการรับผู้ย้ายถิ่นฐานของเรา ที่เราต้องก้าวไปสู่การรับผู้ย้ายถิ่นฐานถาวรมากขึ้น แทนการพึ่งพาแรงงานชั่วคราว” นายอัลบานีซี กล่าว
“สิ่งเหล่านั้นทำให้เรามีความเปราะบางมากขึ้น ดังนั้นเมื่อพรมแดนระหว่างประเทศปิด ทันใดนั้นก็เกิดการพึ่งพาแรงงานชั่วคราวมากเกินไป ซึ่งหมายความว่าเราจึงไม่สามารถเติมเต็มทักษะที่จำเป็นในประเทศนี้ได้”
บทบาทของการรับผู้ย้ายถิ่นและการฝึกอบรมทักษะที่ขาดแคลน และวิกฤตการขาดแคลนแรงงานจะเป็นวาระสำคัญในการอภิปรายกันในการประชุมสุดยอดเกี่ยวกับงานและทักษะครั้งนี้
โดยผู้แทนฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกว่า 140 คนได้มาร่วมประชุมกันในวันที่สอง ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการประชุมสุดยอดที่อาคารรัฐสภาในกรุงแคนเบอร์ราในวันศุกร์วันนี้ (2 ก.ย.)
นายอัลบานีซีจะมีการประกาศอื่นๆ เพิ่มเติมในช่วงบ่ายวันศุกร์ หลังจากที่ประกาศไปในวันแรกของการประชุมสุดยอดครั้งนี้ ว่าจะเพิ่มการให้ทุนเรียนในสถาบันเทฟ (TAFE) โดยปลอดค่าเล่าเรียน เพิ่มเติมอีก180,000 ทุนภายในปี 2023 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการด้านการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มผู้มีทักษะในด้านที่ขาดแคลน
นายอัลบานีซีกล่าวว่า ประเด็นหลักที่ผู้เข้าประชุมจะไปขบคิดต่อจากการประชุมสุดยอดในครั้งนี้จำเป็นเรื่องความมั่นคงของงาน
“มีคนมากขึ้นกว่าเดิมที่ทำงานที่ไม่มั่นคง ผู้คนกำลังทำงานสองงานเพียงเพื่อจะให้มีเงินพอใช้ ค่าจ้างตามไม่ทันค่าครองชีพ” นายอัลบานีซี กล่าวในงานเลี้ยงอาหารค่ำผู้เข้าร่วมการประชุม
"ผู้คนไม่มีความมั่นคงอย่างที่จำเป็นต้องมี เหมือนที่ได้รับจากงานประจำหรือการมีรายได้มั่นคง เพื่อชำระค่าผ่อนบ้านหรือวางแผนที่มั่นคงสำหรับครอบครัว”
"ผมต้องการให้ผู้คนมีความมั่นคง"
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า หนึ่งในความสำเร็จของการเจรจาก่อนการประชุมสุดยอดและจากการประชุมเองนั้น คือการได้รับความเห็นพ้องเกี่ยวกับการลดการพึ่งพาการรับผู้ย้ายถิ่นชั่วคราว
“มีผู้คนที่นี่ถือวีซ่าชั่วคราวปีแล้วปีเล่า และต่อวีซ่าไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้ให้ความแน่นอนแก่พวกเขา ที่จะสามารถซื้อบ้าน ส่งลูกๆ ไปโรงเรียน และมีความมั่นคงเหล่านั้น” นายกรัฐมนตรีกล่าว
"เราต้องทำให้ดีกว่านี้"
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
การเปลี่ยนแปลงด้านวีซ่าและทิศทางรัฐบาลออสฯ ปีงบฯ 2022-23