ประเด็นสำคัญ
- ผู้หญิงคนหนึ่งถูกสุนัขดิงโก (Dingo) อย่างน้อย 3 ตัวกัดและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล
- ผู้เชี่ยวชาญบางคนกล่าวว่าการถูกสุนัขดิงโกรุมกัดเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก
- แต่เหตุการณ์ครั้งล่าสุดทำให้เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าชาวอะบอริจินผิดหวังที่นักท่องเที่ยวไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำด้านความปลอดภัย
เหตุการณ์สุนัขดิงโก (Dingo) รุมกัดผู้หญิงคนหนึ่งที่เกาะการี (K'gari หรือเดิมคือเกาะเฟรเซอร์) ทำให้มีการจับตาดูพฤติกรรมของสุนัขพื้นเมืองออสเตรเลียเหล่านี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าและองค์กรที่เกี่ยวข้องต่างไม่พอใจที่นักท่องเที่ยวไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำด้านความปลอดภัย
หญิงรายนี้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล พร้อมบาดแผลจากการถูกกัดจำนวนมาก หลังถูกสุนัขดิงโกอย่างน้อย 3 ตัวรุมกัด ขณะที่เธอกำลังวิ่งจ็อกกิงบนชายหาดที่เกาะการี (K'gari หรือเดิมคือเกาะเฟรเซอร์) ในรัฐควีนส์แลนด์เมื่อช่วงกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
สุนัขดิงโกเหล่านั้นวิ่งไล่ต้อนเธอลงไปในน้ำ ก่อนที่จะมีชายสองคนขับโฟร์-วีล ไดรฟ์ เข้าไปช่วยเธอไว้ได้
การที่สุนัขดิงโกรุมกัดคนเกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน?
"การรุมทำร้ายมนุษย์ของดิงโกนั้นเกิดขึ้นน้อยมาก และในกรณีส่วนใหญ่เมื่อมนุษย์ถูกรุมกัด จะมาจากการที่สุนัขดิงโกเริ่มคุ้นเคยกับมนุษย์และอาจจะเลิกกลัวมนุษย์ไปแล้วด้วยซ้ำ" คุณ บิล เบทแมน นักนิเวศวิทยาเชิงพฤติกรรมระบุในบทความที่เผยแพร่ทาง
"นี่เป็นเพราะพวกมันเชื่อมโยงมนุษย์กับอาหาร แม้ว่าจะไม่ได้มองมนุษย์ว่าเป็นอาหารก็ตาม"
เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าชาวอะบอริจินผิดหวังที่นักท่องเที่ยวไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับสุนัขดิงโก Source: AAP / Christian Valenzuela
เกาะแห่งนี้ ซึ่งเป็นเกาะทรายที่ใหญ่ที่สุดในโลกและอยู่ห่างจากบริสเบนไปทางเหนือ 300 กิโลเมตร ได้ถูกเปลี่ยนชื่อ จากชื่อเดิมคือเกาะเฟรเซอร์ ถูกเปลี่ยนกลับไปเป็นชื่อภาษาพื้นเมืองดั้งเดิมคือ การี (K'gari) ซึ่งแปลว่า 'สรวงสวรรค์'
คุณจอร์จ ซีย์มอร์ นายกเทศมนตรีสภาเทศบาลพื้นที่ เฟรเซอร์ โคสต์ เชื่อว่า มีเหตุสุนัขดิงโกรุมกัดผู้คนเกิดขึ้นที่อุทยานแห่งชาติแห่งนี้ในช่วงสองปีที่ผ่านมามากกว่าในช่วงสิบปีก่อนหน้านี้
“มีบางสิ่งที่แตกต่างออกไปในช่วงสองปีที่ผ่านมา” เขาบอกกับสถานีวิทยุเอบีซี โดยชี้ไปที่ความถี่ของการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสุนัขดิงโกและพฤติกรรมของดิงโก
"นี่เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงมาก เพราะมันน่ากลัวอย่างยิ่งที่ถูกสัตว์ป่ารุมทำร้าย"
จะทำอย่างไรหากเราเผชิญหน้ากับสุนัขดิงโก
เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าชาวอะบอริจินกล่าวว่า พวกเขาผิดหวังที่ผู้คนไม่ได้ฟังคำเตือนด้านความปลอดภัย และพวกเขาขอให้ประชาชนปฏิบัติตามคำเตือนเหล่านี้อย่างเคร่งครัด
คำแนะนำด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับสุนัขดิงโกนั้นรวมถึง การห้ามให้อาหารแก่สุนัขดิงโก เก็บอาหารและเศษอาหารไว้ในภาชนะหรือในพื้นที่ที่สุนัขดิงโกไม่สามารถเข้าถึงได้ การตั้งแคมป์ภายในบริเวณที่มีรั้วกั้น การอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่ม อย่าให้เด็ก ๆ อยู่ไกลจากระยะที่ผู้ใหญ่จะเข้าไปช่วยเหลือได้ทันที และอย่าวิ่ง เมื่อเผชิญหน้ากับสุนัขดิงโก
ลูกสุนัขดิงโกที่สวนสัตว์ทารองกาในซิดนีย์ แม้พวกมันจะดูน่ารัก แต่มีคำเตือนถึงนักท่องเที่ยวว่า "ดิงโกไม่ใช่ลูกหมา" พวกมันเป็นสัตว์ที่อันตราย Source: AAP / Taronga Zoo
"คำเตือนมีอยู่ทุกที่ ก่อนที่คุณจะจองที่พักเพื่อไปที่นั่นด้วยซ้ำ" คุณไวอา บอกกับ เอ็นไอทีวี นิวส์ (NITV News)
"คุณมีใบปลิวและแผ่นพับ มีการแจ้งจากพนักงานต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ขับรถทัวร์ เรามีป้ายบอกไว้ทั่วเกาะ เรามีโบรชัวร์ทุกที่ เราก็ยังมีการแจ้งเตือนจากเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าของเราทุกคนด้วย"
เธอกล่าวต่อไปว่า แต่ผู้คนเพิกเฉยและไม่เอาใจใส่คำแนะนำด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับสุนัขดิงโก
“เราบอกว่า คุณไม่สามารถนำอาหารและเครื่องดื่มไปยังแอ่งน้ำ (ซึ่งเป็นบริเวณที่สัตว์ต่าง ๆ มาดื่มกิน water holes) ได้ แต่เราก็ยังคงเห็นผู้คนทำอาหารและย่างบาร์บีคิวที่นั่นอยู่” คุณไวอากล่าว
"เราไม่ได้ทำเช่นนี้ เพราะเราต้องการให้พวกเขาหมดสนุก แต่เราต้องการให้พวกเขาได้ไปที่นั่นและเพลิดเพลินไปกับความสวยงามของเคการี"
คุณไวอากล่าวว่าชุมชนอะบอริจินในท้องถิ่นรู้สึกผูกพันกับสุนัขดิงโกหรือที่เรียกกันว่าวองการีในภาษาพื้นเมือง
"การทำการุณยฆาตสุนัขดิงโกเป็นทางเลือกสุดท้ายที่เราไม่ต้องการให้เกิดขึ้น ฉันจะผลักดันให้มีการปิดบริเวณตั้งแคมป์เสียมากกว่า (ที่จะสังหารสุนัขดิงโก) เพราะผู้คนไม่จำเป็นต้องไปที่นั่น"
กลยุทธ์การล่าของสุนัขดิงโก
คุณ ลินดา เบห์เรนดอร์ฟ เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าของบริการด้านอุทยานและสัตว์ป่าของรัฐควีนส์แลนด์ กล่าวว่า สุนัขดิงโกที่ร่วมก่อเหตุรุมกัดบนเกาะการีครั้งล่าสุดนี้นั้น สวมปลอกคอที่ฝังจีพีเอส (GPS) อยู่ด้วย
“มันเป็นสัตว์ที่มีความเสี่ยงสูง (ที่จะทำร้ายผู้คน)” คุณเบห์เรนดอร์ฟ กล่าว
คุณ ดาร์เรน เบล็ก จากบริษัทบุชชูลา อะบอริจินอล คอร์ปอเรชัน (Butchulla Aboriginal Corporation) บอกกับเอบีซีว่า เขาไม่แปลกใจเลยที่สุนัขดิงโกไล่ต้อนผู้หญิงคนนี้ลงไปในน้ำ และเสริมว่าพวกมันไม่ใช่ "ลูกหมา" ที่เราจะไปเล่นด้วยได้
“นั่นเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การล่าของพวกมัน” คุณ เบล็ก อธิบาย
"นั่นคือสิ่งที่พวกมันทำกับวอลลาบี … พวกมันไล่ต้อนวอลลาบีลงไปในน้ำ"
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
เตือนนักท่องเที่ยวระวังจิงโจ้ทำร้าย